เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1504 พบผู้มีพระคุณ
แปลโดย iPAT
ในทะเลทรายผีเขียว ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดำหนาทึก แสงแดดแทบไม่สามารถสาดส่องลงมา
ฝูงอสูรวิญญาณกลุ่มเล็กๆกำลังเคลื่อนที่อยู่ในทะเลทราย
มีผู้อมตะสามคนอยู่ท่ามกลางพวกมัน
สองคนถูกจับเป็นเชลยขณะที่อีกหนึ่งเป็นเจ้านายของฝูงอสูรวิญญาณ
“ฮ่าฮ่า พวกเจ้าสองคนจากตระกูลฟางคิดว่าสามารถผ่านไปได้งั้นหรือ?” ผู้อมตะในชุดคลุมสีเทากล่าว เขามีจมูกแหลม ตาบาง และมีเคราแพะ เขานั่งอยู่บนแผ่นหลังของอสูรวิญญาณบรรพกาลร่างกระทิง
ฟางเล้งและฟางหยุนเป็นผู้อมตะระดับหก พวกเขาดูสะอาดและเรียบร้อย แต่ในความเป็นจริงดวงวิญญาณของพวกเขาถูกผูกมัดด้วยโซ่วิญญาณสีเทาและไม่สามารถขยับเขยื้อน
ฟางเล้งอายุมากกว่าฟางหยุนเล็กน้อย เขาเงียบและไม่ตอบคำถาม
ฟางหยุนอยู่ในร่างเด็กหนุ่มที่หล่อเหลา เขาเป็นคนมีชีวิตชีวา เขาตอบ “ผีเฒ่าไป่จุน ไม่ใช่ว่าเราไม่สามารถเขียนจดหมายถึงตระกูลของเรา แต่เจ้ามัดพวกเราเอาไว้ พวกเราไม่แม้แต่จะสามารถใช้วิธีการสื่อสาร คลายโซ่ลงเล็กน้อยเพื่อให้ข้าส่งจดหมาย”
ผีเฒ่าไป่จุนเย้ยหยัน “เจ้ากล้าหลอกลวงข้างั้นหรือ? หากข้าทำเช่นนั้นเจ้าจะหลบหนีทันที มันไม่ง่ายที่ข้าจะตามจับเจ้า เจ้าคิดว่าข้าจะหลงกลจริงๆงั้นหรือ?”
ฟางหยุนเร่งกล่าว “ข้าจะกล้าหลอกผู้อาวุโสได้อย่างไร? สิ่งที่ข้ากล่าวคือความจริง เจ้าเห็นหรือไม่ว่ามัน…อา…”
ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยค ฟางหยุนก็กรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช
ผีเฒ่าไป่จุนหัวเราะขณะที่ฟางเล้งตะโกนด้วยความโกรธ “หยุด อย่าทำร้ายน้องชายของข้า!”
ผีเฒ่าไป่จุนรู้สึกรำคาญ “ดูเหมือนพวกเจ้าจะชอบการแสดง พวกเจ้ายังไม่รู้สถานการณ์ของตนเองอีกงั้นหรือ? ฮืม! งั้นข้าจะมอบบทเรียนให้พวกเจ้า!”
จากนั้นเขาก็เริ่มทรมานฟางเล้งเช่นกัน
คิ้วของเขาขมวดแน่น แต่เขาไม่เปล่งเสียงใดๆออกมา เว้นเพียงร่างกายที่สั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ
ผีเฒ่าไป่จุนทรมานพวกเขาชั่วขณะก่อนจะหยุด
เขาขมวดคิ้วคิด ‘หากเป็นผู้อมตะทั่วไปข้าสามารถสังหารพวกเขาได้โดยไม่ต้องคิด แต่สองคนนี้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา ตระกูลฟางเป็นกองกำลังใหญ่ของทะเลทรายตะวันตก หากข้าฆ่าพวกเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ตระกูลฟางจะตามล่าข้า ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของตระกูลฟาง ฟางตี้เฉิงเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่มีชื่อเสียงของทะเลทรายตะวันตก นอกจากนี้หากตระกูลฟางมาที่ทะเลทรายผีเขียว มันจะขัดขวางแผนการของนายท่าน’
‘แต่หากข้าปล่อยพวกเขาไปและนายท่านถามข้าในภายหลัง เขาอาจตำหนิว่าข้าขี้ขลาด สิ่งเดียวที่ข้าทำได้ตอนนี้คือจับคนทั้งสองไปเรียกค่าไถ่ ด้วยวิธีนี้ข้าจะทำให้ทั้งสองฝ่ายพอใจ’ ผีเฒ่าไป่จุนครุ่นคิดและมองเชลยทั้งสองอีกครั้ง
ฟางเล้งและฟางหยุนหอบหายใจอย่างหนักหน่วงและทรุดตัวลงบนแผ่นหลังอสูรวิญญาณจากการถูกทรมาน
ผีเฒ่าไป่จุนเย้ยหยัน “กระทั่งมนุษย์เหล็กไหลก็ไม่สามารถอดทนต่อการทรมานของข้า เป็นอย่างไร พวกเจ้าต้องการทดลองอีกครั้งหรือไม่?”
ฟางเล้งกัดฟันกล่าว “ผีเฒ่า ฆ่าพวกเราซะ!”
ฟางหยุนตะโกน “อย่า อย่า ข้าจะติดต่อตระกูล!”
ผีเฒ่าไป่จุนมองฟางหยุนและหัวเราะ “หากเจ้ายอมจำนนตั้งแต่แรก เจ้าคงไม่ต้องพบกับความทุกข์ทรมานเช่นนี้”
ฟางหยุนตะโกนด้วยความโศกเศร้า “ผู้อาวุโส ข้าไม่ได้หลอกลวง หากไม่คลายโซ่ลงเล็กน้อย ผู้เยาว์จะไม่สามารถส่งจดหมายกลับไปที่ตระกูล”
ผีเฒ่าไป่จุนคำราม “ยังจะแก้ตัวอีก!”
เขาทรมานผู้อมตะทั้งสองอีกครั้ง
หลังจากทรมาน ฟางเล้งและฟางหยุนไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป ทั้งสองทรุดตัวลงบนหลังอสูรวิญญาณราวกับซากศพ
“คิดได้หรือยัง?” ผีเฒ่าไป่จุนเย้ยหยัน
ฟางหยุนกล่าว “คิดได้แล้ว แต่ข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสคิดดีแล้วเช่นนั้นหรือ?”
“ข้า? ข้าต้องคิดสิ่งใด?” ผีเฒ่าไป่จุนถามด้วยความประหลาดใจ
“ผู้อาวุโส พวกเราเป็นสมาชิกตระกูลฟาง ขณะที่ผู้อาวุโสเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ หากท่านยั่วยุตระกูลฟาง ชีวิตของท่านอาจวุ่นวายมิใช่หรือ? เหตุใดท่านไม่ปล่อยพวกเราไปและสร้างสายสันพันธ์ที่ดีกับตระกูลฟาง ไม่ใช่ว่าวิธีนี้จะดีกว่างั้นหรือ?” ฟางหยุนยิ้ม
ผีเฒ่าไป่จุนโกรธมาก “เจ้าคิดว่าข้ากลัวตระกูลฟางของเจ้างั้นหรือ? ฮืม! หากข้ากลัวตระกูลฟางของเจ้า ข้าจะจับพวกเจ้ามาเรียกค่าไถ่งั้นหรือ?”
“ผู้อาวุโสกำลังคิดที่จะทำสัญญาไม่รุกรานกับตระกูลฟางของเรา ผู้เยาว์ยอมรับว่าเรื่องของวันนี้เป็นความผิดของพวกเรา เราทำให้ผู้อาวุโสขุ่นเคือง เรากระทำความผิดอันใหญ่หลวง แต่โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย” ฟางหยุนกล่าวอย่างอ่อนแรง
“ฮืม! ตอนนี้เจ้ายอมรับแล้วงั้นหรือ? ก่อนหน้านี้เจ้าสร้างปัญหาให้ข้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วสำหรับเรื่องนั้น!” ผีเฒ่าไป่จุนกล่าวด้วยเสียงที่มั่นคงแต่หัวใจของเขาลอบสั่นไหว
ความตั้งใจของเขาถูกคาดเดาโดยผู้อมตะตระกูลฟางทั้งสอง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะบังคับให้พวกเขายอมจำนน
ฟางหยุนยังโน้มน้าวต่อ “ผู้อาวุโสสามารถลงโทษข้าและข้าจะยอมรับการลงโทษ แท้จริงแล้วข้ามีสมบัติจำนวนมาก ตราบเท่าที่ผู้อาวุโสปล่อยพวกเราไป เราจะทำข้อตกลงไม่รุกรานได้ทันที นอกจากนั้นเรายังจะมอบค่าชดเชยกับให้ผู้อาวุโส เราไม่จำเป็นต้องแจ้งตระกูล”
ผีเฒ่าไป่จุนเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าพึ่งเกิดเมื่อวานนี้งั้นหรือ? เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าฟางเล้งพี่ชายของเจ้าเป็นผู้มีพรสวรรค์และเป็นผู้สืบทอดตระกูลฟางงั้นหรือ?”
หัวใจของฟางหยุนจมดิ่งลง เขาไม่ได้คาดหวังว่าผีเฒ่าไป่จุนจะรู้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับพวกเขา
แต่เขายังกล่าวต่อ “หากไม่แก้ปัญหานี้เป็นการส่วนตัว ตอนจบมันอาจไม่ดีนัก”
ผีเฒ่าไป่จุนส่ายศีรษะ “ไม่ ข้าจะคุยกับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฟางเท่านั้น นอกจากค่าชดเชย พวกเจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้ามาในทะเลทรายผีเขียวไปอีกหลายร้อยปี!”
การแสดงออกของฟางเลิ้งและฟางหยุนเปลี่ยนไป
ฟางเล้งกล่าว “ผีเฒ่าไป่จุน ความอยากอาหารของเจ้าใหญ่โตเกินไป ระวังท้องเจ้าจะระเบิด!”
ผีเฒ่าไป่จุนหัวเราะ “แม้ข้าจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่ข้าก็เข้าใกล้ระดับแปดแล้ว”
ฟางเล้งส่ายศีรษะ “แล้วอย่างไร? เจ้ากล้าเผชิญหน้ากับภัยพิบัติงั้นหรือ?”
ผีเฒ่าไป่จุนลูบเคราแพะของตน “แน่นอน ข้าไม่กล้าในตอนนี้แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่กล้าในอนาคต”
เขาลังเลก่อนจะตัดสินใจ
“เอาล่ะ ข้าจะทำลายความหวังทั้งหมดของพวกเจ้า จงดูว่านี่คือสิ่งใด?”
ฟางหยุนและฟางเล้งเงยหน้าขึ้นและเห็นวิญญาณดวงหนึ่งอยู่ในมือของผีเฒ่าไป่จุน
หัวใจของทั้งสองสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“มันคือวิญญาณอมตะระดับแปด!” ฟางหยุนอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ผีเฒ่าไป่จุนกล่าวด้วยความยินดี “ให้ข้าบอกเจ้า ชื่อของมันคือป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณ มันสามารถสะกดข่นอสูรวิญญาณได้โดยตรง วิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดสามารถสะกดข่มอสูรวิญญาณแรกกำเนิด สิ่งสำคัญคือมันไม่ต้องการพลังงานอมตะระดับแปด พวกเจ้าเข้าใจความหมายนี้หรือไม่?”
ฟางเล้งและฟางหยุนมองหน้ากับด้วยความตกใจ
ด้วยวิญญาณอมตะระดับแปดดวงนี้ ผีเฒ่าไป่จุนสามารถสร้างกองทัพอสูรวิญญาณขนาดใหญ่หรือกระทั่งสามารถครอบครองทะเลทรายผีเขียวทั้งหมด
ทะเลทรายผีเขียวมีอสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน นี่เป็นสถานที่อันตรายสำหรับคนอื่นๆ แต่มันเป็นสวรรค์สำหรับผีเฒ่าไป่จุน
“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ามีความทะเยอทะยานเช่นนี้ เจ้าต้องการยึดครองทะเลทรายผีเขียวและใช้อสูรวิญญาณเพื่อช่วยเจ้าก้าวข้ามภัยพิบัติและก้าวเข้าสู่ระดับแปด” เสียงของฟางเล้งแหบแห้ง
ฟางหยุนเร่งกล่าว “แต่ตระกูลฟางของเราเป็นกองกำลังใหญ่ที่อยู่ใกล้ทะเลทรายผีเขียว ตราบเท่าที่ผู้อาวุโสบรรลุข้อตกลงกับพวกเรา ท่านจะได้รับสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในการบ่มเพาะ”
“นั่นเป็นเรื่องจริง ข้ารู้ดี” ดวงตาของผีเฒ่าไป่จุนส่องประกายขึ้น “แท้จริงแล้วข้าต้องขอบคุณพวกเจ้าทั้งสองที่มาในเวลาที่เหมาะสม หนึ่งเป็นเหลนสายตรงของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฟาง อีกหนึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สอง แม้พวกเจ้าจะเป็นผู้อมตะระดับหก แต่พวกเจ้าก็มีค่าเพียงพอที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการเจรจา”
ฟางเล้งและฟางหยุนเงียบ
ฟางเล้งคิด ‘ผีเฒ่าไป่จุนผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเพราะวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณ ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะดวงนี้ ผีเฒ่าไป่จุนจะได้รับการปฏิบัติในฐานะกึ่งผู้อมตะระดับแปด ตระกูลต้องรับมือเขาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญคือพวกเราตกเป็นเชลยของเขา เห้อ…หากข้ารู้มาก่อน ข้าจะไม่มาที่นี่ตามคำขอของน้องชาย’
ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้ เสียงตะโกนของฟางหยุนกลับดังขึ้น “พี่ใหญ่ ดูนั่น!”
ฟางเล้งมองไปข้างหน้าด้วยความสงสัย เขาเห็นเมฆสีขาวบินผ่านกลุ่มก้อนเมฆสีดำที่ปกคลุมทะเลทรายผีเขียว
ฟางเล้งชะงักงันไปเล็กน้อยขณะที่เขาคิดถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้ของฟางหยุน
ในเวลานั้นฟางเล้งกล่าว “เจ้าช่างน่าหาญนัก เจ้าอยากไปผจญภัยที่ทะเลทรายผีเขียวงั้นหรือ?”
ฟางหยุนหัวเราะ “อย่ากังวล ข้าขอให้ท่านพ่ออนุมานการผจญภัยครั้งนี้มาแล้ว ท่านสรุปว่าการเดินทางครั้งนี้จะมีอันตรายแต่มันก็ไม่อันตราย เราจะได้พบกับผู้มีพระคุณและสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มากมาย”
ฟางเล้งขมวดคิ้ว “แม้เราจะพบบางคนที่ทะเลทรายผีเขียว แล้วเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าคนผู้นั้นจะเป็นผู้มีพระคุณุ?”
ฟางหยุนตบไหล่ฟางเล้ง “ข้าถามท่านพ่อมาแล้ว ท่านบอกว่าผู้มีพระคุณจะมาพร้อมกับเมฆสีขาว”
ฟางเล้งมึนงงก่อนจะเย้ยหยัน “เมฆสีขาว? ทุกคนรู้ว่าทะเลทรายผีเขียวถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดำ มันจะมีเมฆสีขาวได้อย่างไร?”
เมื่อคิดถึงบทสนทนานี้ ช่วยไม่ได้ที่ฟางเล้งจะคิดว่า ‘อาจเป็นผู้มีพระคุณที่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองกล่าวไว้?’
ผีเฒ่าไป่จุนมองเมฆสีขาวด้วยการแสดงออกที่มืดครึ้ม “เมฆสีขาวนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายบนเส้นทางแห่งโชค แต่มันไม่ใช่เพียงเส้นทางแห่งโชค เห็นได้ชัดว่ามันเป็นท่าไม้ตายอมตะ ผู้ใดเป็นเจ้าของสิ่งนี้?”