บทที่ 1671 ชีวิตและหน้ากาก
ฟางหยวนดีดนิ้ว
สภาพแวดล้อมเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
มนุษย์เงือกคู่นั้นยังเดินจับมือกันไปข้างหน้า
คนขายสินค้าพ่นน้ําลายลงบนใบหน้าของลูกค้าโดยไม่รู้ตัว
สุนัขวิ่งผ่านมนุษย์เงือกเกล็ดฟ้าไปอย่างรวดเร็ว
เซี่ยหลินมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความประหลาดใจและอยากรู้อยากเห็น
มันยอดเยี่ยมเกินไป!
“วิธีการของท่านชูช่างทรงพลังนัก! นี่อาจเป็นท่าไม้ตายระดับห้า!” เซี่ยหลินคาดเดา
“โครม!”
ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ที่เชี่ยหลินชนล้มลงบนพื้นและส่งผลกระทบต่ อคนรอบข้างจนเกิดเป็นความสับสนวุ่นวายเล็กน้อย
“เจ้าคนผู้นั้นไม่รู้จักวิธีเดินงั้นหรือ?” บางคนตําหนิ
“ขอโทษ ขอโทษ” ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขอโทษอย่างสุภาพ
“ข้าเดินอย่างระมัดระวังแล้วแต่ข้ายังสะดุด แปลก” ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์งุนงงและเร่งเดินจากไป
เซี่ยหลียก้นหน้าขอโทษเบาๆ
อย่างไรก็ตามนางรู้สึกมีความสุขเล็กน้อยราวกับการเล่นพิเรนทร์ของเด็กๆ
ขณะที่นางกําลังคิดเรื่องนี้ ฟางหยวนคว้ามือของนางไปอย่างกะทันหัน
“ทําตามข้า” ฟางหยวนลากนางเข้าไปในคณะเชิดสิงโต
เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น คณะเชิดสิงโตเริ่มเต้นรําอย่างสนุกสนาน
“ตอนนี้เรามีตัวละครครบแล้ว ฮ่าฮ่า” นักแสดงผู้หนึ่งหัวเราะ
“เจ้ารู้จักวิธีเต้นรําหรือไม่?” ฟางหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มและเริ่มขยับขา
เขากําลังสวมบทบาทเป็นชาวประมงกตัญญ การเคลื่อนไหวของเขางดงามและเป็นธรรมชาติ
คนรอบข้างส่งเสียงโห่ร้องให้กําลังใจ ฟางหยวนเต้นรําและเคลื่อนที่เข้าไปหาเซี่ยหลิน
“ถึงคราวของเจ้าแล้ว” เสียงของฟางหยวนดังขึ้นในใจของเซี่ยหลินอย่างลับๆ
หัวใจของเซี่ยหลินเต้นแรงด้วยความกังวล แม้นางจะเคยฝึกเต้นรํามาก่อนในวัยเยาว์ แต่นางไม่เคยแสดงต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้
นางเริ่มเคลื่อนไหวด้วยร่างกายแข็งที่อราวกับท่อนไม้
ฟางหยวนหัวเราะก่อนจะจับมือนางและพานางเต้นรํา
เขาลอบใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญากับเซี่ยหลินเพื่อให้ความคิดของนางว่องไวขึ้น ท่าเต้นทั้งหมดผุดขึ้นในใจของนางอย่างกระจ่างชัด
ทั้งสองร้องเพลงและเต้นรําอยู่ท่ามกลางฝูงชน
คณะเชิดสิงโตสวมชุดหลากหลายสีสันและหน้ากากที่ดูแปลกตา บางคนกําลังเชิดสิงโตทะเลสีทองขนาดใหญ่และดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อยู่รอบๆ
ในฐานะตัวละครเอกชายและหญิง สายตาจํานวนมากมองไปที่ฟางหยวนและเชี่ยหลิน
แรกเริ่มเชี่ยหลินรู้สึกเครียดมาก แต่ยิ่งนานเท่าใด นางก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น นางดําดิ่งอยู่ในบรรยากาศแห่งความสนุกสนานโดยลืมความอยุติธรรมทั้งหมดที่นางเคยได้รับ
เสียงโห่ร้องให้กําลังใจดังเข้าหูของนาง แม้นางจะเต้นผิดจังหวะ แต่ก็มีเพียงเสียงหัวเราะที่มีเมตตาดังขึ้นเท่านั้น
บางคนเดินห่างออกไป บางคนเข้าร่วมในการเต้นรํา เขี่ยหลินเริ่มหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้นางมีความสุขในระดับที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
หัวใจของนางถูกเติมเต็มอีกครั้ง
“มันราวกับความฝัน” เซี่ยหลินเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก สายตาของนางไม่เคยหลุดออกจากฟางหยวน
“ได้เวลาเดินทางแล้ว” ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวของฟางหยวนพลันเปลี่ยนไป เขาลากเซี่ยหลินออกจากคณะเชิดสิงโต
เซี่ยหลินที่ไม่ได้เตรียมตัวถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดของฟางหยวนโดยตรง
ใบหน้าของนางชนกับหน้าอกของฟางหยวน กลิ่นของผู้ชายพุ่งเข้าจมูกของนาง นางรีบก้มหน้าลงและซ่อนใบหน้าสีแดงค่ําของนางเอาไว้
“ที่นี่” ฟางหยวนนํานางเข้าไปในตรอก
มันเป็นตรอกที่มีดสลัวและเต็มไปด้วยขยะ
ฟางหยวนปล่อยมือเซี่ยหลินและเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เชี่ยหลินรู้สึกว่างเปล่าทันทีแต่นางยังเดินตามไปอย่างกระชั้นชิด
ทั้งสองเดินเข้าไปในตรอกและไม่ได้กล่าวสิ่งใด
ความรู้สึกอ้างว้างเริ่มเกาะกุมหัวใจของเซี่ยหลินอีกครั้ง
ความสุขและความสนุกสนานก่อนหน้าเริ่มจางหาย
เซี่ยหลินต้องการหาหัวข้อสนทนากับฟางหยวนแต่ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ หันหลังกลับบรรยากาศที่กดดันทําให้เซี่ยหลินไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมา
ในที่สุดทั้งสองก็เดินออกมาจากตรอก
ถนนเส้นนี้ไม่คึกคักเหมือนก่อนหน้า แต่มันยังเต็มไปด้วยผู้คน
ฟางหยวนหยุดและหันหน้ากลับไปหาเซียหลิน “เจ้าคิดได้หรือยัง?”
เซี่ยหลินมึนงง “คิด…คิดสิ่งใด?”
ฟางหยวนยิ้มและชี้นิ้วไปที่หน้ากากที่อยู่บนใบหน้าของนาง “เจ้าต้องการสวมมันต่อไปหรือเจ้าต้องการเดินไปท่ามกลางผู้คนด้วยใบหน้าที่แท้จริงของเจ้า”
เซี่ยหลินตะลึง
ฟางหยวนกล่าวต่อ “ข้าถอดหน้ากากออกตั้งแต่อยู่ในตรอก แต่เจ้ายังสวมอยู่ เพราะเห ตุใด? เจ้ารู้สึกละอายใจงั้นหรือ?เจ้ารู้สึกกลัวที่ผู้คนจะมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้า เจ้ากังวลว่าเจ้าต้องเผชิญหน้ากับชีวิตจริงและสูญเสียความสุขไปเช่นนั้นหรือ?”
คําถามมากมายทําให้เซี่ยหลินไม่สามารถตอบสนอง
หลังจากชั่วครู่ ดูเหมือนนางจะเข้าใจบางสิ่ง นางถอดหน้ากากออกและเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง “ท่านชู ข้าเข้าใจความตั้งใจของท่านแล้ว ขอบคุณ ข้าขอขอบคุณจากใจจริงข้าเป็นเพียงนางเงือกธรรมดา…”
ฟางหยวนขัดจังหวะ “ข้าเคยพูดไปแล้ว สถานการณ์ปัจจุบันของเจ้าเกิดขึ้นเพราะข้า ข้าต้องชดใช้ให้เจ้า”
“ท่านชู ท่านกล่าวสิ่งใด ท่านช่วยเหลือและมอบของขวัญล้ําค่าให้ข้า ท่านไม่เคยติดหนี้ข้า แท้จริงแล้วเป็นข้าที่ติดหนี้ท่าน!” เซี่ยหลินเร่งกล่าว
“นั่นเป็นวิธีตีความของเจ้า ไม่ใช่ข้า” ฟางหยวนสายศีรษะ “ย้อนกลับไปเจ้าถูกคนอื่นกลั่นแกล้งและเย้ยหยันต่อมาเจ้าสัมผัสกับการต้อนรับที่อบอุ่นและเสียงโห่ร้องให้กําลังใจสิ่งใดคือสาเหตุของความแตกต่าง เป็นเพราะหน้ากากที่เจ้าสวมงั้นหรือ?แท้จ ริงแล้วเจ้าก็ยังเป็นตัวของเจ้าเองมาตลอดใช่หรือไม่?”
เซี่ยหลินพยักหน้า
ฟางหยวนชี้นิ้วไปที่ฝูงชน “ดูพวกเขา คนเหล่านี้ไม่ต้องการตรวจสอบตัวตนที่แท้จริงของเจ้าพวกเขาไม่ต้องการรู้ว่าเจ้าคือเชี่ยหลินหรือผู้ใด ในทํานองเดียวกันเมื่อพวกเรา เต้นรําและร้องเพลง ไม่มีผู้ใดอยากรู้จักชื่อของพวกเรา พวกเขาเพียงแสดงทัศนคติ เรื่องจริงไม่สําคัญสําหรับพวกเขา คนทั่วไปไล่ตามความจริงเพราะพวกเขามักโกรธและไม่พอใจกับชีวิตที่ถูกล้อเล่น”
“สําหรับพวกเขา พวกเราไม่มีความสําคัญใดๆแม้แต่น้อย และสําหรับพวกเรา ทัศนคติ ของพวกเขาก็ไม่ควรมีความสําคัญเช่นกัน”
เซี่ยหลินสูดหายใจลึก “ท่านชู ขอบคุณที่ปลอบโยนข้า…”
“ข้ายังพูดไม่จบ เนื่องจากทัศนคติของคนนอกไม่สําคัญ แล้วสิ่งใดสําคัญกับชีวิตของพวกเรา?” ฟางหยวนถามด้วยรอยยิ้ม
เชี่ยหลินมีนงงไปสามวินาที “ท่านชู ขออภัยด้วย ข้าไม่รู้…”
ฟางหยวนชี้นิ้วไปที่เชี่ยหลินก่อนจะชี้มาที่ตนเอง “มันคือพวกเรา มันคือความรู้สึกที่แท้จริงของพวกเราถามตัวเอง ฟังเสียงจากหัวใจของเจ้า เจ้าอยากทําสิ่งใด เจ้าอยากเป็นคนเช่นไร เจ้า อยากไปที่ไหน เจ้าจะพบคําตอบทั้งหมดจากส่วนลึกในหัวใจของเจ้าเอง”
“หากเจ้าต้องการเดินทาง จงออกเดินทางไปทั่วโลก หากเจ้าต้องการดูแลผู้อื่น จงดูแลพวกเขาให้ดี หากเจ้าต้องการบิน จงรวบรวมเงินเพื่อซื้อวิญญาณที่บินได้และฝึกใช้มัน”
ฟางหยวนชี้นิ้วเข้าไปในตรอกก่อนจะเลื่อนไปที่ถนนใหญ่ “หากเจ้าต้องการอยู่ในตรอกเจ้าสามารถอยู่ที่นั่น หากเจ้าต้องการเดินไปบนถนนและเพลิดเพลินกับสิ่งต่างๆ เพียงเดินออกไปอย่าทําร้ายตนเองเพราะทัศนคติของผู้อื่น หากเจ้าทําร้ายตนเองบ่อยๆสุดท้ายเจ้าจะจบลงด้วยความเสีย ใจ เจ้าจะสวมหน้ากากและแสดงเป็นคนอื่นตลอดเวลาเจ้าจะไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อี กต่อไป”
หลังจากได้ยินถ้อยคําเหล่านี้ จิตใจของเซี่ยหลินกลายเป็นปลอดโปร่งนางรู้สึกราวกับตรัสรู้บางสิ่งความกังวลและความทุกข์ทรมานก่อนหน้าถูกปัดเปาออกไปจนหมดสิ้น