เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1243 ตอบแทนความเมตตา
แปลโดย iPAT
วังสวรรค์แห่งโชค
เทพอมตะตะวันเดือดปรากฏตัวต่อหน้าเหยากวง
เหยากวงตกตะลึง เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“ข้า ราชันใต้ ถวายความเคารพต่อเทพอมตะ” เป็นเพียงเวลานี้ที่ราชันใต้ทักทายด้วยความเคารพอย่างสูงสุด
“บุตรหลานอกตัญญูผู้นี้ถวายความเคารพต่อบรรพชน!” เหยากวงคุกเข่าลงและกล่าวด้วยน้ำตาไหลนอง
เทพอมตะตะวันเดือดเผยรอยยิ้มบาง “ลุกขึ้น ร่างหลักของข้าตายไปแล้ว ข้าเป็นเพียงศพที่มีชีวิต”
เหยากวงเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ หลังจากตรวจสอบ ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าเทพอมตะตะวันเดือดที่อยู่ด้านหน้าเป็นผีดิบอมตะ
ตั้งแต่เทพปีศาจบัวแดงทำลายวิญญาณชะตากรรม ดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดสามารถหลบหนีจากความตายด้วยวิธีการที่หลากหลายเช่นการเปลี่ยนเป็นผีดิบ
เมื่อผู้อมตะตระหนักว่าอายุขัยของพวกเขากำลังจะหมดลง พวกเขามักเปลี่ยนเป็นผีดิบอมตะ นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา
แม้วังสวรรค์จะต่อต้านและพยายามหยุดมัน พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานความปรารถนาของมนุษย์ ผีดิบอมตะปรากฏตัวขึ้นในห้าภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
ผู้อมตะทั่วไปสามารถเปลี่ยนเป็นผีดิบอมตะได้ แล้วเหตุใดเทพอมตะตะวันเดือดจะไม่สามารถทำเช่นเดียวกัน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ความสงสัยของเหยากวงก็หายไป
ผีดิบอมตะตะวันเดือดอธิบายเพิ่ม “ตอนนี้นอกจากร่างกายของข้า ข้าเหลือเจตจำนงอยู่ในร่างนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
แต่เหยากวงยังตื่นเต้นมาก “ไม่ว่าอย่างไรท่านก็เป็นผู้ให้กำเนิดตระกูลฮวงจินของพวกเรา ท่านเป็นบรรพชนที่แท้จริงของพวกเรา ตราบเท่าที่ท่านแสดงตัว ตระกูลฮวงจินทั้งหมดจะรวมกันเป็นหนึ่ง ภาคเหนือจะกลายเป็นของตระกูลฮวงจินอีกครั้ง!”
ผีดิบอมตะตะวันเดือดส่ายศีรษะ “ร่างหลักของข้าตายไปนานแล้ว ข้าเป็นเพียงซากศพ ข้าไม่ใช่เทพอมตะระดับเก้าอีกต่อไปและไม่สามารถคงอยู่ชั่วนิรันดร์ แล้วมีประโยชน์ใดที่ข้าจะแสดงตัว? ข้าเพียงจะถูกหัวเราะเยาะเท่านั้น”
“นอกจากนั้นตอนนี้ข้าสามารถโจมตีได้อีกเพียงครั้งเดียว หากข้าเคลื่อนไหวมากเกินไป ข้าจะมอดไหม้ไปในที่สุด”
“โจมตีได้อีกครั้งเดียว?” เหยากวงทั้งตกใจ ชื่นชม และตื่นเต้นมาก “แม้บรรพชนจะโจมตีได้เพียงครั้งเดียว แต่มันย่อมเป็นการโจมตีที่สามารถสั่นคลอนสวรรค์พิภพ”
ผีดิบอมตะตะวันเดือดหัวเราะ “นั่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่อย่านับรวมมัน ข้าทิ้งวังสวรรค์แห่งโชคเอาไว้เพื่อปกป้องภาคเหนือ สำหรับร่างกายนี้ มันมีไว้เพื่อเหตุผลอื่น ข้าต้องตอบแทนความเมตตา”
“ตอบแทนความเมตตา?” เหยากวงตกใจ
เทพอมตะตะวันเดือดเปลี่ยนตนเองเป็นผีดิบอมตะและอยู่ในวังสวรรค์แห่งโชคมาหลายแสนปีเพื่อตอบแทนความเมตตา!
แล้วเทพอมตะที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้ติดหนี้ผูใด?
และความเมตตาชนิดใดที่ทำให้เทพอมตะตะวันเดือดต้องทำถึงเพียงนี้?
เหยากวงรู้สึกสับสนมาก แต่ผีดิบอมตะตะวันเดือดไม่ตอบคำถามนี้ เขากล่าว “ตอนนี้ผู้อมตะภาคกลางกำลังบุกภาคเหนือ แต่ข้าไม่สามารถออกไปต่อสู้ ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับพวกเจ้าทั้งสอง”
เหยากวงค่อยๆลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “ผู้อมตะภาคกลางอาจแข็งแกร่ง แต่เรามีวังสวรรค์แห่งโชคและท่านราชันใต้ บรรพชนอย่ากังวล ข้าจะปกป้องภาคเหนือด้วยความสามารถทั้งหมด ต่อให้ต้องสละชีวิต ข้าก็จะทำโดยไม่ลังเล!”
ผีดิบอมตะตะวันเดือดมองเหยากวงก่อนจะปิดเปลือกตาลงและกลับสู่สภาวะจำศีล
ตอนนี้เขาดูเหมือนรูปปั้น
เหยากวงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรแต่ราชันใต้ตบไหล่เขา “มากับข้า”
ผู้อมตะทั้งสองออกจากห้องโถงและไปยังห้องโถงที่อยู่ด้านหลัง
เหยากวงยังรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น “โปรดมอบคำสั่งแก่ข้า ท่านราชันใต้ ข้าจะทำทุกสิ่ง!”
ราชันใต้ส่ายศีรษะ “วังสวรรค์แห่งโชคเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดที่ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพชนตะวันเดือดด้วยการใช้มรดกที่แท้จริงโชคแห่งสวรรค์พิภพ บรรพชนตะวันเดือดมองการณ์ไกลมาก ท่านวางวังสวรรค์แห่งโชคไว้ที่นี่มาสามแสนปีเพื่อควบคุมสถานที่แห่งนี้”
เหยากวงพึมพำ “โชคแห่งสวรรค์พิภพ…”
ราชันใต้เผยรอยยิ้ม “ทุกคนมีโชคเป็นของตนเอง สัตว์อสูรทุกตัวและต้นหญ้าทุกต้นต่างก็มีโชคของพวกมันเอง รูปแบบชีวิตทั้งหมดล้วนมีโชค นอกจากนั้นไม่ว่าจะเป็นก้อนหินหรือแม่น้ำ พวกมันก็มีโชคเช่นกัน นั่นยังรวมไปถึงสวรรค์พิภพ”
“มรดกที่แท้จริงโชคแห่งสวรรค์พิภพสามารถดูดซับ ใช้ และเปลี่ยนแปลงโชคแห่งสวรรค์พิภพ”
“ผู้อมตะระดับแปดของภาคกลางสามคนนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังมากับพวกเขา แต่กระทั่งพวกเขาจะมามากกว่านี้ เมื่อพวกเขามาที่นี่ พวกเขาก็จะสูญหายไป”
“ข้าไม่ได้เรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อสละชีวิต หลังจากทั้งหมดเจ้าเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีสายเลือดตระกูลฮวงจินเพียงคนเดียวที่อยู่นอกถ้ำสวรรค์นิรันดร”
“อา…” เหยากวงตกใจ
ราชันใต้กล่าวต่อ “อายุขัยของข้าเหลือไม่มาก หลังจากมีชีวิตมาอย่างยาวนาน วิญญาณอายุยืนไม่มีประโยชน์สำหรับข้าอีกต่อไป ข้าต้องการให้เจ้าดูข้าควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้และกำจัดผู้อมตะภาคกลางเหล่านั้น หลังจากข้าตาย เจ้าจะรับสืบทอดตำแหน่งของข้าในฐานะราชันใต้”
เหยากวงจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้างและอุทาน “ราชันใต้!?”
…..
หอคอยวายุเงียบสนิท
โคมทมิฬเหมือนปรากฎการณ์ทางธรรมชาติของสวรรค์สีดำ
แต่พวกมันปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามติดอยู่ตรงกลาง
โดยปกติแล้วผู้อมตะระดับแปดที่เข้ามาสำรวจสวรรค์สีดำมักจะหลีกเลี่ยงพวกมันจากระยะไกล
แต่ผู้อมตะกลุ่มนี้พึ่งหลบหนีจากฝูงหมาป่าราตรีสวรรค์และพบกับโคมทมิฬโดยไม่คาดคิด นี่ทำให้ผู้อมตะจำนวนมากได้รับบาดเจ็บสาหัส
ชั้นบนสุดของหอคอยวายุ
“ท่านพ่อ! ดวงตาของท่าน!?” ผู้อมตะระดับหกซือเจิ้งอี้ร้องไห้
บิดาของเขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียง แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะตาบอดเพราะโคมทมิฬ
เมื่อโคมทมิฬปรากฏขึ้น เขากำลังใช้ท่าไม้ตายอมตะตรวจสอบฝูงหมาป่า ท่าไม้ตายอมตะของเขามีประสิทธิภาพสูงมาก แต่นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาสูญเสียการมองเห็น
หลังจากนี้ซือเก้อจะไม่สามารถมองเห็นอีกต่อไป เขาจะกลายเป็นคนตาบอดตลอดกาล
แต่ซือเก้อยังใจเย็น เขายกมือขึ้นตบศีรษะบุตรชายและกล่าว “ข้าสูญเสียการมองเห็นแต่ข้ายังมีวิธีการมากมายและท่าไม้ตายสายตรวจสอบอีกนับไม่ถ้วน แม้ข้าจะสูญเสียดวงตา แต่ข้าก็ยังสามารถบ่มเพาะและต่อสู้ได้”
“แต่…” ซือเจิ้งอี้ก้มศีรษะลงและกัดฟัน
“บุตรของข้า อย่าร้องไห้ การบ่มเพาะของผู้อมตะเต็มไปด้วยอันตราย ตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราต้องพุ่งไปข้างหน้า อย่าร้องไห้เหมือนคนอ่อนแอ ไม่ใช่ว่าเจ้าชอบฟังนิทานงั้นหรือ? ลองคิดเกี่ยวกับตัวเอกเหล่านั้น พวกเขามีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?” ซือเก้อกล่าวเบาๆ
ซื่อเจิ้งอี้พยักหน้า “ท่านพ่อ ข้าเข้าใจแล้ว”
จ้าวเหลียนหยุนมองฉากนี้และคิดไปถึงหม่าหงหยุน
‘หงหยุน รอข้าด้วย ไม่ว่ามันจะอันตรายหรือยากเย็นเพียงใด ข้าก็จะตามหาเจ้าและช่วยชีวิตเจ้า!’
จ้าวเหลียนหยุนให้กำลังใจตนเอง
“อวี๋อี้เย่ซือ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หลังจากนั้นนางจึงหันไปถามผู้อมตะหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมผู้นี้นั่งอยู่บนพื้นและปิดเปลือกตาลงเมื่อเขาเริ่มเห็นโคมทมิฬที่อยู่นอกหน้าต่าง ตอนนี้เขากำลังใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง
ได้ยินคำถามของจ้าวเหลียนหยุน อวี๋อี้เย่ซื่อยังไม่หยุดใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาแต่ตอบคำถามโดยไม่เปิดเปลือกตา “ขอบคุณสำหรับความห่วงใย ก่อนหน้านี้ข้าปิดดวงตาอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถรักษาตนเอง”
หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก
เหงื่อยังคงไหลลงมาจากหน้าผากของเขาขณะที่ใบหน้าของเขายังเห็นได้ถึงความหวาดกลัว
ผู้อมตะทั้งหมดค่อยๆเงียบเสียงลง ภายในคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลัง บรรยากาศกลายเป็นเคร่งขรึม
อย่างไรก็ตามเสียงคำรามกลับดังขึ้นอีกครั้งจากด้านนอก
ปู้เจิ้งซือมองออกไปด้วยความกังวล “โอ้ ไม่ พวกเราพบฝูงสัตว์อสูรอีกครั้ง”
จ้าวเหลียนหยุนได้ยินและหันหน้าออกไปเพียงเพื่อพบกับกองทัพมดจำนวนนับไม่ถ้วนที่ดูเหมือนคลื่นน้ำสีดำ