เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1618 เจ้าเชื่อในโชคชะตาหรือไม่
มิติของว่างจักรพรรดิ อาณาจักรแห่งความฝัน
ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน
ท่ามกลางดวงอาทิตย์ตกดิน
“เจ้าเชื่อในโชคชะตาหรือไม่?”
ผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์ที่มีผิวขาวราวหิมะในชุดคลุมสีเหลืองมองไปที่ดวงอาทิตย์ด้วยสายตาโศกเศร้า
ฟางหยวนเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินในอาณาจักรแห่งความฝัน แต่มันไม่ได้อยู่ภายใต้ การควบคุมของเขา
อาณาจักรแห่งความฝันดําเนินไปด้วยตัวมันเอง ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินกล่าวเสียงต่ํา “ข้า ตู๋ จี๋ บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกฏ เป็นธรรมชาติที่ข้าจะเชื่อในโชคชะตา เทพธิดาหรัวลี่ ตั้งแต่ข้าพบเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นโชคชะตาของข้า เจ้าคือความรักตลอดชีวิตของข้า!”
เทพธิดาหรัวลี่เผยรอยยิ้มบางแต่คิ้วของนางขมวดเล็กน้อย นางมองผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินที่ยืนอยู่ด้านข้าง “เจ้าพูดถูก พวกเราถูกลิขิตให้เป็นคู่รัก”
“อากระไรนะ!? ข้า ข้าข้า…” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินประหลาดใจก่อนจะมีความสุขและตะโกนออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เทพธิดาหรัวลี่ เจ้ายอมรับข้าแล้วงั้นหรือ?”
เทพธิดาหรัวสี่พยักหน้าเบาๆ
“โอ้ สวรรค์ โอ้ สวรรค์ ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่? สวรรค์!” ตู๋จี๋ตะโกนขึ้นสู่ท้องฟ้า “ในที่สุดข้าก็ประสบความสําเร็จหลังจากล้มเหลวมามากกว่าสามพันครั้ง! ฮ่าฮ่าฮ่า เทพธิดาหรัวลี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าคือภรรยาของข้า!”
“อืม เจ้าเป็นสามีของข้า”
ร่างกายของตู๋จี๋สั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น
ฉากที่สอง
หรัวลี่กําลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของตู๋จี๋
นางมองท้องฟ้าที่เมฆเคลื่อนผ่านด้วยสายตาที่ใสกระจ่างราวกับผิวน้ํา
ตู๋จี๋รู้สึกมึนงงขณะมองใบหน้าหรัวลี่
เขาพึมพํา “สิบสองปีแล้วแต่ข้ายังรู้สึกเหมือนความฝัน! โอ้ หรัวลี่ ภรรยาของข้า ข้าสาบานว่าข้าจะรักและปกป้องเจ้าตลอดไป หากเจ้ามีความปรารถนาใด เพียงบอกข้า ข้าจะทําทุกสิ่งเพื่อตอบสนองความต้องการของเจ้า”
“เช่นนั้นหรือ?” หรัวลี่ถามเบาๆ
“แน่นอน” ตู๋จี๋ตอบโดยไม่ลังเล
ใบหน้าของหรัวลี่แสดงให้เห็นถึงความลังเล หลังจากชั่วครู่นางก็เปิดปากกล่าวด้วยความยากลําบาก “เช่นนั้นโปรดฆ่าบางคนให้ข้า”
“ฆ่าผู้ใด? ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตระดับแปด ข้าก็จะเดิมพันชีวิตเพื่อฆ่าพวกมัน!” ตู๋จี๋กล่าวอย่างจริงจัง
“ทารกแรกเกิด” หรัวลี่ยิ้ม รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความขมขื่น
ตู๋จี๋ตะลึง “ทารก?”
หรัวลี่สูดหายใจลึก “เจ้าเชื่อในโชคชะตาหรือไม่?”
“ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกฎ ข้าต้องเชื่อในกฎของโลกใบนี้ ทุกสิ่งถูกกําหนดโดยโชคชะตา” ตู๋จี๋ตอบกลับ
หรัวลี่กล่าวต่อ “หากเป็นเช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าว่าเด็กผู้นั้นจะกลายเป็นเทพปีศาจในอ นาคต เขาจะถูกเรียกว่าเทพปีศาจคลั่ง ในอนาคตข้าจะตายในมือเขาอย่างแน่นอน”
“อันใด!?” ตู๋จี๋ตกใจ “หรัวลี่ เจ้าตรวจสอบคําพยากรณ์นี้กี่ครั้งแล้ว”
หรัวลี่เผยรอยยิ้มขมขื่น “ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ข้าตรวจสอบหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งได้ผลลัพธ์เดียวกัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดคําพยากรณ์ของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาถึงแม่นยํานัก? นั่นเป็นเพราะโชคชะตากําหนดไว้แล้ว ข้าจะตายด้วยน้ํามือของเทพปีศาจคลั่ง นั่นคือชะตากรรมของข้า”
ปากของตู๋จี๋เริ่มแห้งขณะที่หัวใจของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
แต่ในไม่ช้าเจตนาสังหารก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา “เช่นนั้นข้าจะฆ่าเขา! แม้นจะเป็นชะตากรรม.แต่ข้าไม่เชื่อว่าข้าตู้จี้ผู้อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่จะไม่สามารถฆ่าทารกผู้หนึ่ง!”
รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวนลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อฉากที่สามเริ่มขึ้น
ตู๋จี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อเขาปรากฏตัวต่อหน้าเทพธิดาหรัวลี่ ปากของเขาสั่น การแสดงออกของเขาเผยให้เห็นถึงความละอายใจ “ข้า…”
เทพธิดาหรัวลี่ยิ้ม “ข้ารู้…เจ้าพบศัตรูแห่งโชคชะตาของเจ้าระหว่างไปที่นั่น”
ตู๋จี๋ประหลาดใจ “เจ้าอนุมานได้งั้นหรือ?”
เทพธิดาหรัวลี่พยักหน้า “ช่วงเวลาที่เจ้าถูกโจมตี ข้าอนุมานได้”
ตู๋จี๋งุนงง เขาลังเลอยู่ชั่วครู่แต่ยังถามต่อ “หรั่วลี่ เมื่อจ้าอนุมานได้ เหตุใดเจ้าไม่มาช่วยข้า?”
หรัวลี่ส่ายศีรษะ “เจ้ายังไม่เข้าใจ นี่คือการจัดการของโชคชะตา หากข้าไม่บอกการอนุมานของข้า เจ้าคงไม่ไปฆ่าทารกผู้นั้น หากเจ้าไม่ไปฆ่าทารกผู้นั้น เจ้าจะไม่พบศัตรูเก่า ผู้ใดก็ตามที่พยายามเปลี่ยนแปลงชะตากรรม พวกเขาจะถูกลงโทษด้วยโชคชะตา อาการบาดเจ็บของเจ้าคือการลงโทษ หากข้าไปช่วยเจ้า อุปสรรคอื่นจะปรากฏขึ้น”
ตู๋จี๋กระพริบตาหลายครั้งก่อนจะกล่าวด้วยความดีใจ “เป็นเช่นนั้น ดีแล้ว การตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าได้รับบาดเจ็บ ข้ายอมตายดีกว่าเห็นเจ้าได้รับบาดเจ็บ”
หรัวลี่เผยรอยยิ้มขมขึ้นขณะมองตู๋จี๋ “เจ้าเข้าใจพลังอํานาจของโชคชะตาแล้วใช่หรือไม่? เจ้าไม่จําเป็นต้องพยายามอีกต่อไป อยู่กับข้าและติดตามข้าไปอย่างเงียบๆ ในช่วงเวลาสุดท้ายของข้า ข้าหวังว่าข้าจะได้อยู่เคียงข้างเจ้า”
“ไม่!” ร่างของตู๋จี๋สั่นสะท้านขึ้นก่อนที่เขาจะกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “ไม่เด็ดขาด! ข้าจะไม่ยืนดูสิ่งนี้เกิดขึ้น ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตาย ข้าสัญญาว่าจะรักและปกป้องเจ้าด้วยชีวิตของข้า!”
“แต่ความตายคือโชคชะตาของข้า ตู๋จี๋ สามีของข้า เจ้าพูดเองว่าเจ้าเชื่อในโชคชะตา” หรัวลี่ กล่าวอย่างมีความหมาย
“เช่นนั้น ข้าจะเลิกเชื่อในโชคชะตา!” ตู๋จี๋ลังเลในตอนแรกแต่เขาก็กล่าวออกมาในที่สุด เขาไม่สามารถยังยั้งความโกรธและเงยหน้าคํารามขึ้นสู่ท้องฟ้า
ฉากที่สี่
ตู๋จี๋ไปหาทารกอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นภูเขากลับถล่มลงมาอย่างกะทันหัน ชาวบ้านวิ่งหนีไปทุกหนทุกแห่ง ทารกผู้นั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตู๋จี๋สามารถฆ่ามนุษย์บางคนก่อนจะบังเอิญพบผู้อมตะหลายคน หลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ ตู๋จี๋ฆ่าผู้อมตะสองสามคนและกลายเป็นอาชญากรที่ทุกคนต้องการตัว
ฉากที่ห้า
หลายปีต่อมา ตู๋จี๋เกือบเสียชีวิตในภัยพิบัติของเขา เขานอนอยู่บนเตียงโดยไม่สามารถขยับเขยื้อน แต่ในเวลานี้เขาได้ยินว่าหรัวลี่ประสบความสําเร็จในการอนุมานตําแหน่งของทารกผู้นั้น
“ข้าจะไปฆ่ามัน!” ตู๋จี๋พยายามลุกขึ้นแต่เมื่อเขาเดินออกไปเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็หมดสติลง
เมื่อเขาตื่นขึ้น เขาเห็นเทพธิดาหรัวลี่สูญเสียอายุขัย เส้นผมของนางเปลี่ยนเป็นสีขาว เขาสะอื้นไห้ “มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด ความผิดของข้าหรัวลี่ เจ้าพยายามอย่างเต็มที่และประ บความสําเร็จในการอนุมานหลังจากหลายปี…ข้าช่างไร้ความสามารถนัก…”
เทพธิดาหรัวลี่เผยรอยยิ้มอบอุ่นและปลอบโยน “ไม่มีปัญหา ข้าสามารถอนุมานอีกครั้ง”
ฉากที่หก พวกเขาพบกับคลื่นสัตว์อสูร
ฉากที่เจ็ด การอนุมานของเทพธิดาหรัวลี่ล้มเหลว นางได้รับบาดเจ็บจากผลกระทบย้อนกลับ วัยเยาว์ของนางถูกใช้ไปจนหมดและกลายเป็นหญิงชรา นางพักผ่อนอยู่ในอ้อมกอดของตู๋จี๋และเผยรอยยิ้มขมขืน “ตอนนี้ข้าดูน่าเวทนามากใช่หรือไม่?”
ตู๋จี๋ลูบผมของนางเบาๆด้วยความรัก “ไม่ ไม่ว่าเจ้าจะหน้าตาเป็นอย่างไร เจ้าก็ยังเป็นที่รักของ ข้าเทพธิดาหรัวลี่”
อาณาจักรแห่งความฝันยังดําเนินต่อไป ฟางหยวนทําได้เพียงเฝ้ามองตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้
ไม่ว่าตู๋จี๋และหรัวลี่จะไล่ล่าทารกผู้นั้นอย่างไร ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาก็ยังล้มเหลว มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตู๋จี๋สามารถจับตัวทารก แต่ทารกกลับสามารถหลุดรอดจากเหตุร้ายไปได้โดยไม่คาดคิด เขาจับทารกได้สามครั้ง แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาพยายามสังหารทารก เหตุบังเอิญจะเกิดขึ้นและทําให้ทารกสามารถหลบหนีได้เสมอ
ทารกค่อยๆเติบโตเป็นผู้อมตะ
สถานการณ์ดําเนินไปตามเส้นทางที่โชคชะตากําหนด ในที่สุดวันตายของเทพธิดาหรัวลี่ก็ใกล้เข้ามา
ตู๋จี๋เริ่มเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้ว่าช่วงเวลาที่สําคัญที่สุดมาถึงแล้ว เขาวางแผนทุกวันและบ่มเพาะอย่างขมขื่น เขาใช้ทุกสิ่งที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองไม่ว่ามันจะเสี่ยงเพียงใดก็ตาม
ในทางตรงข้าม เทพธิดาหรัวลี่ค่อนข้างผ่อนคลาย นางไม่ได้อนุมานสิ่งใดอีก นางพยายามเกลี้ยกล่อมให้ตู้จี้หยุดเสี่ยงชีวิตของเขา ตู๋จี๋ไม่ฟังและกังวลมากขึ้น บางครั้งนางก็ไปกับตู๋จี๋โดยการนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาและมองเขาด้วยสายตาที่อบอุ่น
ฉากที่แปด
ตู๋จี๋หยุดการโจมตีที่รุนแรงด้วยร่างกายของตน นอกจากนั้นเขายังโต้กลับและบังคับให้ศัตรูล่าถอย
ตู๋จี๋ใกล้ตายแล้ว เขานอนอยู่ในอ้อมแขนของเทพธิดาหรัวลี่และกล่าวอย่างร่าเริง “เราในที่สุดพวกเราก็ชนะโชคชะตา หรัวลี่ภรรยาของข้า…ข้าทําได้ ข้าทําได้จริงๆ แค่ก แค่ก…”
เขาต้องการโห่ร้องด้วยความยินดีแต่เขาอ่อนแอเกินไปและไอไม่หยุด
เขารู้ว่าเขาต้องตายอย่างแน่นอนและไม่เหลือเวลามากนัก ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เขาจับมือของเทพธิดาหรัวลี่อย่างยากลําบากและมองนางด้วยความรักที่ลึกซึ้งก่อนกล่าวด้วยน้ําเสียงที่เคร่งขรึม “หลังจากที่ข้าตาย เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป มีชีวิตที่ดี”
หยดน้ําไหลออกมาจากดวงตาของเทพธิดาหรัวลี่และตกลงบนใบหน้าของตู๋จี๋
นางกอดตู๋จี๋เอาไว้อย่างแนบแน่นและกระซิบข้างหูของเขา “เจ้ารู้หรือไม่ แม้ข้าจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่ข้าไม่เคยเชื่อในโชคชะตา ข้าบอกว่าโชคชะตากําหนดเส้นทางของข้าไว้แล้ว แต่ผู้ใดจะต้องการตาย ดังนั้นข้าจึงเข้าหาเจ้า แท้จริงแล้วการแต่งงานของเราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดเตรียมของโชคชะตา ข้าไม่ได้รักเจ้าและเพียงใช้เจ้าเป็นเครื่องมือเท่านั้น”
ยิ้มและตอบด้วยน้ําเสียงอันแผ่วเบา “ข้ารู้ แต่แล้วอย่างไร? ข้ารักเจ้าข้ามีความสุขและ เต็มใจที่จะถูกเจ้าใช้งาน ขอบคุณที่ให้โอกาสข้าข้า ครั้งหนึ่งเคยเชื่อในโชคชะตา แต่ข้าไม่เชื่อมั่นอีกแล้ว ดูสิ เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ชะตากรรมเปลี่ยนไปแล้ว นี่วิเศษมาก…”
ตู๋จี๋ไม่สามารถเปิดเปลือกตาของเขาได้อีก มันบิดตัวลงอย่างช้าๆก่อนที่เขาจะจากไป
เบาๆก่อนที่เขาจะจากไป
เทพธิดาหรัวลี่ร้องไห้เสียงดัง นางไม่เคยสูญเสียความสงบเช่นนี้มาก่อนในชีวิต นางส่ายศีรษะซ้ําแล้วซ้ําอีกและสะอื้นไห้ “ข้าไม่เคยเชื่อในโชคชะตา แต่ตอนนี้ข้าเชื่อแล้ว!”
ร่างกายของนางเริ่มปลดปล่อยแสงสีขาวเข้าสู่ร่างของตู๋จี๋
กลิ่นอายของตู๋จี๋ค่อยๆฟื้นตัวขึ้นขณะที่ร่างกายของเทพธิดาหรัวเริ่มอ่อนแอลงและกลายเป็นโปร่งแสง
ตู๋จี๋เปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาตะโกนด้วยความตื่นตระหนก “ไม่! หยุด! ข้าไม่ต้องการให้เจ้ารักษา เจ้าจะตาย! เจ้าจะตาย!”
น่าเสียดายที่เขาไม่มีแรงเหลือพอที่จะหยุดนาง
ร่างของเทพธิดาหรัวลี่กลายเป็นร่างโปร่งแสงไปแล้ว นางเผยรอยยิ้มและกล่าวด้วยน้ําเสียงที่อบอุ่นแต่แฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม “เจ้ารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ท่าไม้ตายของข้าไม่สามารถหยุดได้เมื่อกระตุ้นใช้งานไปแล้ว”
“ข้าจะพูดสิ่งสุดท้ายกับเจ้า สิ่งที่เจ้าต้องการได้ยินมากที่สุด”
“เจ้าโง่! เจ้าหิน! ข้า…”
“ข้ารักเจ้า”
หลังกล่าวจบคํา ร่างของเทพธิดาหรัวลี่ก็จางหายไป
“ไม่!” ตู๋จี๋คํารามราวกับสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเต็มไปด้วยความโกรธและโศกเศร้า