เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1874 พลิกคว่าสวรรค์พิภพ
เรือรบหมื่นปีบินขึ้นสู่ท้องฟ้าแต่หว่านชื่อหงกลับหัวเราะคิกคัก “หนุ่มหล่อ เจ้าไปไม่ได้”
สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน เรือรบหมื่นปีพุ่งเข้าหาพื้นดิน!
ฟางหยวนเร่งหยุดการเคลื่อนไหวของเรือรบหมื่นปี
ฟางหยวนตรวจสอบสภาพแวดล้อมและพบว่าท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นพื้นดินขณะที่พื้นดินกลายเป็นท้องฟ้า สวรรค์พิภพราวกับถูกพลิกคว่า มันดูแปลกประหลาดมาก
หว่านชื่อหงลอยอยู่บนท้องฟ้าขณะที่องค์ชายฟงเซี่ยนยืนกลับหัวอยู่บนพื้นดิน
ฟางหยวนรู้สึกราวกับตนเองกลายเป็นแมลงวันตัวน้อยที่ติดอยู่ในกล่องที่ไม่มีทางออก
“มันคือสิ่งใด?” ฟางหยวนถามหว่านชื่อหง
หว่านชื่อหงตอบ “ท่าไม้ตายนี้เรียกว่าพลิกคว่าสวรรค์พิภพ กล่าวตามตรง วังสวรรค์ออกแบบมันมาเป็นพิเศษสําหรับเจ้า เรานํามันออกมาเพื่อทดสอบกับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง แต่ผู้ใดจะคิดว่าเจ้าจะใจร้อนและปรากฏตัวขึ้นที่นี่”
ฟางหยวนมีวิญญาณท่องแดนอมตะและค่ายกลวิญญาณอมตะท่องรอบทิศ เขาสามารถหลบหนี้ได้อย่างรวดเร็ว
วังสวรรค์ต้องการจัดการฟางหยวน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหาวิธีหยุดเขา วิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติถูกฟางหยวนขโมยไป แต่รากฐานของวังสวรรค์ลึกมาก พวกเขามีวิธีการมากมายที่สามารถต่อต้านวิญญาณท่องแดนอมตะและค่ายกลวิญญาณอมตะท่องรอบทิศ
“ฟางหยวน ครั้งนี้เจ้าไม่สามารถหลบหนี!” เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นบนร่างขององค์ชายฟงเซียน
“มอบตัวเดี๋ยวนี้ บางทีเราอาจยังไว้ชีวิตเจ้า” เว่ยเฟิงเย้ยหยันและปลดปล่อยสายลมกรรโชกแรงออกมา
ผู้อมตะระดับแปดอีกสองคนโจมตีบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง
“วังสวรรค์นําคฤหาสน์วิญญาณอมตะสี่หลังออกมาเพื่อกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะพลิกคว่าสวรรค์พิภพ แต่พลังการต่อสู้ที่แท้จริงของพวกเขายังมาจากผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายแหลมคม
เขาไม่ต้องการต่อสู้ยึดเยื้อ
มันยากที่จะฆ่าผู้อมตะระดับแปดสี่คน นอกจากนั้นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาอาจถูกเปิดเผย
สิ่งสําคัญที่ก็คือสุดวังสวรรค์ไม่ได้มีผู้อมตะระดับแปดเพียงสี่คน ผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆอาจซ่อนตัวอยู่อย่างลับๆ
หากฟางหยวนไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม กระทั่งเทพธิดาจอเว่ยและฉินติงหลิงก็อาจเข้าร่วมในการต่อสู้
ฟางหยวนพยายามหาช่องทางหลบหนี
เรือรบหมื่นปีบินไปทั่วขณะที่เว่ยเฟิงและองค์ชายฟงเซียนพยายามหาโอกาสโจมตี
วังสวรรค์วางแผนมาเป็นอย่างดี เห็นได้ชัดจากการทํางานร่วมกันของผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งไฟ และผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งวายุทั้งสองสามารถสนับสนุนซึ่งกันและกัน
เรือรบหมื่นปีถูกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปฟางหยวนก็สามารถมองเห็นรายละเอียดของท่าไม้ตายอมตะพลิกคว่าสวรรค์พิภพ มันเป็นเพียงท่าไม้ตายอมตะไม่ใช่เขตแดนอมตะ ดังนั้นการกระตุ้นใช้งานจึงรวดเร็วมากแต่มันสามารถสร้างสนามรบเพื่อกักขังศัตรู
ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะต้องใช้เวลานานในการกระตุ้นใช้งาน ด้วยความระวังตัวของฟางหยวน เขาจะสามารถหลบหนี
ดังนั้นวังสวรรค์จึงคิดค้นท่าไม้ตายอมตะพลิกคว่าสวรรค์พิภพขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้ฟางหยวนสามารถหลบหนี
“ท่าไม้ตายอมตะพลิกคว่าสวรรค์พิภพยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขตแดนอมตะ ตราบเท่าที่ข้าพบแกนกลางของมัน ข้าจะสามารถหลบหนี” ฟางหยวนครุ่นคิดก่อนจะบินเข้าไปหาบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง
บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกําลังปกป้องค่ายกลวิญญาณอมตะที่อยู่ข้างหลัง เขาปล่อยให้ผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์โจมตีอย่างดุเดือด อย่างไรก็ตามการป้องกันของเขายังมั่งคงและไม่สะทกสะท้าน
เมื่อเห็นฟางหยวนบินกลับมา บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเย้ยหยัน “ฟางหยวน เหตุใดเจ้าจึงกลับมา?”
ฟางหยวนยิ้ม “บรรพชนพันเปลี่ยนแปลง ตอนนี้เราไม่สามารถหลบหนี เราควรร่วมมือกัน ปิดกั้นวังสวรรค์ให้ข้า ข้าจะอนุมานและทําลายท่าไม้ตายนี้ มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะหลบหนีจากสิ่งนี้”
บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกล่าว “ราวกับข้าสามารถเชื่อใจเจ้า!”
ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่ร้อนรน ดูเหมือนเขายังมีไพ่ตายซ่อนอยู่
บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงมีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง ไม่ว่าจะเป็นฟางหยวนหรือวังสวรรค์ พวกเขาต่างไม่สามารถคาดเดาไพ่ตายของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง
“พวกเจ้าทั้งสองไม่มีจากหนีพ้น!”
“ตาย!”
ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่ของวังสวรรค์บุกโจมตีพร้อมกัน
ฟางหยวนกับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่สามารถหลบเลี่ยง พวกเขาต้องตั้งรับเท่านั้น
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด
บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงรู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น เขาตะโกน “ฟางหยวน เจ้าทําสิ่งใดอยู่ หากเจ้ายังทําเช่นนี้ ข้าจะสู้กับเจ้าเช่นกัน!”
ฟางหยวนหลบการโจมตีของศัตรูราวกับปลาไหล
เขาไม่เหมือนบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถเคลื่อนย้าย
“บรรพชนพันเปลี่ยนแปลง ท่านต้องอดทนอีกสักพัก ข้ากําลังอนุมาน ข้าจะใช้เวลาอีกไม่นาน” ฟางหยวนตอบ
บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่ใช่คนโง่ เหตุใดเขาต้องทําหน้าที่เป็นโล่มนุษย์?
เขาเข้าใจธรรมชาติของฟางหยวน หากฟางหยวนสามารถถอดรหัสท่าไม้ตายนี้ เขาจะหลบหนีไปเพียงลําพังและใช้บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเป็นเหยื่อล่อการโจมตีของศัตรู
หากฟางหยวนสามารถทําลายท่าไม้ตายนี้ มันจะส่งผลร้ายต่อบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง
“บีม!”
บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงโจมตีเรือรบหมื่นปีอย่างกะทันหัน
“บรรพชนพันเปลี่ยนแปลง อย่าทําเช่นนี้ ท่านต้องมองภาพรวม” ฟางหยวนเรียกร้อง
บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกันเสียงเย็น “เจ้ากล่าวถึงการมองภาพรวมงั้นหรือ? หากเจ้ามองภาพรวม สถานการณ์ปัจจุบันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าวังสวรรค์กําลังซุ่มโจมตี แต่เจ้าบอกข้าว่าหากมาหนึ่ง เจ้าจะฆ่าหนึ่ง หากมาสอง เจ้าจะฆ่าสอง แสดงให้ข้าดูเดี๋ยวนี้!”
ฟางหยวนกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าไม่ได้โกหก แต่วังสวรรค์ส่งผู้อมตะระดับแปดมาสี่คนกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสี่หลัง ข้าไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ บรรพชนพันเปลี่ยนแปลง ท่านต้องคิดถึงภาพรวม หากท่านโจมตีข้า ท่านจะปกป้องผู้หญิงของท่านได้อย่างไร?”
“บีม!”
อุกกาบาตเพลิงขององค์ชายฟงเซียนพุ่งเข้าปะทะค่ายกลวิญญาณอมตะของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง เหล่านางสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกรีดร้องด้วยความตกใจ
บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเพียงคนเดียวไม่สามารถรับมือผู้อมตะระดับแปดสี่คนของวังสวรรค์
เขาคํารามด้วยความโกรธ “วังสวรรค์ พวกเจ้าทํามากเกินไปแล้ว! หากมีโอกาสในอนาคต ข้าจะตอบแทน พวกเจ้าเป็นร้อยเท่า!”
“แต่เจ้าต้องเอาตัวรอดไปจากวันนี้ให้ได้ก่อน” เว่ยเฟิงเย้ยหยันขณะที่เขาส่งดาบสายลมขนาดใหญ่พุ่งเข้า โจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะ
“วังสวรรค์ พวกเจ้าไม่ควรกล่าวว่าตนเองเป็นฝ่ายธรรมะ!” บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงตะโกนด้วยความโกรธ
“บรรพชนพันเปลี่ยนแปลง ขาบอกแล้ว ท่านต้องพิจารณาถึงภาพรวม” ฟางหยวนกล่าวอีกครั้ง
บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงแทบกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ “พวกเจ้าทั้งหมดไปตายซะ!”
เมื่อเวลาผ่านไป บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเริ่มรู้สึกหมดหนทาง เขาต้องต่อสู้กับสีผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์และยังต้องระวังฟางหยวน
ค่ายกลวิญญาณอมตะถูกทําลายลงอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดมันก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน
“โอกาสมาแล้ว!” เว่ยเฟิงมองเห็นผู้อมตะหญิงที่อยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะ
ผู้อมตะหญิงเหล่านั้นอยู่ในสภาพที่น่าเวทนามาก พวกนางต้องอดทนกับผลกระทบย้อนกลับจากการพังทลายของค่ายกลวิญญาณอมตะ ผู้อมตะหญิงส่วนใหญ่หมดสติไปแล้ว
“เราสามารถใช้พวกนางเพื่อคุกคามบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง!” เว่ยเฟิงกลายเป็นสายลมสีเขียวพุ่งเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะ
“สามี ช่วยเราด้วย!” นางบําเรอรัตติกาลกรีดร้องด้วยใบหน้าซีดเผือด
“หยุด!” บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงตะโกนเสียงดัง
“สายไปแล้ว!” เว่ยเฟิงเย้ยหยันและคว้าร่างของนางบําเรอรัตติกาลขึ้นมา
“บึม!”
เสียงระเบิดดังขึ้นขณะที่เว่ยเฟิงถูกส่งลอยอออกจากค่ายกลวิญญาณอมตะพร้อมกับเลือดที่พวยพุ่งเป็นสาย
อย่างไรก็ตามศีรษะของเขายังอยู่ในมือของนางบําเรอรัตติกาล ใบหน้าก่อนตายของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและคาดไม่ถึง
เป็นเพียงเวลานี้ที่นางบําเรอรัตติกาลปลดปล่อยกลิ่นอายระดับแปดออกมาอย่างชัดเจน ร่างกายของนางค่อยๆเปลี่ยนเป็นบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง
หัวใจของสามผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์สันสะท้านขึ้น บางคนอุทาน “เหตุใดจึงมีบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงสองคน!?”