เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1227 มนุษย์มังกร
แปลโดย iPAT
“นิกายเทพยุทธ์อมตะของพวกเราเป็นหนึ่งในสิบนิกายโบราณ เมื่อเจ้าได้รับการแนะนำจากศิษย์พี่ของข้า เจ้าต้องรู้เกี่ยวกับกฎของนิกายเทพยุทธ์อมตะ ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับผลการต่อสู้ของเจ้า”
ในมุมมองสายตาของฟางหยวน ผู้ใช้วิญญาณผู้หนึ่งมองมาที่เขาและกล่าว “หากเจ้าต้องการเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของนิกายเทพยุทธ์อมตะ เจ้าต้องต่อสู้และเป็นหนึ่งในสิบผู้ชนะจากผู้เข้าแข่งขันหนึ่งร้อยคน”
‘นิกายเทพยุทธ์อมตะ…’
‘เหตุใดถึงมีความฝันเช่นนี้’
‘เทพปีศาจจิตวิญญาณไม่เคยเข้าร่วมกับนิกายเทพยุทธ์อมตะตลอดช่วงชีวิตของเขา’
‘ดูเหมือนเขาจะกลืนกินดวงวิญญาณของผู้อมตะหลายคนที่หลังประตูแห่งชีวิตและความตาย นั่นทำให้เขาได้รับประสบการณ์ของผู้อมตะมากมายและเป็นต้นกำเนิดของอาณาจักรแห่งความฝันนี้ใช่หรือไม่?’
ฟางหยวนคาดเดาอยู่ในใจ
เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้ใช้วิญญาณคนเดิมนำวิญญาณสามดวงออกมา
วิญญาณดวงแรกมีลักษณะเหมือนผีเสื้อสีฟ้าอ่อนที่มีขนาดเท่านิ้วโป้งของมนุษย์
วิญญาณดวงที่สองเป็นผีเสื้อสีแดงที่ส่องประกายแสงอันอบอุ่น
วิญญาณดวงที่สามเป็นคางคกที่ดูเหมือนหินสีเทา
ผู้ใช้วิญญาณในอาณาจักรแห่งความฝันกล่าว “วิญญาณสามดวงนี้คือวิญญาณศรวารี วิญญาณอาภรณ์เพลิง และวิญญาณคางคกจิตวิญญาณ พวกมันล้วนเป็นวิญญาณระดับหนึ่ง เจ้าสามารถเลือกหนึ่งในนั้น”
“ข้าสามารถเลือกเพียงหนึ่งงั้นหรือ?” ฟางหยวนถาม
“ทุกคนจะได้รับวิญญาณเพียงดวงเดียวเท่านั้น” ผู้ใช้วิญญาณกล่าวอย่างไร้อารมณ์
ฟางหยวนพยักหน้า เขาประเมินอย่างรอบคอบ ‘วิญญาณศรวารีมีไว้สำหรับโจมตีแต่มันมีพลังโจมตีที่ไม่ดีนัก วิญญาณอาภรณ์เพลิงเป็นวิญญาณสายป้องกัน มันเป็นชุดคลุมเพลิงที่สามารถเผาทำลายศัตรูได้ในระดับหนึ่ง และวิญญาณคางคกจิตวิญญาณ มันใช้ในการรักษา’
‘หากข้าสามารถเลือกทั้งหมด นั่นจะดีที่สุด แต่หากเลือกได้เพียงหนึ่งเดียว นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องการให้ผู้เข้าแข่งขันร่วมมือกัน ข้าอาจต้องเป็นหนึ่งในสิบผู้ชนะเพื่อก้าวต่อไปในอาณาจักรแห่งความฝัน’
“ข้าเลือกวิญญาณอาภรณ์เพลิง” ฟางหยวนตอบหลังจากไตร่ตรอง
เขาต้องแข่งขันกับเวลา
เวลาในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันเป็นสิ่งสำคัญมาก จิตวิญญาณจะอ่อนแอลงเรื่อยๆเมื่ออยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน เมื่อมันอ่อนแอลงถึงระดับหนึ่ง ความสามารถในการรับรู้ของฟางหยวนจะลดลงอย่างมาก เขาจะไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างความจริงกับความฝัน ในที่สุดดวงวิญญาณของเขาจะติดอยู่ในความฝันจนกว่าเขาจะตาย ฟางหยวนจะเหลือเพียงร่างกายทิ้งไว้บนโลกแห่งความจริงเช่นผู้อมตะภาคใต้ที่น่าสงสารหลายคนก่อนหน้านี้
การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันอันตรายมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฟางหยวนสำรวจมันเพียงลำพังโดยไม่มีผู้ใดให้ความช่วยเหลือ หากเกิดปัญหาขึ้น เขาจะไม่สามารถช่วยเหลือตนเอง แต่ฟางหยวนจะสามารถไว้ใจผู้ใด?
เพื่อยกระดับความสำเร็จ ฟางหยวนต้องยอมรับความเสี่ยงนี้
‘แน่นอนว่าข้ามีไพ่ตาย ข้าไม่ได้เสี่ยงดวงอย่างไร้สติเหมือนผู้อมตะคนอื่นๆที่ต้องการทดสอบโชคของพวกเขา’ ฟางหยวนนึกถึงเรื่องนี้และกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันทันที
วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันปลดปล่อยพลังงานลึกลับออกมา
หลังจากนั้นผู้ใช้วิญญาณผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
ผู้ใช้วิญญาณคนเดิมตกใจและเร่งถาม “ศิษย์พี่ เหตุใดท่านถึงอยู่ที่นี่?”
ศิษย์พี่ตอบ “ข้ามาดูการแข่งขัน ศิษย์น้อง มอบวิญญาณคางคกจิตวิญญาณให้เด็กผู้นี้”
“แต่ศิษย์พี่ นี่เป็นการโกง หากถูกค้นพบ…” ศิษย์น้องกังวล
ศิษย์พี่หัวเราะ “อย่ากังวล วิญญาณคางคกจิตวิญญาณจะไม่ถูกค้นพบโดยคนนอกหากมันถูกใช้อย่างลับๆ เด็กคนนี้เลือกวิญญาณอาภรณ์เพลิง เมื่อเขาอยู่ภายใต้ชุดคลุมเพลิง ผู้ใดจะเห็นว่าเขากำลังรักษาตัวอยู่?”
ศิษย์น้องพยักหน้า “เมื่อศิษย์พี่กล่าวเช่นนี้ ข้าจะกล่าวสิ่งใดได้อีก รับไป”
เขาโยนวิญญาณสองดวงให้กับฟางหยวน
วิญญาณอาภรณ์เพลิงและวิญญาณคางคกจิตวิญญาณ
ฟางหยวนรับพวกมันเอาไว้ขณะที่อาณาจักรแห่งความฝันเปลี่ยนเป็นฉากที่สอง
ผลลัพธ์ของท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันจะแตกต่างกันไปในแต่ละอาณาจักรแห่งความฝันแต่มันล้วนส่งผลกระทบที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานทั้งสิ้น
‘แต่ข้าได้รับวิญญาณเพิ่มมาเพียงดวงเดียว ผลลัพธ์นี้ถือว่าค่อนข้างน้อย’
ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเขาสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพอมตะกลุ่มดาว ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันช่วยให้เขาสามารถคลี่คลายหญ้าปมลมได้ทันที แต่ในอาณาจักรแห่งความฝันนี้ ฟางหยวนได้รับวิญญาณเพิ่มขึ้นมาดวงเดียวเท่านั้น
ในอาณาจักรแห่งความฝันนี้ฟางหยวนเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสองที่มีพลังวิญญาณที่จำกัด แม้เขาจะมีวิญญาณสองดวง แต่เขาไม่สามารถใช้พวกมันมากเกินไป
‘อย่าบอกว่าอาณาจักรแห่งความฝันนี้ใหญ่เกินไป ดังนั้นพลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันจึงลดน้อยลง?’
โดยไม่คำนึงถึงความคิดของฟางหยวน ฉากที่สองเริ่มต้นขึ้น
ฟางหยวนพบว่าเขาอยู่ท่ามกลางกลุ่มหมอกควัน
‘นี่คือพื้นที่ภายในค่ายกลวิญญาณสำหรับผู้เข้าแข่งขันหนึ่งร้อยคน ผู้ใช้วิญญาณที่ควบคุมค่ายกลวิญญาณนี้สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน’
ฟางหยวนวิเคราะห์ขณะที่เด็กหนุ่มในม่านหมอกผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาเขา
ฟางหยวนคิดอย่างรวดเร็วและตะโกน “ช้าก่อน สหาย อย่าพึ่งโจมตี มีคนจำนวนมากเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเราสามารถรวมกลุ่ม”
“รวมกลุ่ม? เจ้าต่อต้านนายน้อยหลงแต่เจ้ากลับต้องการรวมกลุ่มงั้นหรือ?” เด็กหนุ่มเย้ยหยันและส่งศรวารีออกมา
ฟางหยวนหลบมันได้อย่างง่ายดายและพุ่งไปข้างหน้า
เห็นฟางหยวนใกล้เข้ามา เด็กหนุ่มกลายเป็นตื่นตระหนก เขาเร่งยิงศรวารีดอกที่สองออกมาเพื่อบังคับให้ฟางหยวนล่าถอยกลับไป
แต่ฟางหยวนเต็มไปด้วยประสบการณ์ เพียงเมื่อเขาเห็นเด็กหนุ่มยกมือขึ้น เขาก็รู้แล้วว่าศรวารีจะพุ่งไปที่ใด
ฟางหยวนขยับเท้าและระเบิดความเร็วออกไปทำให้ศรวารีทั้งสองพลาดเป้าทั้งหมด
เด็กหนุ่มเร่งล่าถอยและพยายามยิงศรวารีออกมาอย่างต่อเนื่อง
ฟางหยวนยังไม่โจมตีแต่ใช้วิธีหลบ หลังจากไม่นานเด็กหนุ่มก็ไม่สามารถปล่อยศรวารีออกมาได้อีก
ฟางหยวนยิ้มและเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ “ตอนนี้ข้าสามารถจัดการเจ้าได้อย่างง่ายดาย แต่หากเจ้าร่วมมือกับข้า เราจะสามารถร่วมงานกันและกำจัดคนอื่นๆ”
“ฮืม!” เด็กหนุ่มก่นเสียงเย็น “พวกเราสองคนจะต่อสู้กับเก้าสิบแปดคนได้อย่างไร? เจ้าฝันไปหรือไม่? เจ้าทำให้นายน้อยหลงขุ่นเคือง เจ้าต้องการแย่งผู้หญิงของเขา เจ้าต้องการเข้าสู่นิกายเทพยุทธ์อมตะ เจ้ากำลังฝันไป! ข้าขอยอมแพ้ที่นี่ดีกว่าที่จะยั่วยุให้นายน้อยหลงโกรธอย่างโง่เขลา!”
หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง
ในกรณีนี้ไม่ใช่ว่าเขาต้องต่อสู้เพียงลำพังงั้นหรือ?
นายน้อยหลง คนผู้นี้เป็นตัวปัญหาที่แท้จริง
‘ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้พบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ อาณาจักรแห่งความฝันนี้ยากเกินไป มันยากกว่ากระทั่งอาณาจักรแห่งความฝันของเทพอมตะกลุ่มดาว!’ ฟางหยวนตระหนักว่าเขาถูกปิดล้อมโดยเด็กหนุ่มสามสิบคน
…..
ถ้ำสวรรค์ไป่เซียง
“ข้าทำสำเร็จ” ไป่หนิงปิงกล่าวเสียงเรียบ
สายตาของเขายังเย็นชา ใบหน้านิ่งเฉย แต่เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่งและมีรอยไหม้เกรียมอยู่บนร่างกายราวกับเนื้อย่าง
เมื่อเขากล่าว ยังมีควันลอยออกมาจากลำคอของเขา
จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงพยักหน้า “เจ้าใช้ร่างกายของตนเองบรรจุเพลิงมังกรล่องคลื่น เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้อันตรายเพียงใด? มันมีโอกาสสำเร็จเพียงเล็กน้อย หากล้มเหลว ร่างกายของเจ้าจะกลายเป็นเถ้าถ่าน”
“แต่ข้าก็ทำสำเร็จ” ไป่หนิงปิงกล่าวด้วยความยากลำบาก ตอนนี้เขาสามารถพึ่งพาความแข็งแกร่งทางจิตใจของตนเท่านั้น
จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงหัวเราะเบาๆ “ตั้งแต่เจ้าประสบความสำเร็จ ตอนนี้เจ้าก็เป็นเจ้าของถ้ำสวรรค์ไป่เซียงคนใหม่แล้ว ทักทายนายน้อย”
ไป่หนิงปิงพยักหน้า เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขารู้สึกราวกับกำลังจะหมดสติและไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้อีก
แต่หากเขาหมดสติ ตามคำกล่าวของอิงอู๋เซี่ย เขาจะไม่สามารถควบคุมเพลิงมังกรล่องคลื่นในร่างกายและจะถูกเผ่าทำลายในพริบตา
เป็นเพียงเวลานี้ที่จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซี่ยงเปิดปากกล่าวอีกครั้ง “นายน้อย ท่านตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย หากท่านประมาท ท่านอาจตายได้ทันที กระทั่งดวงวิญญาณของท่านก็ไม่รอด หากท่านมีสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ นั่นจะดีกว่า แต่ท่านกลับมีสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืด ข้ามีวิธีบ่มเพาะที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันของท่าน แต่วิธีการหลอมรวมวิญญาณนี้จะใช้ร่างกายของตัวผู้อมตะเป็นวัสดุในการหลอมรวม ด้วยการผสานเพลิงมังกรล่องคลื่น ท่านจะสามารถหลอมรวมมัน นายน้อยจะหลุดพ้นจากการเป็นมนุษย์และกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ชนิดหนึ่ง นั่นคือมนุษย์มังกร”
‘มนุษย์มังกร?’ ไป่หนิงปิงเบิกตากว้าง เขาคิด ‘ไม่มีการกล่าวถึงมนุษย์มังกรในตำนานมนุษย์คนแรก มีเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ชนิดนี้อยู่บนโลกใบนี้ด้วยงั้นหรือ?’
ไป่หนิงปิงไม่ได้กล่าวออกมา แต่จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซี่ยงรู้ข้อสงสัยของเขา
จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงยังกล่าวต่อไป “มันไม่มีอยู่ในตำนานมนุษย์คนแรกเพราะมนุษย์มังกรถูกสร้างขึ้นในภายหลังโดยผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่ามนุษย์ ราชันมังกร ความตั้งใจเดิมของเขาคือการยืดอายุขัย”
“ราชันมังกรเป็นผู้อมตะของวังสวรรค์ เขามีพลังการต่อสู้ระดับเดียวกับโป้ชิง ในอดีตเขาใช้วิธีนี้เพื่อเปลี่ยนตนเองให้เป็นมนุษย์มังกร’
ไป่หนิงปิงตกใจมากขึ้น เขาคิด ‘ราชันมังกร คนผู้นี้คือผู้ใด แม้ข้าจะพึ่งกลายเป็นผู้อมตะ แต่ความรู้ไม่ใช่จุดอ่อนของข้า ข้ารู้จักผู้อมตะที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ หากราชันมังกรอยู่ในระดับเดียวกับโป้ชิง ชื่อของเขาจะไม่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ได้อย่างไร?’
‘จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซี่ยงกล่าวคำลวงหรือไม่?’
มีคำกล่าวที่ว่ามังกรในหมู่มนุษย์ นั่นแสดงให้เห็นถึงความเชื่อที่ว่ามังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่ามนุษย์