เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1565 ถูกบังคับให้ตาย
ก่อนหน้านี้ในทะเลทรายผีเขียว ฟางหยวนใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณขโมยวิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณระดับแปด
มือปีศาจปล้นวิญญาณเป็นเพียงท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด แกนกลางของมันคือวิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ระดับเจ็ด แต่ด้วยความช่วยเหลือจากท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์ภูตผี มันจึงสามารถขโมยวิญญาณอมตะระดับแปดจากร่างของชิงโจวอสูรวิญญาณแรกกําเนิดในตํานาน
ย้อนกลับไปในเวลานั้นระยะการโจมตีของมือปีศาจปล้นวิญญาณสั้นมาก ฟางหยวนต้องเข้าไปใกล้เป้าหมาย
หลังจากกลับมา ฟางหยวนดัดแปลงอาภรณ์ภูตผีและสามารถเพิ่มท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณเข้าไปในในท่าไม้ตายอมตะราชันภูตได้อย่างสมบูรณ์ ตอนนี้ไม่เพียงมือปีศาจปล้นวิญญาณจะมีระยะการโจมตีที่ยาวไกลแต่มันยังสามารถปกปิดตัวเองอีกด้วย
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมิ้งตู๋จะถูกโจมตี ตรงข้าม มันจะเป็นเรื่องผิดปกติหากเขาไม่ถูกโจมตี
“นี่คือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกระบี่ของเจ้างั้นหรือ?” ฟางหยวนถือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่อยู่ในรูปลักษณ์ของกระบี่ที่มีปีกเอาไว้ในมือ
เหงื่ออันเย็นเยียบไหลลงมาจากหน้าผากของเมิ้งตู๋ เขามองฟางหยวนด้วยดวงตาเบิกกว้างและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เจ้าเจ้าคว้าวิญญาณอมตะไปจากมิติช่องว่างของข้าได้จริงๆ! เจ้าได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์งั้นหรือ?”
“มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์…ฮ่าฮ่า เจ้าเดาถูกแล้ว ข้าได้รับหนึ่งในนั้น มาจริงๆ” ฟางหยวนหัวเราะขณะเก็บวิญญาณอมตะเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิต่อหน้าเมิ้งตู๋และปิดผนึกมันไว้บนภูเขาผนึกสวรรค์
เปลือกตาของเมิ้งตู๋กระตุกอย่างแรง
วิญญาณอมตะกระเหินไม่ใช่วิญญาณหลักของเมิ้งตู๋ แต่เขาต้องใช้ทรัพยากรมากมายเพื่อยกระดับมันจากวิญญาณระดับห้า เขาเสียทั้งเวลาและพลังงานอย่างมากไปกับมัน เขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่มันถูกปล้นชิงไปต่อหน้าเช่นนี้
ความโกรธปะทุขึ้นในหัวใจของเมิ้งตู๋แต่สิ่งที่มีมากกว่าคือความหวาดกลัว
ในอดีตเหตุใดเทพปีศาจปล้นสวรรค์จึงกลายเป็นหายนะของโลกใบนี้? มันไม่ใช่เพราะวิธีการขโมยวิญญาณอมตะของเขางั้นหรือ? เทพปีศาจปล้นสวรรค์สามารถขโมยสิ่งของที่อยู่ในมิติช่องว่างของผู้อมตะและตอนนี้ฟางหยวนกําลังใช้วิธีเดียวกันกับเทพปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ สิ่งนี้เหมือนกับเมฆดําที่ปกคลุมหัวใจของเมิ้งตู๋
เมิ้งตู๋้รักษาอาการบาดเจ็บของตนและกล่าวด้วยท่าทางเคร่งเครียด “เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมและยังได้รับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ดังนั้นเจ้าควรตระหนักถึงกฏที่บรรพชนของเจ้ากําหนดไว้ เทพปีศาจปล้นสวรรค์เคยกล่าวว่า โจรมีเกียรติของตนเอง เว้นที่ว่างไว้เสมอ และอย่าแสดงท่าที่เย่อหยิ่งเกินไป เมื่อเจ้าขโมยวิญญาณอมตะของข้าไปแล้ว เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก หากเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าสามารถให้เจ้ายืม”
ย้อนกลับไปเทพปีศาจปล้นสวรรค์อาละวาดไปทั่วโลกโดยไม่มีผู้ใดสามารถหยุดเขา
แต่เทพปีศาจปล้นสวรรค์ไม่ได้ชั่วร้ายโดยธรรมชาติ เขาเป็นคนดี เขาให้ความสําคัญกับเกียรติและศักดิ์ศรี ทั้งหมดที่เขาต้องการคือการกลับบ้าน การปล้นชิงทรัพยากรของเขาถูกใช้เพื่อจุดประสงค์นี้ทั้งสิ้น
หลังจากผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคล่วงรู้ถึงเป้าหมายของเขาเช่นเดียวกับที่รู้ว่าพวกเขาไม่สามารถป้องกันวิธีการของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาพบเทพปีศาจปล้นสวรรค์ พวกเขาจะให้ยืมสิ่งที่เทพปีศาจปล้นสวรรค์ต้องการตราบเท่าที่มันไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตของพวกเขา
เทพปีศาจปล้นสวรรค์ไม่มีความโลภที่ไม่รู้จักพอ หลังจากที่เขาได้รับสิ่งที่ต้องการ เขาจะไว้ชีวิตผู้อมตะเหล่านั้นและปล่อยให้พวกเขาจากไป ในกรณีส่วนใหญ่เขาจะนําไปเฉพาะสิ่งที่เขาต้องการเท่านั้น เขาไม่สนใจวิญญาณอมตะหรือทรัพยากรอมตะไม่ว่าพวกมันจะล้ำค่าเพียงใดก็ตาม
ตั้งแต่ฟางหยวนเป็นผู้สืบทอดของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เมิ้งตู๋ก็รู้ว่าตนเองไม่สามารถเอาชนะและเนื่องจากสถานการณ์ค่อนข้างเลวร้าย เขาจึงร้องขอความเมตตาโดยตรง
ฟางหยวนขมวดคิ้วพึมพํา “หากเจ้าต้องการทําสิ่งนี้จริงๆ มันไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
หลังจากกล่าวจบประโยค ดวงตาของฟางหยวนก็ส่องประกายขึ้นขณะที่เขาผลักฝ่ามือส่งคลื่นสีดําออกไป
คลื่นสีดําพุ่งไปยังเมิ้งตู๋
เมิ้งตู๋ไม่หลบ ตรงข้าม เขาหัวเราะ “เจ้าคิดจริงๆหรือว่า ข้า เมิ้งตู๋ จะขอร้องขอความเมตตา!?”
เขาถูกคลื่นสีดํากลืนกินเข้าไปแต่หลังจากไม่นานร่างกายของเขาก็ระเบิดแสงสว่างอันเจิดจ้าออกมา
“บึม!”
เขาระเบิดตัวเองและทําให้ทุ่งใบมีดร่วงโรยเกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่
หลังจากการระเบิดไม่มีแม้แต่ซากศพของเมิ้งตู๋เหลืออยู่ ขณะที่เกราะราชันภูตของฟางหยวนถูกทําลายไปมากกว่าครึ่ง
“เมิ้งตู๋ระเบิดตัวเองจริงๆ” ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
สิ่งนี้ค่อนข้างแตกต่างจากความทรงจําในชีวิตแรกของฟางหยวน
หากเมิ้งตู๋เป็นคนไม่สนใจชีวิตและความตาย เหตุใดเขาถึงเข้าร่วมกับวังสวรรค์?
ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงเลือกที่จะเชื่อว่าเมิ้งตู๋ตั้งใจร้องขอความเมตตาจริงๆ
แน่นอนว่าฟางหยวนไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยเมิ้งตู๋ไป แต่ในจังหวะที่เขากําลังจะเคลื่อนไหว เมิ้งตู๋กลับชิงระเบิดตัวเองไปก่อน
มันเป็นความมุ่งมั่นและเจตจํานงที่ตรงไปตรงมาอย่างแท้จริง
“บางที่ธรรมชาติของเมิ้งตู๋อาจค่อยๆเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเวลาเปลี่ยนไป ความคิดของมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลง ในชีวิตแรกของข้า มันเป็นเพราะวังสวรรค์วางแผนอันแยบยลเพื่อกดดันเมิ้งตู๋
ฟางหยวนส่ายศีรษะและกวาดตามองทุ่งใบมีดร่วงโรยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจากไป
วิญญาณเกือบทั้งหมดที่อยู่ในทุ่งใบมีดร่วงโรยถูกทําลายในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ศักยภาพในการเติบโตของพวกมันกลับยิ่งใหญ่ขึ้น เพราะการระเบิดตัวเองของเมิ้งตู๋ทําให้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของเขากระจายไปในทุ่งใบมีดร่างโรยแห่งนี้
ฟางหยวนได้รับประโยชน์เพียงเล็กน้อยในการต่อสู้ครั้งนี้
นอกจากการทดสอบท่าไม้ตายอมตะราชันภูต เขาก็ได้รับเพียงวิญญาณอมตะกระบี่เห็นระดับเจ็ดดวงเดียวเท่านั้น มันยังไม่ถึงเป้าหมายเดิมที่เขาตั้งใจซึ่งก็คือดวงวิญญาณของเมิ้งตู๋และแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขา
เจตจํานงอันแน่วแน่ของเมิ้งตู๋ทําให้ผลประโยชน์ของฟางหยวนลดลง
หลังจากฟางหยวนแสดงวิธีขโมยวิญญาณ เมิ้งตู๋้ก็ตระหนักว่าวิญญาณอมตะของเขาจะถูกขโมยไปทีละดวง ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสและความจริงที่ว่าเขาติดอยู่ที่นี่ เขาไม่มีความหวังที่จะหลบหนี ดังนั้นเขาจึงระเบิดตัวเองเพื่อไม่ให้ศัตรูได้รับผลประโยชน์ใดๆ จากมุมมองของเขา นี่เป็นการกระทําที่สมเหตุสมผลที่สุด
“เป็นเรื่องยากที่จะเตรียมตัวสําหรับความตาย เมิงผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก ในชีวิตแรกของข้า เขาเข้าข้างวังสวรรค์ เขาถูกเผ่าของเขาและโลกผู้อมตะภาคเหนือทอดทิ้ง นั่นทําให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงและกลายเป็นคนไร้ยางอาย สําหรับชีวิตนี้แม้เขาจะตายแต่เขาก็ตายอย่างมีเกียรติ” ฟางหยวนถอนหายใจ
อย่างไรก็ตามเป้าหมายของฟางหยวนประสบความสําเร็จแล้ว
ก่อนที่เขาจะขโมยวิญญาณอมตะของเมิ้งตู๋ เขาลอบนำสุราใบมีดขึ้นมาจากใต้ดินเรียบร้อยแล้ว
ฟางหยวนถอนตัวออกมาอย่างรวดเร็ว
ทุ่งใบมีดร่วงโรยเป็นเขตปกครองของเผ่าเมิ้ง เมื่อเมิ้งตู๋พบผู้บุกรุก เขาต้องส่งข้อความกลับไปแจ้งเผ่า
ไม่นานหลังจากนั้นเผ่าเมิ้งจะตระหนักถึงการเสียชีวิตของเมิ้งตู๋และผู้อมตะจํานวนมากจะมาตรวจสอบทุ่งใบมีดร่วงโรย
ฟางหยวนได้รับทรัพยากรที่เขาต้องการมาแล้ว หากมองไปยังอนาคต เพื่อขัดขวางวังสวรรค์ มันไม่คุ้มที่จะสังหารผู้อมตะของภาคเหนือ หากภาคเหนืออ่อนแอลง วังสวรรค์จะได้รับประโยชน์
ขณะที่ฟางหยวนไม่ได้อยู่ในการต่อสู้ เกราะราชันภูตก็เปลี่ยนเป็นเกราะอ่อนบางๆที่ซ่อนอยู่ในชุดคลุมของเขา
“โอ้ มีคนอนุมานข้า?” หลังจากบินมาได้ระยะหนึ่งการแสดงออกของฟางหยวนก็เปลี่ยนแปลงไป
เผ่าเมิ้งเป็นกองกําลังใหญ่ พวกเขามีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ความตายของเมิ้งตู๋ทําให้พวกเขาต้องค้นหาผู้กระทําความผิด
ฟางหยวนสูดหายใจและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของท่าไม้ตายอมตะราชันภูตอย่างระมัดระวัง
เกราะราชันภูตต่อต้านการอนุมานของผู้อมตะเผ่าเมิ้งอย่างต่อเนื่อง
ฟางหยวนป้องกันการอนุมานจากอีกฝ่ายขณะเดียวกันเขาก็คํานวณค่าใช้จ่ายด้านรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ
หลังจากชั่วครู่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของเผ่าเมิงก็หยุดอนุมาน
ฟางหยวนพยักหน้าด้วยความยินดี “การป้องกันการอนุมานของราชันภูตทรงพลังกว่าอาภรณ์ภูตผี มันอยู่ในระดับแปด แม้แต่เทพธิดาอเว่ยก็ไม่สามารถทําลายการป้องกันนี้”
พลังโจมตีและพลังป้องกันของท่าไม้ตายอมตะราชันภูตอยู่บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ด บุตรแห่งภูตเป็นการโจมตีที่รับมือได้ยาก ไม่เพียงพวกมันจะมีความยืดหยุน แต่พวกมันยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
สิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าก็คือมือปีศาจปล้นวิญญาณ สิ่งนี้สามารถขโมยวิญญาณอมตะระดับแปด ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว มันสามารถกําหนดชัยชนะและบังคับให้เมิ้งตู๋ระเบิดตัวเองทันที
ในระดับที่ใกล้เคียงกับมือปีศาจปล้นวิญญาณคือการป้องกันการอนุมาน นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนต้องการมากที่สุด
“อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะราชันภูตยังสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้
“ข้าควรออกแบบท่าไม้ตายเขตแดนอมตะโดยใช้ราชันภูตเป็นแกนกลาง
“ครั้งนี้หากเมิ้งตู๋ไม่ได้ปิดผนึกสถานที่และขังตัวเองไว้ภายใน เขาจะสามารถหลบหนี การฆ่าเขาจะยากกว่านี้มาก
“นอกจากนั้นหากข้ามีท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ เมื่อเมิ้งตู๋ระเบิดตัวเอง ข้าจะรับรู้ได้เร็วกว่านี้
ฟางหยวนจะปรับปรุงและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เขาเชื่อว่าท่าไม้ตายอมตะราชันภูตยังมีช่องว่างให้พัฒนาได้มากกว่านี้