บทที่ 1629 พลังอํานาจบนเส้นทางแห่งกาลเวลา
ตามข้อมูลที่ได้รับจากจวินเฉินกวง สี่ซุนจือมีการบ่มเพาะระดับเจ็ดเท่านั้น แต่พวกเขามีทักษะผสานพลังและสามารถรับมือผู้อมตะระดับแปด
แน่นอนว่าพวกเขาสามารถต่อสู้ได้เพียงกระบวนท่าเดียว หลังจากนั้นพวกเขาจะแพ้
พวกเขาไม่เหมือนฟางหยวนหรือฟงจิวเก้อที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดได้อย่างแท้จริง
แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังน่าประทับใจ พวกเขาเป็นไพ่ตายของนิกายผีเสื้อจิตวิญญาณและจะไม่ถูกใช้งานโดยง่าย
วังสวรรค์ต้องการวางกับดักในสายธารแห่งกาลเวลา นิกายผีเสื้อจิตวิญญาณไม่สามารถปฏิเสธและต้องส่งสี่ซุนจือออกมา คนเหล่านี้เหมาะสมที่สุดในการควบคุมวิหารอดีตปัจจุบัน
ฟางหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย
สี่ซุนจือและวิหารอดีตปัจจุบันไม่ได้เกินความคาดหมายของเขา
ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหาได้ยาก วังสวรรค์เคยมีหงชื่อ แต่เขาเสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งก่อนหลังจากฟางหยวนใช้พลังอํานาจของเกราะบัวหิน
เพื่อจัดการฟางหยวน วังสวรรค์ต้องส่งผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาออกมา เว้นเพียงผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจากสุสานอมตะจะตื่นขึ้น
สิ่งที่ทําให้ฟางหยวนกังวลคือนอกจากวิหารอดีตปัจจุบัน วังสวรรค์ยังมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะนาวานิรันดร์
“วิหารอดีตปัจจุบันมีความสามารถโดดเด่นด้านการตรวจสอบ ดังนั้นมันจึงพบข้าอย่างรวดเร็ว ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ หากสีซุนจือสามารถยื่อเวลา นาวานิรันดร์จะมาถึง ข้าจะเสียเปรียบหากต้องเผชิญหน้ากับคฤหาสน์วิญญาณอมตะสองหลังพร้อมกัน
วังสวรรค์มีข้อได้เปรียบอย่างมากในเรื่องนี้ แม้พวกเขาจะไม่มีผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่พวกเขามีสมาชิกมากมายพร้อมกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาสองหลัง
ในทางตรงข้าม ฟางหยวนมีเพียงคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่ไหลั่วหลัน ไปหนิงปิง และคนอื่นๆยังอ่อนแอมาก
ฟางหยวนเปิดมิติช่องว่างและปล่อยกองทัพอสูรปีชุดที่สองออกมา
กองทัพอสูรปีชุดแรกถูกใช้บนเทือกเขาห้าภูมิภาค
หลังจากกลืนกินมิติของว่างของเซี่ยชา ฟางหยวนได้รับสระแก่นแท้ปีสระที่สอง มีอสูรปีแรกกําเนิดอยู่ภายในสองตัว นอกจากนี้หลายเดือนที่ผ่านมาฟางหยวนยังใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะตกอสูรปีจับพวกมันมาไว้ในสระแก่นแท้ปีมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันฟางหยวนจึงมีอสูรปีแรกกําเนิดทั้งหมดเก้าตัว
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือฟางหยวนไม่สามารถรวบรวมอสูรปีแรกกําเนิดสิบสองประเภทเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะสนามรบสิบสองราศี
แม้เขาจะพยายามแล้ว แต่เขาพบว่ามันยากเกินไปที่จะรวบรวมอสูรปีแรกกําเนิดให้ครบสิบสองประเภท โดยเฉพาะเมื่อสายธารแห่งกาลเวลาจะให้กําเนิดอสูรปีแรกกําเนิดบางประเภทมากขึ้นในแต่ละปีและปีนี้เป็นปีระกา
อสูรปีแรกกําเนิดในกองทัพของเขามีอสูรประกาแรกกําเนิดถึงห้าตัว มันมากกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมด
อสูรปีแรกกําเนิดเก้าตัวคํารามและพุ่งเข้าโจมตีวิหารอดีตปัจจุบัน
ใบหน้าของสี่ซุนจือกลายเป็นมืดครึ้ม พวกเขากระตุ้นใช้พลังอํานาจของวิหารอดีตปัจจุบันทันที
“ครืน…”
คลื่นยักษ์สูงสิบเมตรพุ่งเข้าโจมตีอสูรปีแรกกําเนิดทั้งเก้า
แต่อสูรปีแรกกําเนิดเป็นสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา คลื่นน้ำดังกล่าวไม่สามารถกีดขวางพวกมันขณะที่พวกมันเคลื่อนที่เข้าใกล้วิหารอดีตปัจจุบันมากขึ้นเรื่อยๆ
วิหารอดีตปัจจุบันระเบิดแสงระยิบระยับออกมา
“ครืน ครืน ”
คลื่นน้ำจํานวนมากก่อตัวขึ้นราวกับกําแพงขนาดใหญ่ที่สามารถโจมตีและป้องกันในเวลาเดียวกัน
ฟางหยวนออกคําสั่งให้อสูรปีแรกกําเนิดร่วมมือกัน พวกมันพุ่งไปข้างหน้าราวกับลูกศรและทะลวงผ่านกําแพงคลื่นตรงไปยังวิหารอดีตปัจจุบัน
สี่ชุนจือตะโกนเสียงดังและปลดปล่อยหมอกสีเขียวออกมาปกคลุมสนามรบ อสูรปีแรกกําเนิดได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้ ความเร็วของพวกมันลดลงอย่างมาก
ขณะเดียวกันคลื่นน้ำก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า ตอนนี้พวกมันสูงถึงสามสิบเมตร
เดิมที่กองทัพอสูรปีแรกกําเนิดอยู่รวมกลุ่มกัน แต่หลังจากถูกกีดขวางโดยคลื่นยักษ์จํานวนนับไม่ถ้วน รูปแบบของพวกมันก็พังทลายลง พวกมันถูกแยกออกและเข้าสู่การต่อสู้ของตนเอง
วิหารอดีตปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ อสูรปีแรกกําเนิดของฟางหยวนกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
การแสดงออกของสี่ซุนจือผ่อนคลายลง
จางซุนจือสูดหายใจลึก “ในที่สุดเราก็ผ่านช่วงเริ่มต้นมาได้ ปีศาจตนนี้ไม่สามารถทะลวงผ่านการป้องกันของพวกเรา”
เกาซุนจือยิ้ม “วิหารอดีตปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แม้ฟางหยวนจะมีอสูรปีแรกกําเนิดมากมาย แต่เขาก็ไม่สามารถรวมพลังพวกมัน เขาไม่ใช่ภัยคุกคาม”
“ถูกต้อง” เซียซุนจือลูบเคราของตน “แม้วิหารอดีตปัจจุบันจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ตราบเท่าที่เราสามารถยื้อเวลาจนกว่านาวานิรันดร์จะมาถึง เมื่อนั้นเราจะได้รับชัยชนะ”
จงซุนจือหรี่ตามอง “ปีศาจตนนี้เจ้าเล่ห์มาก เราไม่สามารถประมาท”
เขาพึ่งกล่าวจบประโยคขณะที่อสูรปีวอกแรกกําเนิดกระโดดขึ้นมาจากผิวน้ำและใช้ท่าไม้ตายอมตะ
มันสะบัดพัดขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือ
ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดพัดฤดูร้อน!
สายลมกรรโชกแรงทําลายคลื่นยักษ์ทั้งหมดลงในพริบตา
สี่ซุนจือตกใจมาก พวกเขาตระหนักว่ามันเป็นฟางหยวนที่ปลอมตัวเป็นอสูรปีวอกแรกกําเนิด
“ปีศาจเข้าสู่การต่อสู้แล้ว!”
“เป็นไปไม่ได้! เรามีท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบที่ได้รับมาจากท่านหญิงจื่อเว่ย เราสามารถเปิดเผยท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย แล้วเขาจะหลอกลวงพวกเราได้อย่างไร?”
ฟางหยวนลอบเย้ยหยันอยู่ภายใน เขาใช้เวลาสองสามเดือนที่ผ่านมาอย่างเต็มที่ เป็นธรรมดาที่เขาจะสามารถพัฒนาท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย
ในที่สุดฟางหยวนก็มาถึง
วิหารอดีตปัจจุบันระเบิดแสงสว่างออกมาขณะที่ฟางหยวนอาศัยร่างกายที่แข็งแกร่งของอสูรปีวอกแรกกําเนิดชกคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้โดยตรง
“ไร้ประโยชน์! ตอนนี้วิหารอดีตปัจจุบันทอดสมออยู่ที่นี่ เจ้าไม่สามารถเคลื่อนย้ายมัน!” เกาซุนจือกล่าวด้วยความกังวล
“เช่นนั้นหรือ…” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาใช้กรรไกรฤดูใบไม้ผลิในวินาทีต่อมา
“ฉับ ฉับ”
กรรไกรฤดูใบไม้ผลิโจมตีวิหารอดีตปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง ในไม่ช้าขอบมุมของคฤหาสน์วิญญาณอมตะก็ถูกตัดออกไปห้าถึงหกครั้ง
“นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปด ช่างทรงพลังนัก!”
“กระทั่งวิหารอดีตปัจจุบันก็ยังไม่สามารถต่อต้าน นี่เป็นไปได้อย่างไร?”
สี่ซุนจือกรีดร้อง
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นชา
เดิมที่เขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลามากกว่าเจ็ดหมื่นร่องรอย ตอนนี้เขาอยู่ในร่างอสูรปีวอกแรกกําเนิด ดังนั้นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงอีกห้าหมื่นร่องรอยจึงเปลี่ยนเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลามากกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นร่องรอย!
ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยกว่าสามหมื่นร่องรอย ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจํานวนหนึ่งแสนสองหมื่นร่องรอยไม่ใช่เรื่องปกติสําหรับผู้อมตะระดับแปด พวกเขาต้องผ่านหมื่นภัยพิบัติหนึ่งครั้งก่อนจะบรรลุระดับนี้
นี่หมายความว่าท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนจะถูกขยายพลังอํานาจขึ้นถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเท่า!
แม้วิหารอดีตปัจจุบันจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดของฟางหยวนยังได้รับแรงหนุนเสริมจากสภาพแวดล้อม
ดังนั้นพลังการต่อสู้บนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนจึงพุ่งสูงขึ้นถึงจุดที่วิหารอดีตปัจจุบันไม่สามารถต่อต้าน!
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาทั้งสองของฟางหยวนบังคับให้วิหารอดีตปัจจุบันล่าถอยไปซ้ำแล้วซ้ำอีก
สี่ชุนจือพยายามรักษาเสถียรภาพและโจมตีเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่จําเป็น แม้แต่ต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะเสื้อคลุมฤดูหนาว เพียงร่างกายของอสูรปีวอกแรกกําเนิดก็สามารถต่อต้านการโจมตีเหล่านั้นได้ทั้งหมด
“อดทนไว้” สู่ซุนจือตะโกนเมื่อเห็นนาวานิรันดร์เคลื่อนที่ใกล้เข้ามา
นาวานิรันดร์
“สายไปแล้ว!” ฟางหยวนหัวเราะคิกคัก เขาสะบัดพัดฤดูร้อนส่งพายุหมุนขนาดใหญ่ออกไปและทําให้วิหารอดีตปัจจุบันแทบพังทลายลงทันที
กรรไกรฤดูใบไม้ผลิพุ่งตามมาอย่างกระชั้นชิด
ด้วยการโจมตีนี้ วิหารอดีตปัจจุบันจึงพังทลายลงอย่างสมบูรณ์
ฟางหยวนหัวเราะและใช้เท้าของลิงยักษ์กระทุบเศษซากของวิหารอดีตปัจจุบัน
“บึม!”
สี่ขุนจือได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาถูกส่งลงไปในสายธารแห่งกาลเวลา
ฟางหยวนและคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์จากไปอย่างง่ายดาย
เมื่อนาวานิรันดร์มาถึง มันก็สายไปแล้ว ผู้อมตะที่อยู่ภายในนาวานิรันดร์ลังเลใจว่าพวกเขาควรช่วยสี่ซุนจือหรือไล่ล่าฟางหยวน