เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1588 วางกับดักกันเอง
“เขาตายจริงๆงั้นหรือ?” ฟางหยวนรู้สึกตกตะลึงกับผลลัพธ์นี้เล็กน้อย
“ดูเหมือนหยางซานมู่จะโชคร้ายจริงๆ เขาถูกขโมยวิญญาณอมตะดวงสําคัญสองครั้งติดต่อกัน” ฟางหยวนสายศีรษะ
ผลลัพธ์นี้เกิดจากความแตกต่างของโชค
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนไม่สามารถปราบฟงจิวเก้อเพราะฝ่ายหลังเป็นผู้พิทักษ์เต๋าที่มีโชคใกล้เคียงกับเขา แต่หยางซานมู่เป็นคนธรรมดา ดังนั้นเขาจึงตกตายอยู่ในมือปีศาจปล้นวิญญาณ
ฟางหยวนตระหนักทันทีว่าการรวมตัวกันของเส้นทางแห่งโชคและเส้นทางแห่งการโจรกรรมทรงพลังมาก แม้มรดกบนเส้นทางทั้งสองสายของเขาจะไม่สมบูรณ์ แต่มันมีต้นกําเนิดมาจากสองผู้อมตะระดับเก้าที่ยิ่งใหญ่
ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะ ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้เต็มไปด้วยความกังวลเมื่อเห็นหยางซานมู่ติดอยู่ในเขตแดนอมตะ
จื่อชิวกระตุ้นเซี่ยฟาน “เร็ว เจ้ายังไม่สามารถอนุมานเขตแดนนี้อีกมั้นหรือ?”
เซี่ยฟานกําลังครุ่นคิดโดยไม่สนใจคํากล่าวของจื่อชิว
ผู้อมตะคนอื่นๆกําลังพูดคุย
“มันคือเขตแดนใด? มันถูกจัดตั้งอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!”
“ไม่แปลกใจเลยที่เขากล้ามายั่วยุพวกเราเพียงลําพัง เขามีท่าไม้ตายที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ”
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านเซี่ยฟานแล้ว”
เซี่ยฟานได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ เขากลอกตาและคิดกับตนเอง “คนเหล่านี้ไม่รู้สิ่งใดเลยเกี่ยวกับเส้นทางแห่งปัญญา! พวกเขาคิดว่าเขตแดนอมตะเป็นเรื่องง่ายที่จะคลี่คลายงั้นหรือ?”
เซี่ยฟานรู้สึกถึงความยากลําบาก “โอ้ หยางซานมู่ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถอดทน”
แต่เมื่อเวลาผ่านไปแรงกดดันของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว หากเขาไม่สามารถคลี่คลายเขตแดนนี้ แม้ผู้อมตะภาคใต้จะมีมากมายเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าสู่เขตแดนอมตะเพื่อช่วยเหลือสหาย หากเขาล้มเหลว ชื่อเสียงของเขาจะได้รับผลกระทบ แต่นั้นยังไม่ใช่สิ่งใดหากเปรียบเทียบกับข่าวลือที่กระจายออกไปว่าเขาสามารถทําได้แต่ปฏิเสธที่จะทํามันและเพียงเฝ้าดูหยางซานมู่ตายไปต่อหน้าเท่านั้น หากสิ่งนี้เกิดขึ้น ชื่อเสียงของเขาจะพังทลายลงอย่างสมบูรณ์
แต่เขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตของฟางหยวนจะถูกอนุมานและทําลายอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
เทพธิดาจื่อเว่ยสามารถทําได้เพราะนางเป็นหนึ่งในสามผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกยุคปัจจุบันแต่เซี่ยฟานไม่ใช่!
“ข้าไม่สามารถอนุมานสิ่งใดเลย! รากฐานของมันลึกเกินไป ดูเหมือนมันจะมีต้นกําเนิดที่น่ากลัว!” หลังจากชั่วครู่ ร่างกายของเซี่ยฟานก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
ผู้อมตะภาคใต้ยังวิพากษ์วิจารณ์ต่อไปและทําให้เซี่ยฟานรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น
เขาเปิดเปลือกตาขึ้นและตะโกนด้วยความโกรธ “ พวกเจ้าหุบปาก!”
กลุ่มผู้อมตะปิดปากลงทันที
จื่อชิงกระแอมไอก่อนกล่าว “ถูกต้อง ทุกคนอยู่ในความสงบ อย่ารบกวนท่านเซี่ยฟาน ด้วยความสามารถของเขา ข้าเชื่อว่าเขาจะไม่ทําให้พวกเราผิดหวัง!”
คํากล่าวเหล่านี้บังคับให้เซี่ยฟานไม่มีทางเลือก
เขามองจื่อชิวด้วยสายตามืดครึมขณะที่คนหลังแสดงท่าที่สนับสนุนราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา
เซี่ยฟานกัดฟันด้วยความโกรธ
แต่เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา หลังจากเปลี่ยนวิธีคิด เขาก็เผยรอยยิ้ม “ทุกคนโปรดสงบจิตใจ พวกเจ้าคงลืมไปแล้วท่านหยางซานมู่มีทักษะในการตรวจสอบมากที่สุด เขาออกไปต่อสู้เพราะเขามีความมั่นใจ เขาต้องได้รับข้อมูลหรือค้นพบความจริงบางอย่างที่พวกเราไม่รู้”
เซี่ยฟานและหยางซานมู่ไม่ได้รักกัน พวกเขาเกลียดกัน!
แต่ตอนนี้เซี่ยฟานกลับยกย่องหยางซานมู่และวางเขาไว้บนที่สูง
นี่ทําให้ทุกคนตกตะลึงก่อนที่จะตระหนักถึงบางสิ่ง
หากมันเป็นเช่นที่เซี่ยฟานกล่าว มันหมายความว่าหยางซานม่ต้องการสร้างชื่อเสียงและรับผลประโยชน์เพียงผู้เดียวโดยทิ้งพวกเขาไว้เบื้องหลัง
ตอนนี้เส้นโลหิตปฐพีกําลังเคลื่อนไหว ทรัพยากรอมตะและวิญญาณอมตะปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่ง แล้วผู้ใดจะต้องการอยู่ปกป้องสถานที่แห่งนี้? ผู้ใดจะไม่ต้องการออกไปแสวงหาโชคลาภ?
หากหยางซานมู่ได้รับความดีความชอบจากเรื่องนี้ เขาจะสามารถปลดประจําการและออกจากที่นี่!
ในความเป็นจริงไม่เพียงหยางซานมู่แต่ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างต้องการจากไป
ไม่นานหลังจากนั้นกลุ่มผู้อมตะก็เริ่มเปลี่ยนคําพูด
พวกเขาเห็นด้วยกับคํากล่าวของเซี่ยฟาน
“ท่านเซี่ยฟานกล่าวได้ถูกต้องแล้ว วิธีตรวจสอบของท่านหยางซานมู่มีชื่อเสียงโด่งดังในภาคใต้ ทุกคนรู้ดี”
“ถูกต้อง ถูกต้อง ข้าจําช่วงเวลาที่สวรรค์สีดําเกิดความปั่นป่วนได้อย่างชัดเจน หลังจากเขารายงานไปยังตระกูลหยาง พวกเขาก็เดินทางไปยังจุดหมายล่วงหน้าและได้รับผลประโยชน์ครั้งใหญ่เพียงฝ่ายเดียว”
“ท่านหยางซานมู่เคยไล่ล่าปีศาจอมตะเหนียงหวางฮวยมาก่อน ชายผู้นั้นทั้งเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย เขาซ่อนตัวอยู่เป็นเวลานานและสามารถหลบหนีจากจับกุมของตระกูลไท่ แต่สุดท้ายเขากลับจบลงในเงื้อมมือของท่านหยางซานมู่”
“ในความคิดเห็นของข้า ครั้งนี้ท่านหยางซานมู่ต้องมั่นใจมาก เราต้องเชื่อมั่นในการตัดสินใจของเขา เราต้องไม่หวั่นไหว ข้ายังต้องเตือนทุกคน หลังจากที่ท่านหยางซานมู่ได้รับชัยชนะ เราต้องให้เขาอยู่ที่นี่ต่อเพื่อตรวจสอบเขาอย่างระมัดระวัง พวกเจ้าจําเรื่องของฟางหยวนเมื่อไม่นานมานี้ได้หรือไม่?”
ฟางหยวนใช้ใบหน้าที่คุ้นเคยปลอมตัวเป็นวอี้ให้และแฝงตัวอยู่ในกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เป็นเวลานาน นั่นทําให้ผู้อมตะภาคใต้สูญเสียชื่อเสียงและรู้สึกโกรธมาก
“ฮืม ฟางหยวนเป็นวายร้ายปีศาจที่แทรกซึมเข้ามาในฝ่ายธรรมะ วันหนึ่งเขาต้องถูกลงโทษ!”
“ฝายปีศาจไม่มีวันชนะฝ่ายธรรมะ นี่คือกฎของโลกใบนี้ ปีศาจอาจหยิ่งยโสในเวลานี้ แต่เขาต้องเผชิญหน้ากับการแก้แค้นในวันหนึ่ง กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณยังถูกวังสวรรค์จับกุมหลังจากความตาย แล้วเขาเป็นผู้ใด?”
“ข้าต้องการฆ่าปีศาจตนนี้ด้วยตัวเอง เห้อ…น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเข้าร่วมในการต่
อสู้ครั้งนั้น”
จื่อชิวไม่พูด เขามองเซี่ยฟานด้วยสายตาลึกล้ำ
เซี่ยฟานปิดเปลือกตาลงและเริ่มอนุมานอีกครั้ง
จื่อชิงลอบถอนหายใจอยู่ภายใน ดังคาด สมกับเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา
ก่อนหน้านี้เขาวางกับดักเซี่ยฟานแต่ตอนนี้เซี่ยฟานกลับสามารถพลิกสถานการณ์ได้อย่างง่ายดายด้วยคําพูดเพียงไม่กี่คํา
เซี่ยฟานบอกเป็นนัยว่าหยางซานมู่โลภมากและต้องการความดีความชอบเพื่อฉกชิงผลประโยชน์จากทุกคนที่นี่ หลังจากไม่นานทุกคนที่เข้าใจความหมายของเขา
เขาหมายความว่าหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ หยางซานมู่จะโง่เขลาและวิ่งเข้าสู่กับดักของศัตรูงั้นหรือ? แล้วพวกเขาจะทําอย่างไรหากเขาตายในเขตแดนอมตะ? ทุกคนจะมีส่วนเกี่ยวข้อง พวกเขาจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนเลวที่เฝ้ามองสหายเสียชีวิตในสนามรบขณะที่ตนเองซ่อนตัวอยู่ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะ
ดังนั้นผู้อมตะเหล่านี้จึงต้องสรรเสริญหยางซานมู่และเชิดชูเขาขึ้นสู่ท้องฟ้า เซี่ยฟานใช้ความคิดของพวกเขาเพื่อทําลายกับดักของชื่อชิวได้อย่างง่ายดาย
แต่ตอนนี้อารมณ์ของเซี่ยฟานกลับแย่มาก “ข้าไม่สามารถคลี่คลายเขตแดนอมตะนี้ บัดซบ! เราต้องขอความช่วยเหลือ แต่ก่อนหน้านั้นข้าต้องบอกบางสิ่ง ข้าไม่สามารถเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์ คือ?”
เป็นเพียงเวลานี้ที่เขตแดนอมตะของฟางหยวนหายไป ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นแต่ไม่มีหยางซานมู่
“นี่ นี่ นี่”
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
ผู้อมตะภาคใต้สูดหายใจลึก การแสดงออกของผู้อมตะระดับเจ็ดเซี่ยฟานและจื่อชิวเปลี่ยนไปเช่นกัน
สถานการณ์ชัดเจนมาก ศัตรูยังอยู่แต่หยางซานมู่หายไป
แต่เหตุใดถึงเร็วนัก?
หยางซานมู่ไม่ใช่คนธรรมดา เขามีพลังการต่อสู้ที่เพียงพอ แต่เขากลับตกตายอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร?
เขตแดนอมตะของศัตรูปลดปล่อยกลิ่นอายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณออกมาอย่างชัดเจนแต่ไม่มีร่องรอยของเส้นทางแห่งกาลเวลา ไม่มีความแตกต่างด้านเวลา
ดังนั้นสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือปีศาจอมตะระดับเจ็ดผู้นี้เหนือกว่าหยางซานมู่อย่างไม่สามารถเปรียบเทียบหรือบางทีเขาอาจมีวิธีการที่แปลกประหลาดและไม่ธรรมดาบางอย่าง?
กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ทั้งตกใจและไม่อยากจะเชื่อ
ฟางหยวนมองค่ายกลวิญญาณอมตะด้วยสายตาเย็นชา
เดิมที่เขาต้องการปลอมตัวเป็นหยางซานมู่เพื่อเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะ แต่หลังจากค้นวิญญาณของฝ่ายหลัง เขาพบการเตรียมการของภาคใต้และต้องล้มเลิกแผนการดังกล่าว
ฝ่ายธรรมะของภาคใต้มีรากฐานที่ไม่ธรรมดา การดูแคลนพวกเขาเป็นเรื่องโง่เขลา ใบหน้าที่คุ้นเคยถูกเปิดเผยแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้วิธีการเดิมเป็นครั้งที่สอง
แม้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยจะมาจากเทพปีศาจปล้นสวรรค์ แต่ในโลกของผู้ใช้วิญญาณไม่เคยมีท่าไม้ตายที่อยู่ยงคงกระพัน เมื่อเวลาผ่านไป ทุกสิ่งจะพัฒนาขึ้น ท่าไม้ตายในอดีตจะถูกตอบโต้
ฝ่ายธรรมะของภาคใต้อาจไม่สามารถทําลายท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยแต่พวกเขามีวิธีการอื่นในการตรวจสอบตัวตนของผู้อมตะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชี้นําของวังสวรรค์ที่ทําให้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้มีหลายวิธีในการยืนยันตัวตนของคนผู้หนึ่ง ตัวอย่างเช่นโคมไฟวิญญาณ มันเป็นเรื่องยากสําหรับฟางหยวนแม้เขาจะปลอมตัวด้วยใบหน้าที่คุ้นเคยก็ตาม
“วายร้ายปีศาจ เจ้าทําสิ่งใดกับท่านหยางซานมู่?”
“ปล่อยท่านหยางซานมู่ออกมาอย่างรวดเร็ว!”
“ท่านหยางซานม่อาจหนีออกจากเขตแดนอมะตไปแล้วโดยใช้วิธีการบางอย่างของเขา”
กลุ่มผู้อมตะภาคใต้วิพากษ์วิจารณ์
การแสดงออกของฟางหยวนเย็นชาลงเรื่อยๆ
“ค่ายกลวิญญาณนี้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยจื่อชิวหยู ข้าไม่มีเวลาอนุมานทีละขั้นตอน ข้าทําได้เพียงใช้กําลังบังคับเพื่อผ่านทางเท่านั้น มาดูกันว่าค่ายกลนี้จะแข็งแกร่งเพียงใด?”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ฟางหยวนก็เปลี่ยนร่างเป็นมังกรดาบบรรพกาลและกระตุ้นใช้เกราะหวนคืน
ต่อมากองทัพมังกรดาบบรรพกาลก็ปรากฏตัวขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างดุเดือด
นี่เป็นท่าไม้ตายเฉพาะตัวของฟางหยวน เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผู้อมตะภาคใต้จึงสามารถระบุตัวตนของฟางหยวนได้ในที่สุด
“อา…คนผู้นี้คือฟางหยวน!”
“โอ้ สวรรค์ ปีศาจตนนั้นอยู่ที่นี่แล้ว!”
“เขามาที่นี่อีกครั้ง เขาช่างกล้าหาญนัก เขาเคลื่อนไหวอย่างอิสระ เขากําลังดูถูกฝายธรรมะของภาคใต้!”
ผู้อมตะภาคใต้กรีดร้องออกมาทีละคนโดยไม่สามารถปกปิดความตกใจบนใบหน้า
นอกจากความตกใจยังมีความหวาดกลัวซ่อนอยู่