Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – ตอนที่ 1872 ต่อสู้กับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1872 ต่อสู้กับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง   ทะเลทรายตะวันตก   ฟางหยวนยืนอย่างภาคภูมิใจอยู่บนชั้นดาดฟ้าของเรือรบหมื่นปีโดยไม่ปิดซ่อนร่องรอย   เรือรบหมื่นปีเหมือนดาบที่แทงทะลุท้องฟ้า   “ฟางหยวน เจ้ากล้ากลับมาจริงๆ!” เสียงผู้หญิงดังออกมาจากก้อนเมฆสีเหลืองอ่อน มันเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง   เมฆสีเหลืองอ่อนอาจดูธรรมดาแต่แท้จริงแล้วมันคือค่ายกลวิญญาณอมตะ   ค่ายกลวิญญาณอมตะปกคลุมอาณาจักรแห่งความฝันเอาไว้ เจตจํานงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงและนางรำหงหยุนติดอยู่ภายใน   นางสนมชิงหลานเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด นางป็นผู้ดูแลค่ายกลวิญญาณอมตะนี้   ย้อนกลับไปเมื่อฟางหยวนถูกฟงจิวเก้อไล่ล่ามายังทะเลทรายตะวันตก เขาพบนางหงหยุนและแสร้งสร้างข้อตกลงพันธมิตรเพื่อแลกเปลี่ยนมรดก   อิงอู๋เซี่ยที่อยู่ในร่างของเทพธิดาซุ้ยป๋อในเวลานั้นจุดชนวนระเบิดกายาแห่งความฝันทําให้นางรำหงหยุนกับเจตจํานงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงติดอยู่ภายในอาณาจักรแห่งความฝัน   น่าเสียดายที่ฟางหยวนไม่มีเวลาเก็บกวาดสนามรบเพราะต้องหลบหนีไล่ล่าของฟงจิวเก้อ   บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงส่งนางสนมชิงหลานและนางบําเรอรัตติกาลออกมาตรวจสอบ   แต่บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่มีวิธีจัดการอาณาจักรแห่งความฝัน เขาทําได้เพียงสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะปิดผนึกมันเอาไว้เท่านั้น   บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่สนใจนางรำหงหยุนมากนัก สิ่งที่เขากังวลคือวิญญาณอมตะกลายพันธุ์ที่ติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน   นี่คือวิญญาณอมตะระดับแปด!   ย้อนกลับไปบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงได้รับวิญญาณอมตะกลายพันธุ์มาจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง หากไม่มีมัน บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจะพบกับช่วงเวลาที่ยากลําบากในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะส่วนใหญ่ของเขา ความแข็งแกร่งของเขาจะลดลง   ตอนนี้ฟางหยวนบุกโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะนี้โดยตรง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางสนมชิงหลานจะไม่สามารถระงับความโกรธ   แต่นางไม่ได้โจมตีด้วยตนเอง นางเพียงกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อป้องกันตัว   “ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด เขายังมีเรือรบหมื่นปีซึ่งเคยเอาชนะวังสวรรค์มาก่อน ข้าไม่สามารถต่อต้านเขา สิ่งสําคัญคือการปกป้องและถ่วงเวลาจนกว่าสามีจะมาถึง!”   แน่นอนว่านางสนมชิงหลานส่งข้อความขอความช่วยเหลือกลับไปหาบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเรียบร้อยแล้ว   “บึม บึม บึม!”   ฟางหยวนเริ่มโจมตี ดาบสีเงินจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงไปราวกับน้ําตก   นางสนมชิงหลานกัดฟันและปลดปล่อยเมฆสีเหลืองอ่อนออกไปมากขึ้น   ภายใต้การโจมตีที่รุนแรง เมฆสีเหลืองอ่อนสลายตัวอย่างรวดเร็ว   ทุกการโจมตีของเรือรบหมื่นปีมีพลังอํานาจเทียบเท่ากับท่าไม้ตายอมตะระดับแปด แต่เห็นได้ชัดว่าค่ายกลวิญญาณอมตะของฝ่ายตรงข้ามก็เป็นค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดเช่นกัน   “โชคดีที่เราเสริมความแข็งแกร่งให้กับค่ายกลวิญญาณอมตะเรียบร้อยแล้ว มิฉะนั้นด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันจะไม่สามารถปิดกั้นฟางหยวน เรือรบหมื่นปีช่างน่าทึ่งนัก!” นางสนมชิงหลานหน้าซีดเผือดขณะที่นางต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาลจากการโจมตีของฟางหยวน   หลังจากชั่วครู่นางบําเรอรัตติกาลพร้อมกับนางสนมอีกหลายคนของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงก็ปรากฏตัวขึ้น   “สามีอยู่ที่ใด?” การแสดงออกของนางสนมชิงหลานเปลี่ยนไปเล็กน้อย   นางบําเรอรัตติกาลตอบ “ยังไม่ถึงเวลาที่สามีจะเคลื่อนไหว สถานการณ์ซับซ้อนมาก เราได้รับคําสั่งให้มาช่วยเจ้าปกป้องสถานที่แห่งนี้”   นางสนมชิงหลานสายศีรษะ “เพียงพวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน พวกเราไม่สามารถอดทนได้นานนัก”   นางสนมบางคนเย้ยหยัน “ชิงหลาน เจ้ากลัวงั้นหรือ? นี่คือค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปด…”   “บึม!”   นางสนมผู้นั้นยังกล่าวไม่จบขณะที่ค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดครึ่งหนึ่งถูกทําลาย   ทุกคนหน้าซีดเผือด   นางบําเรอรัตติกาลกรีดร้อง “พวกเจ้ากําลังทําสิ่งใดอยู่? ซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณอมตะเร็วเข้า!”   นางสนมเหล่านั้นเลิกทะเลาะวิวาทและพยายามซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณอมตะ   ฟางหยวนมองลงมาจากบนท้องฟ้าด้วยสายตาเย็นชา   ตอนนี้เรือรบหมื่นปีไม่ได้รับการสนับสนุนจากสายธารแห่งกาลเวลา ดังนั้นมันจึงไม่ทรงพลังนัก   ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่ธรรมดา มันมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นแกนกลาง นอกจากนั้นมันยังมีความสามารถในการขนส่งผู้อมตะ มันอาจเป็นส่วนหนึ่งในมรดกของเทพปีศาจคลั่ง   ฟางหยวนไตร่ตรอง   การคาดเดาของเขาไม่ผิด ค่ายกลวิญญาณนี้มาจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง มันเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดที่แท้จริง   คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดสามารถต่อสู้กับค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดได้อย่างเท่าเทียม   แต่ในแง่ของผู้ควบคุม แน่นอนว่าฝ่ายของฟางหยวนเหนือกว่า   “ผู้ใดก็ได้ช่วยข้าด้วย ข้าทนไม่ไหวแล้ว!”   “อา…ฟางหยวนดุร้ายเกินไป ข้าไม่ไหวแล้ว!”   “น้องสาว อดทนไว้ ข้ามาแล้ว…อา…บัดซบ! ข้าถูกโจมตี้เช่นกัน!”   นางสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงแทบไม่สามารถรักษาที่มั่น   นางบําเรอรัตติกาลกระอักเลือดออกมาและไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป   ใบหน้าของนางสนมชิงหลานเต็มไปด้วยเหงื่อ นางไม่เข้าใจว่าก่อนหน้านี้เหตุใดนางจึงสามารถหยุดฟางหยวนได้เพียงลําพังแต่ตอนนี้แม้นางจะได้รับการสนับสนุนจากนางสนมอีกหลายคนแต่พวกนางกลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ   นางสนมคนอื่นๆแทบไม่สามารถอดทนได้อีก พลังการต่อสู้ของพวกนางตกลงสู่จุดต่ําลงแล้ว   ค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดไม่สามารถกีดขวางฟางหยวน   “บรรพชนพันเปลี่ยนแปลง เหตุใดยังไม่เคลื่อนไหว? เพียงนางสนมของเจ้าจะสามารถหยุดข้าได้อย่างไร? เจ้าดูถูกข้ามากเกินไปและประเมินตนเองสูงเกินไป” ฟางหยวนเย้ยหยัน   อย่างไรก็ตามบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงก็ยังไม่ปรากฏตัว   นางบ่าเรอรัตติกาลกล่าวด้วยความตื่นตระหนก “พี่น้อง ใช่วิธีสุดท้าย!”   “เราต้องใช้มันเร็วเช่นนี้เลยงั้นหรือ?”   “เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!”   “มันจะสายเกินไปหากเราไม่ใช้มันตอนนี้!”   พวกนางกระตุ้นใช้ไพ่ตายสุดท้ายของค่ายกลวิญญาณอมตะ เมฆสีเหลืองอ่อนเรืองแสงสีทองขึ้นมาทันที มันพยายามปิดกั้นดาบสีเงินจํานวนมากที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง   ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา “สถานการณ์นี้อยู่ในการคาดหมายของข้า พวกเจ้าใช้มันออกมารวดเร็วจริงๆ แต่ข้าเข้าใจพวกเจ้ากําลังเร่งเวลาตายให้กับตนเอง”   ฟางหยวนหยุดใช้ดาบรุ่งอรุณและออกคําสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา “พุ่งชน!”   เรือรบหมื่นปีพุ่งชนเมฆสีทองโดยตรง   “บึม!”   การชนครั้งแรกทําให้เมฆสีทองสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เหล่านางสนมกระอักเลือดออกมาจากปาก   “บึม!”   การชนครั้งที่สองทําให้เมฆสีทองแตกสลาย เหล่านางสนมล้มลงพบพื้นด้วยใบหน้าซีดขาวและสายตาว่างเปล่า   “บึม!”   การชนครั้งที่สาม เรือรบหมื่นปีเจาะทะลวงเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะโดยตรง เหล่านางสนมหมดสติไป ณ จุดเกิดเหตุ   ค่ายกลวิญญาณอมตะใกล้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์   “นายท่าน เราควรจับพวกนางเป็นตัวประกันเพื่อเจรจากับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์แนะนำ   แต่ฟางหยวนกลับสายศีรษะ   ขณะที่เรือรบหมื่นปีกําลังจะโจมตีนางสนมเหล่านั้น นางสนมผู้หนึ่งกลับลุกขึ้นและตะโกน “ฟางหยวน เจ้าทำมากเกินไปแล้ว!”   “สามี!” นางบําเรอรัตติกาลและนางสนมชิงหลานกล่าวด้วยความประหลาดใจและยินดี   มันกลายเป็นว่าบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงปลอมตัวเป็นหนึ่งในนางสนมเหล่านั้น   เขาตั้งใจวางกับดับและรอโอกาสมานานแล้ว แต่ฟางหยวนกลับไม่ตกลงสู่หลุมพราง เขาระวังตัวมาก   เรือรบหมื่นปีส่งดาบยักษ์พุ่งเข้าโจมตีบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงแต่ฝ่ายหลังยังหัวเราะเย้ยหยัน   แขนซ้ายของเขาขยายใหญ่ขึ้นและกลายเป็นแขนลิงยักษ์ที่มีเกล็ดมังกรสีม่วงปกคลุมอยู่   บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงใช้แขนยักษ์ปัดดาบยักษ์ออกไปและโจมตีเรือรบหมื่นปีโดยตรง   เรือรบหมื่นปีถูกส่งลอยกลับหลัง   หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลงเล็กน้อย   บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเป็นผู้สืบทอดของเทพปีศาจคลั่ง แม้เขาจะเปลี่ยนเฉพาะแขนซ้ายแต่มันกลับทรงพลังมาก   “ท่าไม้ตายที่ทรงพลังพร้อมกับทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม” ฟางหยวนยกย่อง เขาได้เรียนรู้หลายสิ่งเกี่ยวกับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง   ฟางหยวนนําเรือรบหมื่นปีพุ่งเข้าหาบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง “บรรพชนพันเปลี่ยนแปลง ในที่สุดเจ้าก็ออกมารับความตาย!”   บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงโกรธมาก “เจ้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด อาศัยเพียงคฤหาสน์วิญญาณอมตะคิดว่าจะสามารถเอาชีวิตข้าได้งั้นหรือ? อย่าฝัน!”   ฟางหยวนเย้ยหยัน “กระทั่งผู้อมตะของวังสวรรค์ยังตายเพราะเรือรบหมื่นปีของข้า แล้วเจ้าเป็นผู้ใด?”   เมื่อฟางหยวนกล่าวถึงผู้อมตะของวังสวรรค์ บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงยิ่งโกรธมากขึ้น “ปีศาจชั่ว คิดว่าข้าจะกลัวเจ้างั้นหรือ? โง่เขลา เจ้ามายั่วยุข้าแต่เจ้าไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองตกลงสู่หลุมพรางของวังสวรรค์แล้ว สมาชิกทั้งสวรรค์กําลังเฝ้ามองเจ้าอยู่!”  

บทที่ 1872 ต่อสู้กับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

 

ทะเลทรายตะวันตก

 

ฟางหยวนยืนอย่างภาคภูมิใจอยู่บนชั้นดาดฟ้าของเรือรบหมื่นปีโดยไม่ปิดซ่อนร่องรอย

 

เรือรบหมื่นปีเหมือนดาบที่แทงทะลุท้องฟ้า

 

“ฟางหยวน เจ้ากล้ากลับมาจริงๆ!” เสียงผู้หญิงดังออกมาจากก้อนเมฆสีเหลืองอ่อน มันเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง

 

เมฆสีเหลืองอ่อนอาจดูธรรมดาแต่แท้จริงแล้วมันคือค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะปกคลุมอาณาจักรแห่งความฝันเอาไว้ เจตจํานงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงและนางรำหงหยุนติดอยู่ภายใน

 

นางสนมชิงหลานเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด นางป็นผู้ดูแลค่ายกลวิญญาณอมตะนี้

 

ย้อนกลับไปเมื่อฟางหยวนถูกฟงจิวเก้อไล่ล่ามายังทะเลทรายตะวันตก เขาพบนางหงหยุนและแสร้งสร้างข้อตกลงพันธมิตรเพื่อแลกเปลี่ยนมรดก

 

อิงอู๋เซี่ยที่อยู่ในร่างของเทพธิดาซุ้ยป๋อในเวลานั้นจุดชนวนระเบิดกายาแห่งความฝันทําให้นางรำหงหยุนกับเจตจํานงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงติดอยู่ภายในอาณาจักรแห่งความฝัน

 

น่าเสียดายที่ฟางหยวนไม่มีเวลาเก็บกวาดสนามรบเพราะต้องหลบหนีไล่ล่าของฟงจิวเก้อ

 

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงส่งนางสนมชิงหลานและนางบําเรอรัตติกาลออกมาตรวจสอบ

 

แต่บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่มีวิธีจัดการอาณาจักรแห่งความฝัน เขาทําได้เพียงสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะปิดผนึกมันเอาไว้เท่านั้น

 

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่สนใจนางรำหงหยุนมากนัก สิ่งที่เขากังวลคือวิญญาณอมตะกลายพันธุ์ที่ติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน

 

นี่คือวิญญาณอมตะระดับแปด!

 

ย้อนกลับไปบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงได้รับวิญญาณอมตะกลายพันธุ์มาจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง หากไม่มีมัน บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจะพบกับช่วงเวลาที่ยากลําบากในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะส่วนใหญ่ของเขา ความแข็งแกร่งของเขาจะลดลง

 

ตอนนี้ฟางหยวนบุกโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะนี้โดยตรง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางสนมชิงหลานจะไม่สามารถระงับความโกรธ

 

แต่นางไม่ได้โจมตีด้วยตนเอง นางเพียงกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อป้องกันตัว

 

“ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด เขายังมีเรือรบหมื่นปีซึ่งเคยเอาชนะวังสวรรค์มาก่อน ข้าไม่สามารถต่อต้านเขา สิ่งสําคัญคือการปกป้องและถ่วงเวลาจนกว่าสามีจะมาถึง!”

 

แน่นอนว่านางสนมชิงหลานส่งข้อความขอความช่วยเหลือกลับไปหาบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเรียบร้อยแล้ว

 

“บึม บึม บึม!”

 

ฟางหยวนเริ่มโจมตี ดาบสีเงินจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงไปราวกับน้ําตก

 

นางสนมชิงหลานกัดฟันและปลดปล่อยเมฆสีเหลืองอ่อนออกไปมากขึ้น

 

ภายใต้การโจมตีที่รุนแรง เมฆสีเหลืองอ่อนสลายตัวอย่างรวดเร็ว

 

ทุกการโจมตีของเรือรบหมื่นปีมีพลังอํานาจเทียบเท่ากับท่าไม้ตายอมตะระดับแปด แต่เห็นได้ชัดว่าค่ายกลวิญญาณอมตะของฝ่ายตรงข้ามก็เป็นค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดเช่นกัน

 

“โชคดีที่เราเสริมความแข็งแกร่งให้กับค่ายกลวิญญาณอมตะเรียบร้อยแล้ว มิฉะนั้นด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันจะไม่สามารถปิดกั้นฟางหยวน เรือรบหมื่นปีช่างน่าทึ่งนัก!” นางสนมชิงหลานหน้าซีดเผือดขณะที่นางต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาลจากการโจมตีของฟางหยวน

 

หลังจากชั่วครู่นางบําเรอรัตติกาลพร้อมกับนางสนมอีกหลายคนของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงก็ปรากฏตัวขึ้น

 

“สามีอยู่ที่ใด?” การแสดงออกของนางสนมชิงหลานเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

นางบําเรอรัตติกาลตอบ “ยังไม่ถึงเวลาที่สามีจะเคลื่อนไหว สถานการณ์ซับซ้อนมาก เราได้รับคําสั่งให้มาช่วยเจ้าปกป้องสถานที่แห่งนี้”

 

นางสนมชิงหลานสายศีรษะ “เพียงพวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน พวกเราไม่สามารถอดทนได้นานนัก”

 

นางสนมบางคนเย้ยหยัน “ชิงหลาน เจ้ากลัวงั้นหรือ? นี่คือค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปด…”

 

“บึม!”

 

นางสนมผู้นั้นยังกล่าวไม่จบขณะที่ค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดครึ่งหนึ่งถูกทําลาย

 

ทุกคนหน้าซีดเผือด

 

นางบําเรอรัตติกาลกรีดร้อง “พวกเจ้ากําลังทําสิ่งใดอยู่? ซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณอมตะเร็วเข้า!”

 

นางสนมเหล่านั้นเลิกทะเลาะวิวาทและพยายามซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

ฟางหยวนมองลงมาจากบนท้องฟ้าด้วยสายตาเย็นชา

 

ตอนนี้เรือรบหมื่นปีไม่ได้รับการสนับสนุนจากสายธารแห่งกาลเวลา ดังนั้นมันจึงไม่ทรงพลังนัก

 

ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่ธรรมดา มันมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นแกนกลาง นอกจากนั้นมันยังมีความสามารถในการขนส่งผู้อมตะ มันอาจเป็นส่วนหนึ่งในมรดกของเทพปีศาจคลั่ง

 

ฟางหยวนไตร่ตรอง

 

การคาดเดาของเขาไม่ผิด ค่ายกลวิญญาณนี้มาจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง มันเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดที่แท้จริง

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดสามารถต่อสู้กับค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดได้อย่างเท่าเทียม

 

แต่ในแง่ของผู้ควบคุม แน่นอนว่าฝ่ายของฟางหยวนเหนือกว่า

 

“ผู้ใดก็ได้ช่วยข้าด้วย ข้าทนไม่ไหวแล้ว!”

 

“อา…ฟางหยวนดุร้ายเกินไป ข้าไม่ไหวแล้ว!”

 

“น้องสาว อดทนไว้ ข้ามาแล้ว…อา…บัดซบ! ข้าถูกโจมตี้เช่นกัน!”

 

นางสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงแทบไม่สามารถรักษาที่มั่น

 

นางบําเรอรัตติกาลกระอักเลือดออกมาและไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป

 

ใบหน้าของนางสนมชิงหลานเต็มไปด้วยเหงื่อ นางไม่เข้าใจว่าก่อนหน้านี้เหตุใดนางจึงสามารถหยุดฟางหยวนได้เพียงลําพังแต่ตอนนี้แม้นางจะได้รับการสนับสนุนจากนางสนมอีกหลายคนแต่พวกนางกลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ

 

นางสนมคนอื่นๆแทบไม่สามารถอดทนได้อีก พลังการต่อสู้ของพวกนางตกลงสู่จุดต่ําลงแล้ว

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดไม่สามารถกีดขวางฟางหยวน

 

“บรรพชนพันเปลี่ยนแปลง เหตุใดยังไม่เคลื่อนไหว? เพียงนางสนมของเจ้าจะสามารถหยุดข้าได้อย่างไร? เจ้าดูถูกข้ามากเกินไปและประเมินตนเองสูงเกินไป” ฟางหยวนเย้ยหยัน

 

อย่างไรก็ตามบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงก็ยังไม่ปรากฏตัว

 

นางบ่าเรอรัตติกาลกล่าวด้วยความตื่นตระหนก “พี่น้อง ใช่วิธีสุดท้าย!”

 

“เราต้องใช้มันเร็วเช่นนี้เลยงั้นหรือ?”

 

“เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!”

 

“มันจะสายเกินไปหากเราไม่ใช้มันตอนนี้!”

 

พวกนางกระตุ้นใช้ไพ่ตายสุดท้ายของค่ายกลวิญญาณอมตะ เมฆสีเหลืองอ่อนเรืองแสงสีทองขึ้นมาทันที มันพยายามปิดกั้นดาบสีเงินจํานวนมากที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง

 

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา “สถานการณ์นี้อยู่ในการคาดหมายของข้า พวกเจ้าใช้มันออกมารวดเร็วจริงๆ แต่ข้าเข้าใจพวกเจ้ากําลังเร่งเวลาตายให้กับตนเอง”

 

ฟางหยวนหยุดใช้ดาบรุ่งอรุณและออกคําสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา “พุ่งชน!”

 

เรือรบหมื่นปีพุ่งชนเมฆสีทองโดยตรง

 

“บึม!”

 

การชนครั้งแรกทําให้เมฆสีทองสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เหล่านางสนมกระอักเลือดออกมาจากปาก

 

“บึม!”

 

การชนครั้งที่สองทําให้เมฆสีทองแตกสลาย เหล่านางสนมล้มลงพบพื้นด้วยใบหน้าซีดขาวและสายตาว่างเปล่า

 

“บึม!”

 

การชนครั้งที่สาม เรือรบหมื่นปีเจาะทะลวงเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะโดยตรง เหล่านางสนมหมดสติไป ณ จุดเกิดเหตุ

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะใกล้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์

 

“นายท่าน เราควรจับพวกนางเป็นตัวประกันเพื่อเจรจากับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์แนะนำ

 

แต่ฟางหยวนกลับสายศีรษะ

 

ขณะที่เรือรบหมื่นปีกําลังจะโจมตีนางสนมเหล่านั้น นางสนมผู้หนึ่งกลับลุกขึ้นและตะโกน “ฟางหยวน เจ้าทำมากเกินไปแล้ว!”

 

“สามี!” นางบําเรอรัตติกาลและนางสนมชิงหลานกล่าวด้วยความประหลาดใจและยินดี

 

มันกลายเป็นว่าบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงปลอมตัวเป็นหนึ่งในนางสนมเหล่านั้น

 

เขาตั้งใจวางกับดับและรอโอกาสมานานแล้ว แต่ฟางหยวนกลับไม่ตกลงสู่หลุมพราง เขาระวังตัวมาก

 

เรือรบหมื่นปีส่งดาบยักษ์พุ่งเข้าโจมตีบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงแต่ฝ่ายหลังยังหัวเราะเย้ยหยัน

 

แขนซ้ายของเขาขยายใหญ่ขึ้นและกลายเป็นแขนลิงยักษ์ที่มีเกล็ดมังกรสีม่วงปกคลุมอยู่

 

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงใช้แขนยักษ์ปัดดาบยักษ์ออกไปและโจมตีเรือรบหมื่นปีโดยตรง

 

เรือรบหมื่นปีถูกส่งลอยกลับหลัง

 

หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลงเล็กน้อย

 

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเป็นผู้สืบทอดของเทพปีศาจคลั่ง แม้เขาจะเปลี่ยนเฉพาะแขนซ้ายแต่มันกลับทรงพลังมาก

 

“ท่าไม้ตายที่ทรงพลังพร้อมกับทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม” ฟางหยวนยกย่อง เขาได้เรียนรู้หลายสิ่งเกี่ยวกับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

 

ฟางหยวนนําเรือรบหมื่นปีพุ่งเข้าหาบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง “บรรพชนพันเปลี่ยนแปลง ในที่สุดเจ้าก็ออกมารับความตาย!”

 

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงโกรธมาก “เจ้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด อาศัยเพียงคฤหาสน์วิญญาณอมตะคิดว่าจะสามารถเอาชีวิตข้าได้งั้นหรือ? อย่าฝัน!”

 

ฟางหยวนเย้ยหยัน “กระทั่งผู้อมตะของวังสวรรค์ยังตายเพราะเรือรบหมื่นปีของข้า แล้วเจ้าเป็นผู้ใด?”

 

เมื่อฟางหยวนกล่าวถึงผู้อมตะของวังสวรรค์ บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงยิ่งโกรธมากขึ้น “ปีศาจชั่ว คิดว่าข้าจะกลัวเจ้างั้นหรือ? โง่เขลา เจ้ามายั่วยุข้าแต่เจ้าไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองตกลงสู่หลุมพรางของวังสวรรค์แล้ว สมาชิกทั้งสวรรค์กําลังเฝ้ามองเจ้าอยู่!”

 

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset