บทที่ 1670 หัวใจเต้นแรง
“ปฏิเสธงั้นหรือ?” เจ้าหน้าที่ขมวดคิ้ว “สาวน้อย คิดให้ดี เจ้ายังเด็ก เจ้าไม่ควรหุนหัน เจ้าต้องรู้ว่าผู้อ่อนแอไม่สามารถต่อต้านผู้แข็งแกร่ง ในความเป็นจริงเจ้าไม่แม้แต่จะสามารถเรียกว่าผู้อ่อนแอ
“ข้ารู้ว่าตนเองไม่มีผู้ใดให้พึ่งพา ข้าเป็นเพียงตัวละครเล็กๆ นี่เป็นเหตุผลที่พวกเจ้ามุ่งเป้ามาที่ข้า” เซี่ยหลินมองเจ้าหน้าที่และกล่าวด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน “แต่พวกเจ้าไม่จําเป็นต้องกังวล ข้าจะไม่ตอบโต้อย่างไร้ประโยชน์หรือยื่นคําร้องใดๆ ข้าจะยอมรับข้อกล่าวหาเพื่อเป็นการตอบแทนน้ําใจของพี่ซูอี้แต่ข้าไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน”
เจ้าหน้าที่รู้สึกประหลาดใจ ในห้องที่มืดสลัว ดวงตาของเซี่ยหลินส่องประกายสว่างไสวดวงตาคู่นี้ทําให้เจ้าหน้าที่รู้สึกไม่กล้ามองนาง
เขาปรับสายตาก่อนกล่าว “เจ้าไปได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถรักษาคําพูด”
“แน่นอน” เซี่ยหลินยืนขึ้นและจากไปอย่างสงบโดยปราศจากความกังวล
ไม่กี่วันต่อมา
“คุณหนูเซี่ยหลิน ไม่ใช่ว่าโรงเตี้ยมของเราไม่ต้องการต้อนรับท่าน แต่ความรู้สึกของมวลชนรุนแรงเกินไปและมีผู้คนยื่นคําร้องเข้ามามากมาย หากเราปล่อยให้คุณหนูอยู่ที่นี่ต่อไป พวกเขาจะ…” เจ้าของโรงเตี้ยมพักแรมกล่าว
เชี่ยหลินขัดจังหวะ “ข้าเข้าใจสถานการณ์ของเจ้า ข้าจะไป”
“ขอบคุณสําหรับความเข้าใจ คุณหนูเชี่ยหลิน ท่านเป็นคนดีจริงๆ” เจ้าของโรงเตี้ยมพักแรมกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
เซี่ยหลินเก็บสัมภาระออกจากห้องและเดินลงบันได
“ดูนั่น เป็นนาง!”
“หญิงผู้นี้ทรยศท่านหญิงอี้เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง “คนผู้นี้ทําให้พิธีบูชาเทพสมุทรของเมืองทะเลศักดิ์สิทธิ์มัวหมอง”
ผู้ใช้วิญญาณเริ่มวิพากษ์วิจารณ์
เซี่ยหลินได้ยินทั้งหมดแต่ไม่สนใจ นางเดินออกจากโรงเตี้ยมพักแรมอย่างสงบและไปถึงถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน
“วันนี้เป็นวันแข่งขัน ข้าแทบรอไม่ไหวแล้ว”
“วันนี้ต้องน่าตื่นเต้นอย่างแน่นอน!”
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าซูอี้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมานานเพราะมีสายลับอยู่ข้างกาย”
“ผู้ใดจะไม่รู้ มันคือเซี่ยหลิน! ไม่ว่าคนผู้หนึ่งจะระวังตัวมากเพียงใดแต่มันเป็นเรื่องยากที่จะป้องกันภัยคุกคามภายใน
คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักเชี่ยหลิน ทุกคนกําลังรีบไปที่ลานกว้างกลางเมืองเพื่อชมการแข่งขัน
แม้บางคนจะสามารถจดจําเชี่ยหลิน แต่พวกเขาก็ไม่แน่ใจ เมืองทะเลศักดิ์สิทธิ์มีผู้คนมากมายเป็นเรื่องปกติที่หนึ่งหรือสองคนจะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกัน
บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้น ผู้คนพลุกพล่านและเต็มไปด้วยความสุข
เซี่ยหลินเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนอย่างสงบ การแสดงออกของนางตรงข้ามกับสภาพแวดล้อมอย่างสิ้นเชิง
นางเคยมีความสุขมาก่อน แต่ตอนนี้ราวกับมีหมอกหนาทึบปกคลุมอยู่รอบๆและทําให้นางรู้สึกหายใจไม่ออก
นางรู้สึกไม่มีความสุขและไม่อยากรู้อย่างเห็นสิ่งใดอีกต่อไป
“บางทีข้าอาจไม่มาที่นี่อีกตลอดชีวิต เซี่ยหลินเงยหน้ามองอาคารสูง
อาคารเหล่านี้ราวกับกําลังกดทับลงมาที่นาง
เซี่ยหลินรู้สึกหดหูและท้อแท้มากขึ้น นางเร่งฝีเท้าเดินออกจากฝูงชนและตรง เข้าไปในตรอกมืด
ตรอกที่มืดสลัวมีขยะกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง กลิ่นเหม็นลอยคละคลุ้งไปทั่ว
อย่างไรก็ตามเชี่ยหลินกลับรู้สึกว่านางหายใจได้ราบรื่นมากกว่าก่อนหน้า
เมื่อเดินเข้ามาในตรอกที่ไร้ผู้คน ศีรษะของเซี่ยหลินค่อยๆก้มลงอย่างช้าๆ
“ข้ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?” นางถามตัวเองแต่ไม่ได้รับคําตอบ
ดวงตาของนางกลายเป็นแดงก่ํา ในไม่ช้าน้ําตาก็ไหลออกมา
นางยังเป็นเด็กสาว ทัศนคติที่เข้มแข็งก่อนหน้านี้เป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น
“สาวน้อย!” มนุษย์เงือกสามคนเดินออกมาจากมุมมืด
เซี่ยหลินมีนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะสามารถตอบสนอง
ทั้งสามเป็นอันธพาล เจตนาร้ายของพวกเขาเห็นได้อย่างชัดเจน สิ่งสําคัญที่สุ ดคือทุกคนล้วนเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง
เชี่ยนหลินเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองเช่นกันแต่นางอยู่เพียงลําพัง
“พวกเจ้าต้องการสิ่งใด?” เซี่ยหลินก้าวถอยหลัง
“เราต้องการสิ่งใดงั้นหรือ?” มนุษย์เงือกมองหน้ากันและหัวเราะ
“คุณหนู การเผชิญหน้าของพวกเราคือโชคชะตา เหตุใดต้องรีบจากไป?”
“แม้เจ้าจะต้องการจากไป มันก็สายเกินไปแล้ว”
เป็นเพียงเวลานี้ที่มนุษย์เงือกระดับสองอีกสองคนเดินเข้ามาหาเซี่ยหลินจากด้านหลัง
หัวใจของเซี่ยหลินจมดิ่งลง ห้าต่อหนึ่ง เส้นทางด้านหน้าและด้านหลังถูกปิดกั้น แม้ที่นี่จะอยู่ไม่ไกลจากถนนสายหลัก แต่มนุษย์เงือกเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ใช้วิญญาณและเห็นได้ชัดว่ามันคือการซุ่มโจมตี พวกเขาย่อมต้องมีวิธีปิดบังความโกลาหล
มนุษย์เงือกทั้งห้าเดินเข้าไปหาเชี่ยหลินอย่างช้าๆ
เซี่ยหลินกลายเป็นตื่นตระหนก
กําแพงอันเย็นเยียบทําให้นางรู้สึกหมดหนทาง
นางกัดฟันกล่าว “เข้ามา ต่อให้ตายข้าก็จะลากพวกเจ้าไปด้วย!”
“โอ้ ที่รัก ช่างกล้าหาญนัก”
“พี่ใหญ่ชอบหญิงที่เร้าร้อนเช่นนี้”
มนุษย์เงือกทั้งห้าหัวเราะ พวกเขาไม่กลัวแต่ฝีเท้าของพวกเขาช้าลงเล็กน้อย
“ปัง!”
ทันใดนั้นเชี่ยหลินพลันเกิดความรู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง
นางถูกโจมตี!
จิตใจของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวโดยเฉพาะเมื่อนางเห็นกําแพงละลายขณะที่มนุษย์เงือกคนที่หกเดินออกมา
“พวกเขาจับข้า!” หัวใจของเซี่ยหลินกลายเป็นเย็นเยียบก่อนที่นางจะหมดสติ
“นางล้มลงแล้ว…”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นายท่าน วิธีของท่านช่างอัศจรรย์นัก!”
“เร็วเข้า เก็บกวาดสถานที่ พิธีบูชาเทพสมุทรกําลังจะเริ่มขึ้น!”
มนุษย์เงือกทั้งหกปิดล้อมเซี่ยหลิน
“ตื่นได้แล้ว ตื่น…” เสียงทุ้มต่ําดังขึ้นท่ามกลางความมืด เชี่ยหลินค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นความเจ็บปวดเตือนสตินางขณะที่นางพยายามลุกขึ้น จากนั้นนางก็เห็นมนุษย์เงือกทั้งหกนอนอยู่บนพื้นในท่าทางแปลกประหลาดโดยไม่ขยับเขยื้อน
ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ยืนอยู่ตรงกลางกลุ่มมนุษย์เงือกทั้งหก
เซี่ยหลินกรีดร้องด้วยความดีใจ “ท่านชู เป็นท่าน!”
“ถูกต้อง เป็นข้า ข้าเฝ้าดูพิธีบูชาเทพสมุทรมาตั้งแต่แรก ข้าได้ยินเรื่องของเจ้าเช่นกัน เจ้าถูกซูอี้โยนทิ้งใช่หรือไม่?” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง
น้ําตาของเซี่ยหลินเริ่มไหลริน นางสะอื้นให้ “ท่านชู ท่าน…”
“ข้าค่อนข้างชํานาญในการมองผู้คน แม้ข้าจะพบเจ้าเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนเช่นนั้น” ฟางหยวนกล่าว
เซี่ยหลินไม่สามารถเก็บความรู้สึกไว้ได้อีก นางยกมือขึ้นปิดหน้าและเริ่มร้องไห้ราวกับเด็กน้อย
ฟางหยวนเฝ้ามองนางร้องไห้อยู่อย่างเงียบๆก่อนจะตบไหล่นางเบาๆ “ไปกันเถอะ”
“ไปที่ใด?” เซี่ยหลินมึนงงเล็กน้อย
“ข้าต้องรับผิดชอบเจ้า” ฟางหยวนถอนหายใจ “หากข้าไม่มอบวิญญาณรวบรวมน้ํามันให้เจ้า เจ้าคงไม่ตกเป็นเป้าหมายของซูอี้และเข้าร่วมในพิธีบูชาเทพสมุทรครั้งนี้ ดังนั้นข้าจะพาเจ้าไปกับข้าตามข้ามา”
“ตกลง” เซี่ยหลินพยักหน้า นางไม่สนใจเมืองทะเลศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
ฟางหยวนเดินนําหน้าขณะที่เซี่ยหลินเดินตามหลังอย่างเชื่อฟัง
พวกเขากลับไปยังถนนสายหลัก มันยังเต็มไปด้วยผู้คน มีร้านค้ามากมายและยังมีการเชิดสิ่งโตอย่างยิ่งใหญ่
เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงชนอีกครั้ง เซี่ยหลินรู้สึกกลัวและรังเกียจ แต่เมื่อฟางหยวนเดินไปข้างหน้าเชี่ยก็ทําได้เพียงเดินตามเท่านั้น
เมื่อพวกเขาเดินออกจากตรอก ฟางหยวนดีดนิ้ว
ฉากต่อไปทําให้เชี่ยหลินมึนงง ปากของนางอ้ากว้างจนสามารถกลืนไข่ห่านเข้าไปทั้งใบนางตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นถนนทั้งสายหยุดนิ่ง
“นี่..นี่” นางรู้สึกพูดไม่ออก
“กลเล็กๆน้อยๆ มาเถอะ” ฟางหยวนโบกมือก่อนจะเดินต่อไป
เชี่ยหลินเร่งฝีเท้าและเดินตามฟางหยวนไปอย่างใกล้ชิด
นี่เป็นสถานการณ์ที่นางไม่เคยประสบมาก่อน
นางเดินผ่านมนุษย์เงือกสองคนที่กําลังพูดคุยกันและดูเหมือนทั้งคู่จะเป็นคนรัก นางมองไปที่ร้านค้าที่ลูกค้ากําลังต่อราคากับคนขาย น้ําลายที่พุ่งออกมาจากปากของคนขายยังลอยอยู่กลางอากาศ
สุนัขตัวหนึ่งที่กําลังวิ่งผ่านหางของมนุษย์เงือกยกขาสามข้างขึ้นสู่อากาสขณะที่อีกข้างอยู่บนพื้น
เซี่ยหลินมองการแสดงออกที่หลากหลายของผู้คนด้วยความตื่นตาตื่นใจ นั่นทําให้นางลืมความหดหูและความคับข้องใจทั้งหมดไปอย่างสมบูรณ์
ฟางหยวนเดินเร็วมาก มันค่อนข้างยากสําหรับเซี่ยหลินที่จะเดินตามเขา
“ตุบ!”
นางเดินชนผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ที่มีร่างกายแข็งแกร่งผู้หนึ่ง
ร่างของผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ส่ายไปมาแต่ยังอยู่ในท่าเดิม อย่างไรก็ตามเท้าของเขาเกือบหลุดออกจากพื้นและเริ่มเอียงไปด้านข้าง
“ขอโทษ!” นางกําลังจะช่วยผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ผู้นั้นแต่ฟางหยวนดึงตัวนางออกไป
“มานี่” ฟางหยวนมอบหน้ากากให้นาง
“ท่านชู นี่” เซี่ยหลินมีนงง ฟางหยวนไม่ได้พานางออกจากถนนแต่พานางไปที่คณะเชิดสิ่ง
หน้ากากที่ฟางหยวนมอบให้นางทําจากเกล็ดปลาและขนนก มันค่อนข้างมีสีสันทีู่ดฉาด
ฟางหยวนกล่าว “ละครเพลงกําลังจะเริ่มแต่พวกเขาขาดตัวละครนําชายและหญิง ชาวประมงกตัญญและเจ้าหญิงเงือกพเนจร”
ละครเพลงเป็นรูปแบบหนึ่งของความบันเทิงที่ได้รับความนิยมในถ้ําสวรรค์แห่งนี้
“วิธีของข้าอยู่ได้ไม่นาน ใส่หน้ากากเร็ว เราจะผสานตัวเข้าไปในฝูงชน” ฟางหยวนกระตุ้นเซียหลินและไม่เปิดโอกาสให้นางปฏิเสธ
“ตกลง” เซี่ยหลินรับหน้ากากจากฟางหยวนและสวมมันทันที นี่ทําให้หัวใจของนางสงบลง
ตอนนี้ไม่มีผู้ใดรู้จักนางอีกต่อไป
แรงกดดันทางจิตใจของนางลดลงอย่างมาก
แต่หลังจากไม่นาน ใบหน้าของนางก็เริ่มแดง เพราะนางเห็นฟางหยวนสวมหน้ากากเป็นชายชาวประมงกตัญญู
“นี่หมายความว่าท่านชูกับข้าจะแสดงเป็นตัวละครหลักชายและหญิงของเรื่องนี้ใช่หรือ ไม่?”หัวใจของเซี่ยหลินเต้นแรงขึ้น