บทที่ 1843 การเสียสละ
อู๋ส่วยกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาสามารถทําลายแรงกดดันทั้งหมด เขายังพบโอกาสที่จะเอาชนะวังสวรรค์ นั่นคือการหยิบยืมความแข็งแกร่งของเทพปีศาจบัวแดง
หลังจากพูดคุยกับเหลียง อู๋ส่วยเปลี่ยนกลยุทธ์ เขากดตนเองให้ต่ําและทําตัวเหมือนก่อนหน้า
แรกเริ่มเมื่อเขากลายเป็นผู้อมตะระดับแปด สมาชิกเผ่ามนุษย์มังกรรู้สึกตื่นเต้นมาก หลังจากทั้งหมดผู้อมตะระดับแปดสามารถช่วยเหลือพวกเขา
อย่างไรก็ตามตอนนี้อู๋ส่วยกลับเริ่มเข้าหาวังสวรรค์และสิบนิกายโบราณ ทําให้สมาชิกเผ่ามนุษย์มังกรหลายคนไม่เข้าใจ
อู๋ส่วยพยายามอย่างมากที่จะแสดงทัศนคติที่สํานึกผิด เขาค่อยๆได้รับความไว้วางใจและความโปรดปรานจากสิบนิกายโบราณมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจงใจเข้าหาวังสวรรค์และพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขา
ในความเป็นจริงเขายังทุ่มทุนสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะให้กับวังสวรรค์อีกด้วย
สําหรับความขัดแย้งระหว่างเผ่ามนุษย์กับเผ่ามนุษย์มังกร เขาเปลี่ยนจุดยืนเช่นกัน เขาปราบปรามเผ่ามนุษย์ มังกรและปกป้องผลประโยชน์ของมนุษย์
ผ่านไปหนึ่งร้อยปี แม้อู๋ส่วยจะประสบความสําเร็จ แต่เขาก็ยังไม่ได้รับความไว้วางใจจากวงสวรรค์
“ข้าควรทําอย่างไร?” อู๋ส่วยปรึกษากู้เหลียง
กู้เหลียงกล่ว “เจ้าเป็นมนุษย์มังกร ขณะที่วังสวรรค์ดูถูกมนุษย์กลายพันธุ์จากส่วนลึกของหัวใจ ความหวังเดียวของเราคือราชันมังกร เราต้องใช้ประโยชน์จากเขา”
“ข้าจะได้รับความไว้วางใจจากบรรพชนราชันมังกรได้อย่างไร? ความประทับใจที่เขามีต่อข้าคือ…” อู๋ส่วย เผยรอยยิ้มขมขึ้นและส่ายศีรษะ
กู้เหลียงมองอู๋ส่วยอย่างจริงจัง “มันขึ้นอยู่กับว่าเจ้าสามารถเสียสละหรือไม่?”
อู๋ส่วยตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าทําเพื่อเผ่ามนุษย์มังกรมาตลอด แล้วข้าจะไม่สามารถเสียสละได้อย่างไร?”
“ดี” กู้เหลียงป้องหมัดขึ้น “มีเพียงคนเช่นเจ้าที่สามารถทําสิ่งที่ยิ่งใหญ่!”
กู้เหลียงบอกแผนการของเขาแต่อู๋ส่วยลังเลเพราะเหลียงบอกให้เขาเสียสละฮวงเว่ย!
ฮวงเว่ยเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่ติดตามอู่ส่วยมาตั้งแต่เด็ก เขาทํางานหนักเพื่อพัฒนาเกาะดอกไม้แดนใต้และภักดีต่ออู๋ส่วยมาตลอด
กู้เหลียงกระตุ้น “ทุกคนรู้ความสัมพันธ์ของเจ้ากับฮวงเว่ย เราจะสร้างสถานการณ์ที่เจ้าต้องตัดสินใจ หากเจ้าปกป้องผลประโยชน์ของมนุษย์และเสียสละฮวงเว่ย ราชันมังกรจะเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเจ้าอย่างแน่นอน”
“แต่…เจ้ากําลังบอกให้ข้าสังหารแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า เขาเป็นคนที่ข้าไว้ใจมากที่สุดและเขาก็ยกย่องข้ามากที่สุด…” อู๋ส่วยรู้สึกไม่เต็มใจ
“ข้าเชื่อว่าฮวงเว่ยจะเข้าใจการเสียสละของเขา เขาจะทํามันอย่างแน่นอน เขากล่าวถูกต้องหรือไม่?” กู้เหลียงกล่าว
อู๋ส่วยถอนหายใจขณะที่ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง “ข้ารู้จักฮวงเว่ยเหมือนที่ข้ารู้จักตนเอง หากเขารู้ว่านั่นเป็นแผนการของข้า เขาจะเสียสละตนเองอย่างแน่นอน”
“ไม่!” กู้เหลียงกล่าวแทรก “แผนนี้สําคัญเกินไป ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าใดยิ่งปลอดภัย ควรมีเพียงพวกเราสองคนเท่านั้นที่รู้ สหาย เจ้าต้องรู้ว่าแม้แต่คนตายก็ยังสามารถถูกสอบสวนเพื่อหาหลักฐาน เราไม่สามารถบอกแผนการของเรากับฮวงเว่ย”
“นี่…” อู๋ส่วยปิดเปลือกตาและส่ายศีรษะ “ขอข้าคิดดูก่อน ให้เวลาข้าคิด…”
เขาลังเลอยู่ครึ่งปีก่อนจะตัดสินใจในที่สุด
ระหว่างฮวงเว่ยกับเผ่ามนุษย์มังกรทั้งหมด อย่างหลังส่าคัญกว่า
อู๋ส่วยและกู้เหลียงวางแผนกันอย่างลับๆ พวกเขาสร้างความขัดแย้งและสังหารผู้อมตะเผ่ามนุษย์เพื่อรวบรวมหลักฐานในการกล่าวหาฮวงเว่ย
หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้น มันได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้คนของภาคกลาง
ฮวงเว่ยกรีดร้องอย่างไร้เดียงสา “ข้าไม่ได้ทํา พี่ใหญ่ ท่านรู้จักข้า ข้าจะทําเช่นนั้นได้อย่างไร?”
อู๋ส่วยปกป้องฮวงเว่ยในตอนแรก แต่เมื่อหลักฐานถูกเปิดเผยมากขึ้น เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรักษาความยุติธรรมและลงโทษประหารฮวงเว่ย
เรื่องนี้ทําให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ เผ่ามนุษย์มังกรโกรธอู๋ส่วยมาก มนุษย์มังกรจํานวนมากเริ่มย้ายออกจากเกาะดอกไม้แดนใต้
สิบนิกายโบราณยกย่องอู่ส่วยเป็นอย่างมาก กระทั่งราชันมังกรยังพยักหน้าสรรเสริญ “เขาเติบโตขึ้นมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้ามีความสุขมาก”
อู๋ส่วยได้รับความไว้วางใจจากราชันมังกรหลังจากเรื่องนี้
แต่หัวใจของอู๋ส่วยกลับว่างเปล่า
ก่อนการประหารชีวิตฮวงเว่ย ค่ากล่าวสุดท้ายของฮวงเว่ยยังติดอยู่ในหัวใจของอู๋ส่วย
“พี่ใหญ่ ข้าไม่เคยเสียใจที่ติดตามท่าน! หากท่านต้องการประหารข้า ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ข้าก็ยินดี! แต่พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้ทําเรื่องนี้ ท่านต้องระวังผู้อมตะเผ่ามนุษย์เหล่านั้นให้มาก พวกเขาพยายามหลอกลวงท่าน หลายปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่ได้ทําเรื่องที่ผิดต่อท่านเพราะพวกเขาเปลี่ยนกลยุทธ์แล้ว พวกเขากล่าวหาข้าและต้องการก่าจัดข้า พวกเขาจะค่อยๆตัดมือตัดเท่ของท่าน”
“พี่ใหญ่ ข้าไม่สามารถเฝ้ามองอนาคตของเผ่ามนุษย์มังกร หลังจากข้าตาย ข้าหวังว่าท่านจะสานต่อความฝันนี้ เผ่ามนุษย์มังกรจะไม่ประสบความสําเร็จหากปราศจากท่าน!”
ฮวงเว่ยคุกเข่าอยู่บนพื้นและร่ําไห้ขณะกล่าวถ้อยคําเหล่านี้ ทุกประโยคของฮวงเว่ยทําให้อู่ส่วยรู้สึกราวกับถูกมีดทิ้งแทงไปที่หัวใจของเขา
อู๋ส่วยเกือบสูญเสียการควบคุมตนเองและต้องการบอกความจริงกับฮวงเว่ยว่าคนที่ใส่ร้ายเขาก็คือพี่ใหญ่ที่เขารักที่สุดผู้นี้!
อู๋ส่วยต้องการคุกเข่าขอโทษฮวงเว่ย แต่สุดท้ายเขาก็ยังสามารถควบคุมตนเอง
เขากล่าวเสียงเย็น “ฮวงเว่ย เจ้าก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่และสังหารผู้คน เจ้ายังปฏิเสธที่จะยอมรับความผิดบาปของตนแม้แต่ตอนนี้ เห้อ…ข้ารู้สึกผิดหวังนัก ข้ารู้สึกเจ็บปวดจริงๆ”
แต่เมื่อกล่าวได้เพียงครึ่งประโยค อู๋ส่วยกลับเริ่มหลั่งน้ําตา น้ําเสียงของเขากลายเป็นสั่นเทา
เขาไม่กล้ามองหน้าฮวงเว่ยและรีบหันหลังกลับทันที
“พี่ใหญ่!” ฮวงเว่ยมองอู๋ส่วยที่กําลังจะจากไปและตะโกน “พี่ใหญ่ ให้ข้าเรียกท่านเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ข้าจะตาย! อย่าลืมความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของเผ่ามนุษย์มังกร!”
อู๋ส่วยเร่งเดินจากไป เขาต้องการหลบหนีไปจากจุดนี้
ผู้อมตะหลายคนมาดูการประหารชีวิตฮวงเว่ยแต่อู๋ส่วยไม่ได้อยู่ที่นั่น
คืนนั้นเขาฝัน
ในความฝันเขาเห็นฮวงเว่ยกําลังชี้นิ้วมาที่เขาและดุเขาเสียงดัง
อู๋ส่วยบอกความจริงกับเขา
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ฮวงเว่ยเริ่มร้องไห้และคุกเข่าลงบนพื้น “พี่ใหญ่ ท่านทํางานหนักเกินไป ข้าโง่เขลาเกินไป ขากล่าวโทษท่าน เพื่อผลประโยชน์ของเผ่ามนุษย์มังกร ท่านต้องแบกรักภาระและเสียสละ ข้ายินดีที่จะเสียสละตนเองเช่นกัน!”
อู๋ส่วยรีบประคองฮวงเว่ยให้ลุกขึ้น “น้องเล็ก ข้าดีใจที่เจ้าเข้าใจข้า!”
หลังจากตื่นนอน อู๋ส่วยยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
เขาไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียงทันที เขานอนมองเพดาน รอยยิ้มของเขาจางหายไป แต่น้ําตากลับเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเขา
การเสียชีวิตของฮวงเว่ยท่าให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ เกาะดอกไม้แดนใต้ตกสู่ความสับสน ขวัญกําลังใจของสมาชิกเผ่ามนุษย์มังกรตกต่ําลง พวกเขารู้สึกผิดหวังในตัวอู๋ส่วย
แต่อู๋ส่วยกลับสามารถเข้าออกวังสวรรค์
นี่เป็นความก้าวหน้าครั้งสําคัญ
เมื่อวังสวรรค์ต้องการสร้างประตูสวรรค์กลาง
อู๋ส่วยรีบคว้าโอกาสนี้และรายงานราชันมังกรว่าเขาเต็มใจบริจาควังมังกรของเขา
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาวังมังกรยังเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด
อู๋ส่วยพิจารณาเรื่องนี้อยู่เป็นเวลานาน การสูญเสียวังมังกรไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขาสามารถสร้างมันขึ้นมาได้อีกครั้งในอนาคต สิ่งสําคัญที่สุดคือวิญญาณชะตากรรม
แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของราชันมังกรกลับไม่เป็นไปตามความคาดหวังของอู๋ส่วย ราชันมังกรกล่าว “อู๋ส่วย ข้ามีความสุขมากที่เจ้ายินดีทําเช่นนี้ แต่ประตูสวรรค์กลางเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล ขณะที่วังมังกรของเจ้าเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งทาส มันไม่เหมาะสม นอกจากนี้ด้วยรากฐาน ของวังสวรรค์ เราไมต้องการความมั่งคั่งของเจ้า”
อู๋ส่วยถอยหายใจ “ท่านปู่ เมื่อข้ายังเด็ก ข้ายโสเกินไป ข้าทําสิ่งเลวร้ายมามาก ตอนนี้ข้าสํานึกผิดแล้ว ข้าต้องการชดเชยความผิดของตนเอง โปรดให้โอกาสข้า ข้าจะไม่ทําให้ท่านผิดหวัง!”
ราชันมังกรหัวเราะ “เอาล่ะ เจ้ากับพ่อของเจ้าจะรับผิดชอบในการสร้างประตูสวรรค์กลาง”
อู๋ส่วยดีใจมาก “ขอบคุณท่าน!!”
การสร้างประตูสวรรค์กลางต้องใช้ทรัพยากรจํานวนมาก กู้เหลียงมาหาอู๋ส่วยเพื่อช่วยเขา
เขากล่าวกับอู๋ส่วย “วังสวรรค์มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่จริงๆ พวกเขาต้องการสร้างประตูสวรรค์กลาง แต่นี่เป็นโอกาสที่ดี เราสามารถใช้มันเพื่อสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม”
อู๋ส่วยทํางานอย่างหนักเพื่อสร้างประตูสวรรค์กลาง
เผ่ามนุษย์มังกรไม่พอใจและเริ่มดด่าเขามากขึ้น พวกเขากระทั้งเรียกอู๋ส่วยว่าคนทรยศของเผ่ามนุษย์มังกร
แม้แต่พ่อของอู๋ส่วยยังเย็นชากับเขา
อู๋ส่วยอดทนต่อความเข้าใจผิดเหล่านี้และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างประตูสวรรค์กลาง
การสร้างประตูสวรรค์กลางไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะเมื่อมันอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของวังสวรรค์
ระหว่างที่เขากําลังทํางานอย่างหนัก อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้น
พ่อของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนตาย เขาเรียกอู๋ส่วยไปพบ
“ข้าพบวิญญาณชะตากรรม บุตรของข้า ข้าได้รับการเปิดเผยจากวิญญาณชะตากรรม เผ่ามนุษย์มังกรของเราจะปกครองโลก!” พ่อของอู๋ส่วยตื่นเต้นมาก เขาจับมือของอู๋ส่วยเอาไว้อย่างแน่นหนา
“อันใด!?” อู๋ส่วยตกใจมาก “เกิดสิ่งใดขึ้น? ท่านพ่อ!”
พ่อของเขาอธิบาย “ข้าค้นพบเรื่องนี้โดยบังเอิญ แต่ข้าตั้งใจปิดบังมันโดยการจงใจทําให้เกิดความผิดพลาด ในการสร้างประตูสวรรค์และได้รับฟันเฟืองเพื่อใช้มันเป็นข้ออ้างออกมาจากวังสวรรค์”
“เผ่ามนุษย์มังกรจะปกครองโลก! บุตรของข้า เผ่ามนุษย์มังกรของเราถูกสวรรค์กําหนดให้เข้าแทนที่เผ่ามนุษย์ นี่คือการเปิดเผยของวิญญาณชะตากรรม!” พ่อของอู๋ส่วยกล่าวด้วยอารมณ์ความรู้สึก “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร? กระจายข่าวนี้ออกไปทั่วโลก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรจะตื่นเต้นกับมันมาก!”
“ท่านพ่อ ท่านควรพักผ่อน ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง” อู๋ส่วยรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน
หลังจากนั้นเขาก็ไปพบกู้เหลียง
อู๋ส่วยกับกู้เหลียงร่วมงานกันมานาน ตอนนี้อู๋ส่วยรู้แล้วว่ากู้เหลี่ยงไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นมนุษย์กลายพันธุ์
เมื่อได้ยินคําบอกเล่าของอู๋ส่วย กู้เหลียงตกใจมาก แต่หลังจากสามารถตอบสนอง เขาเข้าใจความลังเลของอู๋ส่วยทันที
“อู๋ส่วย เจ้าไม่ควรประกาศข่าวนี้และรวบรวมมนุษย์มังกร หากวังสวรรค์รู้เรื่องนี้ พวกเขาจะกําจัดเผ่ามนุษย์มังกรทั้งหมดบนโลกใบนี้อย่างแน่นอน”
“เราต้องหลอกวังสวรรค์ต่อไปและทําให้พวกเขาคิดว่าความลับนี้ยังปลอดภัย”
“การกระท่าของพ่อเจ้าผิดปกติเกินไป พวกเขาจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
“กู้เหลียง เจ้ารู้จักข้าดี นั่นทําให้ข้ารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก” อู๋ส่วยถอนหายใจ “เราควรทําอย่างไร?”
กู้เหลียงลังเลแต่เขายังเปิดปากกล่าว “เจ้าคิดวิธีแก้ปัญหาไว้แล้วใช่หรือไม่? ในสถานการณ์นี้ ด้วยการสังเวยบิดาของเจ้าและแสงให้เขาเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ เราจะรอดพ้นจากวิกฤตนี้”
อู๋ส่วยหน้าซีด เขาส่ายศีรษะ “เจ้าต้องการให้ข้าฆ่าพ่อของตนเองงั้นหรือ? ไม่ ข้าจะไม่ทํามัน!”
“เจ้าไม่ทําได้งั้นหรือ? หากวังสวรรค์รู้เรื่องนี้ เผ่ามนุษย์มังกรของเจ้าจะถูกทําลายล้าง” กู้เหลียงถอนหายใจ “ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าเหตุใดบรรพชนราชันมังกรของเจ้าจึงปฏิบัติต่อเผ่ามนุษย์มังกรเช่นนี้ วังสวรรค์ต้องรู้เรื่องนี้มานานแล้ว”