Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – ตอนที่ 1599 ทักษะขั้นเทพ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1599 ทักษะขั้นเทพ

 

ภาคใต้

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิถูกวางลงก่อนที่มันจะดูดกลืนปราณสวรรค์พิภพปริมาณมหาศาลเข้าไป

 

“ครืน…”

 

หากบางคนเห็นสิ่งนี้พวกเขาจะตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์เพราะไม่มีแดนศักดิ์สิทธิ์ใดสามารถดู ดซับปราณสวรรค์พิภพปริมาณมหาศาลเข้าไปได้ในครั้งเดียวเช่นนี้

 

เนื่องจากปราณสวรรค์พิภพที่หนาแน่นเกินไป มันจึงดูเหมือนกลุ่มเมฆหมอกกําลังเคลื่อนที่อย่างน่าสะพรึงกลัว

 

ดูดซับมากขึ้นและมากขึ้น รับทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ ฟางหยวนยิ้ม เขาสามารถบอกได้ว่ามิติช่องว่างจักรพรรดิกําลังหิวมาก

 

เมืองจิ๋ว แม่น้ําหวนคืน และหุบเขาเหล่าโป ทั้งสามเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพที่น่า อัศจรรย์ แต่พวกมันก็สร้างภาระที่ยิ่งใหญ่ให้กับมิติช่องว่างของฟางหยวน ค่าใช้จ่ายของพวกมันมหาศาลมาก นี่ทําให้ฟางหยวนต้องวางมิติช่องว่างลงเพื่อดูดซับปราณสวรรค์พิภพเป็นครั้งคราว

 

“นี่คือก่อนที่ภูเขาตงฮันจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ หลังจากมันกลับสู่สภาพเดิม ปริมาณปราณสวรรค์พิภพที่มิติช่องว่างของข้าต้องการจะเพิ่มขึ้นไปอีก

 

จากแง่มุมนี้การทําลายภูเขาตงฮันกลับเป็นประโยชน์ต่อฟางหยวนเล็กน้อย

 

แน่นอนว่าเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดคือมิติช่องว่างจักรพรรดิมีทรัพยากรมากมาย มันเหมือน รากฐานขนาดใหญ่ที่แบกรับน้ําหนักของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพทั้งสี่เอาไว้ มิติช่องว่างทั่วไปไม่สมารถรองรับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพสองแห่งได้ในเวลาเดียวกัน

 

ในความเป็นจริงการวางมิติช่องว่างลงเพื่อดูดซับปราณสวรรค์พิภพมีข้อเสียหลายประการ

 

ขณะที่มันดูดซับปราณสวรรค์พิภพ มิติช่องว่างของเขาจะเชื่อมต่อกับโลกภายนอก ตําแหน่งของฟางหยวนจะถูกเปิดเผยต่อเจตจํานงสวรรค์

 

หากผู้อมตะบางคนพยายามอนุมานเขาในเวลานี้ ความยากลําบากในการป้องกันตัวของเขาจะสูงขึ้นหลายเท่า

 

ดังนั้นก่อนหน้านี้ฟางหยวนจึงใช้วิธีซื้อทรัพยากรอมตะที่เต็มไปด้วยปราณสวรรค์พิภพเพื่อเติม เต็มความต้องการของมิติช่องว่างจักรพรรดิ อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่ผ่านมาฟางหยวนเริ่มขาดแคลนเงินทุน เขาไม่สามารถซื้อทรัพยากรเหล่านั้นได้อีกและต้องวางมิติช่องว่างลงเท่านั้น

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิเหมือนสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ มันต้องการปราณสวรรค์พิภพมากกว่ามิติช่องว่างทั่วไปหลายสิบหรือหลายร้อยเท่า

 

ปราณสวรรค์พิภพยังไหลเข้าสู่มิติช่องว่างจักรพรรดิอย่างต่อเนื่อง

 

แต่ปรากฏการณ์นี้ไม่ทําให้ฟางหยวนตกใจ เขาตระหนักว่าครั้งนี้แตกต่างออกไปเพราะมันเป็น เวลาของภัยพิบัติ

 

ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขาต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพทุกสิบปี ภัยพิบัติสวรรค์ทุกห้าสิบปี และภัยพิบัติใหญ่ทุกหนึ่งร้อยปี

 

ตั้งแต่ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพิ่มความเร็วของเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิจนถึงขีดสุด ภัยพิบัติต่างๆก็มาเยือนเร็วขึ้น

 

ครั้งนี้เป็นภัยพิบัติพิภพ แต่ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติพิภพหรือภัยพิบัติสวรรค์ พวกมันไม่ใช่ปัญหา สําหรับฟางหยวนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีท่าไม้ตายอมตะเผยความลับสวรรค์

 

ท่าไม้ตายนี้ใช้วิญญาณอมตะความลับสวรรค์เป็นแกนกลาง มันทําให้ฟางหยวนสามารถอนุ มานรายละเอียดของภัยพิบัติที่กําลังจะเกิดขึ้น

 

ดังนั้นก่อนที่ทุกภัยพิบัติจะเกิดขึ้น ฟางหยวนจะรู้ล่วงหน้าและสามารถเตรียมตัวรับมือ

 

“กีซ กีซ”

 

เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้นอย่างกะทันหัน

 

จากนั้นอสูรกายที่น่าสะพรึงกลัวจํานวนมากก็โผล่ออกมาจากใจกลางเกลียวแสงสีเหลือง

 

พวกมันมีร่างกายสูงสิบเมตรที่มีฟันอันแหลมคม ดวงตาสีแดงก่ำ มีปีกค้างคาวสีม่วงอยู่บนแผ่นหลัง และกําลังพุ่งเข้ามาหาฟางหยวน

 

“นักรบผีสีเหลือง” ฟางหยวนลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วยมือไพล่หลัง เขามองอสูรกายเหล่านั้นด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง

 

เขาผ่อนคลายมากแม้ศัตรูจะกําลังพุ่งเข้ามา

 

อย่างไรก็ตามภัยพิบัติยังไม่จบเพียงเท่านี้ สายฟ้าสีเขียวแยกกลุ่มเมฆออกจากกันก่อนที่อสูรกายอีกฝูงหนึ่งที่คล้ายกับนักรบผีสีเหลืองจะปรากฏตัวขึ้น

 

อสูรกายฝูงใหม่เหมือนทหารที่มีร่างกายใหญ่โต ดูเคร่งขรึม มีปีกอินทรีย์อยู่บนแผ่นหลัง และจัดทัพอย่างเป็นระเบียบ

 

“นักรบศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าเขียว” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่นักรบผีสีเหลืองมาถึงตัวฟางหยวนและเปิดปากขนาดใหญ่ของมันเพื่อกัดเขา

 

ฟางหยวนไม่เคลื่อนไหวแต่ปรากฏระลอกคลื่นขึ้นบนร่างกายของเขา

 

มันคือสิ่งที่สร้างชื่อให้กับฟางหยวน ท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน!

 

ไม่ว่าจะเป็นนักรบผีสีเหลืองหรือนักรบศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าเขียว ทุกการโจมตีของพวกมันล้วนถูก สะท้อนกลับ ฟางหยวนไม่ได้รับอันตรายใดๆแต่ก็ไม่สามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้าม

 

“ไปซะ” ฟางหยวนโบกมือเบาๆและส่งมังกรดาบบรรพกาลจํานวนมหาศาลพุ่งเข้าโจมตีศัตรู ราวกับคลื่นสมุทร

 

แม้นักรบผีสีเหลืองและนักรบศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าเขียวจะมีจํานวนมากแต่พวกมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับกองทัพมังกรดาบบรรพกาลของฟางหยวน

 

ในไม่ช้าพวกมันก็ถูกกองทัพมังกรดาบบรรพกาลกลืนกิน เจตจํานงสวรรค์ยังไม่ทันส่งคลื่นลูกต่อไปออกมา แต่กองทัพมังกรดาบบรรพกาลก็พุ่งเข้าทําลายปราณสวรรค์พิภพที่กําลังควบรวมเป็นอสูรกายบางชนิดไปแล้ว

 

ครู่ต่อมาภัยพิบัติก็จบลง มิติช่องว่างจักรพรรดิกลับสูงความสงบอีกครั้ง

 

ฟางหยวนพยักหน้ากับตนเองและสรุป “นี่เป็นภัยพิบัติพิภพนักรบผีสีเหลืองธรรมดา แต่มันเปลี่ยนไปเพราะข้าไม่ได้ก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพครั้งก่อน เนื่องจากท่าไม้ตายอมตะภัยพิบัติไม่รู้จบสิ้นที่สามารถเลื่อนภัยพิบัติออกไป”

 

ท่าไม้ตายอมตะภัยพิบัติไม่รู้จบสิ้นเป็นหนึ่งในมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน มันจะเลื่อนภัยพิบัติออกไปจนถึงครั้งหน้าและทําให้ภัยพิบัติทั้งสองครั้งหลอมรวมกัน จุดอ่อนคือมันจะทําให้เจตจํา นงสวรรค์โกรธและส่งภัยพิบัติที่รุนแรงลงมาในครั้งต่อไป

 

เจตจํานงสวรรค์พยายามหยุดฟางหยวนและป้องกันไม่ให้เขามีความก้าวหน้าโดยการส่งภัยพิ บัติที่อ่อนแอที่สุดลงมาเพื่อให้เขาได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยที่สุด

 

ในสถานการณ์นี้จุดอ่อนของท่าไม้ตายอมตะภัยพิบัติไม่รู้จบสิ้นจึงกลายเป็นประโยชน์ต่อฟางหยวน

 

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงใช้ท่าไม้ตายอมตะนี้เพื่อเพิ่มความยากลําบากของภัยพิบัติและรับร่องรองของพลังงานแห่งเต๋ามากขึ้นขณะที่เจตจํานงสวรรค์ไม่สามารถทําสิ่งใด

 

“นักรบผีสีเหลืองอยู่ในระดับภัยพิบัติพิภพขณะที่นักรบศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าเขียวอยู่ในระดับภัยพิบัติสวรรค์ ครั้งนี้ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าไม่น้อย!” ฟางหยวนตรวจสอบและพบว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและการเปลี่ยนแปลงของเขาเพิ่มขึ้น

 

ทั้งสองล้วนมีประโยชน์สําหรับเขา

 

แต่ฟางหยวนต้องการร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลามากที่สุดในเวลานี้

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ฟางหยวนตั้งใจเลือกที่ว่างเพื่อรับภัยพิบัติทําให้เจตจํานงสวรรค์ไม่สามารถทําลายทรัพยากรของเขา

 

อย่างไรก็ตามแม้ภัยพิบัติจะสิ้นสุดลงแล้วแต่ฟางหยวนยังอยู่ที่นี่ เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจํานงสวรรค์เพื่อกําจัดเจตจํานงสวรรค์ที่ตกค้าง

 

ขณะที่ร่างหลักของฟางหยวนกําลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขากําลังอนุมานท่าไม้ตายอมตะอย่างต่อเนื่องอยู่กับวิญญาณสติปัญญา

 

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนประสบความสําเร็จในการสํารวจอาณาจักรแห่งความฝัน ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์

 

ด้วยความสําเร็จระดับนี้ เขาสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของตนเอง

 

ในความเป็นจริงร่างหลักของฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลามากมายจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ มรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน และมรดกที่แท้จริงของนิกายหลางหยา ตามตรรกะฟางหยวนสามารถดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะเหล่านั้น

 

แต่สําหรับฟางหยวน มรดกที่แท้จริงของไห้ฟานมีค่ามากที่สุด เนื่องจากวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาส่วนใหญ่ของเขามาจากมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน

 

ตัวอย่างเช่นวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ําระดับแปด วิญญาณปีอมตะระดับเจ็ด และวิญญาณราชินีมดระดับเจ็ด

 

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เหลือเป็นวิญญาณอมตะระดับหก ส่วนใหญ่พวกมัน ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังการต่อสู้

 

ภารกิจหลักของร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาคือการใช้มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานเพื่ออนุมานท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด

 

แม้เวลาจะผ่านไปเพียงไม่นานแต่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลากลับมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก

 

ปัจจุบันฟางหยวนมีวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาครอสคลุมทุกแง่มุมไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะสายโจมตี ป้องกัน เคลื่อนไหว และรักษา เขาเพียงต้องใช้เวลาฝึกฝนพวกมันอีกเล็กน้อยเท่านั้น

 

“แต่นี่ยังไม่เพียงพอ” ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเปิดเปลือกตาขึ้นและถอนหายใจ

 

แสงแห่งปัญญาเลือนหายก่อนที่วิญญาณสติปัญญาจะบินออกไปอย่างช้าๆ

 

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาบินไปยังพื้นที่รกร้างเพื่อทดสอบท่าไม้ตายอมตะ

 

ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา!

 

มีดบินพุ่งผ่านท้องฟ้าก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว

 

เลือดไหลออกมาจากปากของร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาขณะที่เขาส่ายศีรษะด้วยความผิดหวัง

 

“ข้าอนุมานท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับเจ็ดที่เหมาะสมกับข้าแล้ว แต่ในสายธารแห่งกาล เวลา ข้าต้องเผชิญหน้ากับวังสวรรค์และต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับแปด”

 

มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานมีท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันระดับแปดที่ใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายฟ้าระดับแปดเป็นแกนกลาง แต่มันไม่มีท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปด

 

กรณีของไห่ฟาน เขาได้รับวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายฟ้าในช่วงสุดท้ายของชีวิต ด้วย เวลาที่จํากัด มันไม่ง่ายที่จะคิดค้นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดในทุกแง่มุม แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสําหรับเขา เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจํานวนมาก ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดเพียงพอแล้วสําหรับเขา สิ่งสําคัญก็คือเขามีวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ เขาสามารถใช้มันเพื่อโจมตีหรือป้องกันได้ในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากนั้นการป้องกันยังสําคัญกว่าการโจมตีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ

 

“ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาเป็นท่าไม้ตายที่ไม่ธรรมดา แม้ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับเจ็ดจะ ไม่สามารถสังหารผู้อมตะระดับแปดแต่มันยังสามารถทําร้ายพวกเขา น่าเสียดายที่หลังจากดัดแปลง พลังของมันต่ำกว่าเดิมและจะได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรงกว่า”

 

การดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะมีโอกาสสูงที่มันจะส่งผลเสียและแย่ลงกว่าเดิม

 

“ดูเหมือนท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาฉบับสมบูรณ์จะเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า!”

 

แม้ฟางหยวนจะได้รับท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับหกและระดับเจ็ด แต่หลังจากดัดแปลง มันกลับมีข้อเสียมากกว่าข้อดี

 

นอกจากนี้ด้วยการอนุมานของฟางหยวน เขาตระหนักว่าจุดอ่อนเรื่องการสูญเสียความทรงจําของมันไม่ใช่เรื่องง่าย ความทรงจําที่หายไปไม่ใช่เพียงการลืมท่าไม้ตายนี้แต่มันเป็นทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับท่าไม้ตายนี้

 

ไม่ว่าจะเป็นความทรงจําหรือบันทึกที่อยู่ในวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลรวมถึงข้อความที่แกะสลักไว้บนแผ่นหินก็จะถูกลบออกจากสายธารแห่งกาลเวลาทั้งหมด

 

“เทพปีศาจจิตวิญญาณต้องเคยใช้ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลามาก่อน แต่เมื่อเขาใช้มันบ่อยเกินไป ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับมันจึงถูกลบออกจากสายธารแห่งกาลเวลาและไม่มีอยู่ในมรดกที่แท้จริงของเขา”

 

“แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่ข้าได้รับจะไม่สมบูรณ์ นิกายเงาอาจเก็บบางส่วนเอาไว้ แต่นั่นมีความเป็นไปได้ไม่มาก”

 

“แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าแน่ใจ นั่นคือท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาเป็นทักษะขั้นเทพอย่างแท้จริง หากเข้า เข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง ข้าจะมีความมั่นใจมากขึ้นในการเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา โอกาสของข้าจะเพิ่มขึ้นยี่สิบส่วน”

 

วันต่อมา

 

“เป็นที่นี่” ลั่วเว่ยหยินอยู่ในท่าครึ่งคุกเข่าขณะที่วางฝ่ามือลงบนพื้นและสัมผัสได้ถึงความปั่นปวนของปราณพิภพ

 

หลังจากนั้นหลายร่างก็บินลงมาจากท้องฟ้า พวกเขาถูกนําโดยผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ยิ่งใหญ่ ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซีย เซี่ยชา!

 

“ฟางหยวนวางมิติช่องว่างและดูดซับปราณสวรรค์พิภพที่นี่ ในความเป็นจริง…เขาก้าวข้ามภัยพิบัติที่นี่” ลั่วเว่ยหยินกล่าวด้วยความมั่นใจ

 

ดวงตาของเซี่ยชาส่องประกายขึ้น ถั่วเว่ยหยินเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขามีวิธีบนเส้นทางแห่งปฐพีที่ทรงพลัง

 

ผู้อมตะที่อยู่ด้านหลังพวกเขาเริ่มพูดคุย “มีท่านถั่วเว่ยหยินอยู่ที่นี่ พวกเราจะพบฟางหยวนในที่สุด”

 

“ฟางหยวนครอบครองแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพมากมาย เขามีภาระที่ยิ่งใหญ่ ด้วยเบาะแสนี้ เราจะหาเขาพบอย่างแน่นอน”

 

“พวกเจ้าไม่คิดว่ามันแปลกงั้นหรือ? เขามีวิญญาณท่องแดนอมตะ เหตุใดเขาถึงอยู่ที่ภาค ใต้? เหตุใดเขาไม่ไปทะเลตะวันออกหรือทะเลทรายตะวันตก สถานที่เหล่านั้นจะปลอดภัยกว่าหรือไม่?”

 

“ฮืม! เขาเป็นปีศาจที่ทุกคนต้องการตัว ไม่ว่าที่ใดก็ไม่ปลอดภัยสําหรับเขา!”

 

“ปีศาจตนนี้ร้ายกาจเกินไป เขาอยู่ภาคใต้เพราะต้องการปล้นสะดมทรัพยากรของพวกเราโดย เฉพาะอาณาจักรแห่งความฝันที่ภูเขาอี้เทียน เราไม่สามารถปล่อยให้เขาฉกชิงมันไป!”

 

“ฆ่า! เราต้องฆ่าปีศาจตนนี้ มิฉะนั้นพวกเราจะไม่สามารถผ่อนคลาย!”

 

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset