Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1343 ได้รับอำนาจ

ยึดครองตระกูลวู?

 

คำกล่าวของเฉียวซื่อหลิวทำให้ฟางหยวนถูกล่อลวง

 

เขาจะไม่ถูกล่อลวงได้อย่างไร?

 

ตระกูลวูเป็นมหาอำนาจ พวกเขาเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของภาคใต้มานานหลายปี

 

ตระกูลวูมีอาณาเขตกว้างใหญ่พร้อมกับทรัพยากรทุกประเภท พวกเขามีรากฐานที่ลึกซึ้งและมีคลังสมบัติที่อุดมสมบูรณ์อย่างไม่น่าเชื่อ หากเขาสามารถควบคุมกองกำลังนี้ เขาจะมีทรัพยากรในการบ่มเพาะที่ไม่จำกัด

 

ตอนนี้ฟางหยวนมีทรัพย์สินมากมาย

 

แต่มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับทรัพยากรของตระกูลวู

 

เพียงบ่อเลือดของตระกูลวูก็ทำกำไรได้มากกว่าธุรกรรมปลามังกรของฟางหยวน

 

ตระกูลวูมีแหล่งทรัพยากรมากมากกว่ายี่สิบแหล่งที่คล้ายกลับบ่อเลือด นอกจากนั้นหลายแหล่งทรัพยากรยังมีค่ามากกว่าบ่อเลือด

 

นี่ยังไม่รวมทรัพยากรที่อยู่ในมิติช่องว่างของผู้อมตะตระกูลวูและแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ของบรรพชนตระกูลวู

 

แน่นอนว่ากองกำลังใหญ่เหล่านี้ย่อมมีค่าใช้จ่ายเช่นกัน แต่ในปัจจุบันตระกูลวูมีทรัพย์สินมากกว่ากำลังคน พวกเขาแทบไม่สามารถปกป้องแหล่งทรัพยากรเหล่านั้น หากวูหยงจากไป พวกเขาอาจต้องยอมแพ้แหล่งทรัพยากรบางแห่ง

 

แต่ถึงกระนั้นหากฟางหยวนสามารถควบคุมตระกูลวู เขาจะได้รับกำไรมหาศาลและเหนือกว่าการทำงานเพียงลำพังอย่างแน่นอน

 

ฟางหยวนสงบจิตใจลง

 

เขามองเฉียวซื่อหลิวและตระหนักถึงความตั้งใจของนาง

 

เป็นเช่นที่เฉียวซื่อหลิวกล่าว เมื่อวูหยงจากไป ตัวตนของวูอี้ไห่ซึ่งรับบทโดยฟางหยวนจะมีโอกาสมากที่สุดที่จะได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง

 

นี่เป็นโอกาสที่หายากอย่างไม่น่าเชื่อ

 

ฟางหยวนไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับคำกล่าวของเฉียวซื่อหลิวเพราะมันง่ายที่จะตรวจสอบ

 

เฉียวซื่อหลิวรีบร้อนมาที่นี่และแสดงความจริงใจของนาง

 

ฟางหยวนขมวดคิ้วและเผยรอยยิ้มขมขื่น “นี่เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ”

 

“เรื่องเร่งด่วนคือกลับไปที่ตระกูลวู วูป๋าชงเรียกประชุมผู้อาวุโสสูงสุดแล้ว ผู้อมตะจำนวนมากอยู่ที่นั้นแล้ว แต่ข้าสงสัยว่าเหตุใดพวกเขาจึงไม่เรียกเจ้า พวกเขามีเจตนาใด?” เฉียวซื่อหลิวกล่าวด้วยความกังวล

 

การใช้วูอี้ไห่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของตระกูลเฉียวที่จะแทรกซึมเข้าสู่ตระกูลวู

 

ฟางหยวนถอนหายใจ “เห้อ…ข้าพึ่งกลับเข้าตระกูล ข้าไม่มีรากฐานหรือเครือข่าย มันยากเกินไปที่จะรับช่วงต่อและกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง พวกเขาจงใจทิ้งข้าเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าโอกาสของข้ามีน้อยมาก”

 

“ไม่ เจ้ามีโอกาสสูง อี้ไห่ อย่าลืมว่าเจ้ามีข้า ตระกูลเฉียวสนับสนุนเจ้าอยู่!” เฉียวซื่อหลิวมองฟางหยวนด้วยอารมณ์ที่ลึกซึ้ง

 

ฟางหยวนกระพริบตา “ตระกูลเฉียวจะช่วยข้าได้อย่างไร? ท่านเฉียวจื่อไคจะทำสิ่งใด?”

 

การแสดงออกของเฉียวซื่อหลิวเปลี่ยนไป นางลังเลอยู่ชั่วครู่แต่นางก็ไม่กล้าซ่อนมันจากฟางหยวน นางต้องพูดความจริง “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเราไปกับท่านวูหยง พวกเขาหายตัวไปพร้อมกัน ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของท่านถูกทำลายขณะที่พวกเราไม่สามารถติดต่อท่านได้เช่นกัน นอกจากพวกเขา ไท่เมี่ยนเฉินของตระกูลไท่ก็เป็นอีกคนที่หายตัวไป พวกเขากำลังสืบสวนการเสียชีวิตของวูหยวนจือและเหรินฮ่าว แต่ตอนนี้พวกเราไม่รู้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”

 

รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง “เกิดสิ่งใดขึ้น?”

 

เฉียวซื่อหลิวเผยรอยยิ้มขมขื่น “เชื่อข้าเถอะ ข้ารู้เพียงเท่านี้”

 

ฟางหยวนลังเล “เหตุการณ์ที่น่าตกใจเช่นนี้เราไม่สามารถซ่อนมันจากโลกได้นานนัก นอกจากนั้นหากไม่มีท่านเฉียวจื่อไค แล้วตระกูลเฉียวจะช่วยข้าได้อย่างไร?”

 

“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา ตระกูลเฉียวลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์แล้ว ข้าเป็นตัวแทนที่ได้รับเลือก” เฉียวซื่อหลิวกล่าว

 

ฟางหยวนตกใจเล็กน้อย

 

ตระกูลเฉียวอ่อนแอที่สุดในบรรดากองกำลังใหญ่ของภาคใต้ อย่างไรก็ตามพวกเขามีความเป็นอันหนึ่งอันเดียว แม้เฉียวจื่อไคจะหายตัวไป พวกเขาก็ยังสามารถดำเนินการตามแผนที่วางเอาไว้ นี่เป็นความพิเศษที่ไม่ธรรมดาของตระกูลเฉียว

 

แต่ฟางหยวนไม่ต้องการไป

 

เขารู้สึกว่ามีคลื่นใต้น้ำขนาดใหญ่ มีผู้บงการที่ทรงพลังอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้!

 

แม้เขาจะได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง แล้วอย่างไร?

 

ไม่มีทรัพยากรใดสามารถเปรียบเทียบกับอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ฟางหยวนไม่ต้องการทรัพยากรเพิ่มเติม เขาต้องการระดับความสำเร็จจากอาณาจักรแห่งความฝัน

 

อย่างหลังถือเป็นการเผชิญหน้าโดยบังเอิญที่ล้ำค่าอย่างแท้จริง

 

แม้เขาจะกลายเป็นตัวตนที่ทรงอำนาจของตระกูลวูและตระกูลวูก็มีประโยชน์ต่อเขา แต่ฟางหยวนรู้ว่ายังมีทางเลือกมากมายในชีวิต เขาต้องคิดว่าสิ่งใดสำคัญที่สุด

 

‘หากข้ากลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ข้าต้องกลับไปที่ตระกูลวูและประจำการอยู่ที่นั่น ข้าจะออกจากอาณาจักรแห่งความฝันได้อย่างไร ข้าทุ่มเทความพยายามมากมายเพื่อมาที่นี่!’

 

‘แต่การปฏิเสธเฉียวซื่อหลิวไม่ใช่เรื่องฉลาด หากข้าทำให้ตระกูลเฉียวโกรธและทำลายความสัมพันธ์ของเรา ข้าจะไม่ได้สิ่งใดเลย’

 

‘แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือในสายตาของทุกคนหากข้าอยู่ที่นี่และไม่กลับไป มันจะน่าสงสัย นอกจากนั้นข้ายังแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานทางการเมืองมาก่อนหน้านี้อีกด้วย’

 

ฟางหยวนคิดและเดินไปรอบๆห้องโถง

 

เฉียวซื่อหลิวกระทืบเท้าด้วยความกังวล “อี้ไห่ เจ้ายังลังเลสิ่งใดอยู่อีก?”

 

“มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินไป ข้าขอเวลาคิดเล็กน้อย” ฟางหยวนโบกมือ

 

“ไม่มีเวลาแล้ว เราต้องไปเดี๋ยวนี้ ไปคิดระหว่างทาง” เฉียวซื่อหลิวกล่าว

 

“ไม่ มันไม่ง่ายอย่างที่คิด!” ฟางหยวนส่ายศีรษะด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าตกลงสู่หลุมพรางของพวกเขาแล้ว”

 

เฉียวซื่อหลิวตะลึง “อันใด?”

 

ฟางหยวนกล่าว “หากเรากลับไปอย่างเปิดเผย ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูจะคิดอย่างไร พวกเขาไม่ได้โง่ หากข้าวูอี้ไห่กลับไปพร้อมกับคนตระกูลเฉียวและเข้ารับตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งโดยละทิ้งเรื่องของพี่ชายและนำคนนอกเข้าสู่การต่อสู้ภายในเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ ตระกูลวูจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ โดยปราศจากความแข็งแกร่งและชื่อเสียงที่เพียงพอ ข้าจะรับช่วงต่อในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งได้อย่างไร?”

 

เฉียวซื่อหลิวกระพริบตาและคิด ‘คำกล่าวของวูอี้ไห่มีเหตุผล’

 

“แล้วเราจะอยู่ที่นี่และปล่อยให้วูป๋าชงควบคุมสถานการณ์หรือรับตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งงั้นหรือ?” เฉียวซื่อหลิวโต้กลับ

 

เฉียวซื่อหลิวไม่ใช่ตัวตนที่สามารถจัดการได้โดยง่าย แต่ฟางหยวนยังเผยรอยยิ้ม “เรารอได้ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”

 

“ไม่รีบ?”

 

ฟางหยวนยิ้มกว้างและมองเฉียวซื่อหลิวด้วยสายตาแหลมคม “ข้าเชื่อว่าแม้ข้าจะไม่กลับไป วูป๋าชงก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ ข้ากล่าวผิดหรือไม่?”

 

เฉียวซื่อหลิวตกตะลึงอีกครั้ง

 

…..

 

ตระกูลวู ห้องประชุม

 

“ปัง!”

 

วูป๋าชงทุบโต๊ะ

 

เขาตะโกน “วูเฉียว เจ้าหมายความว่าอย่างไร!? ไม่ว่าข้าจะแนะนำสิ่งใด เจ้าก็คัดค้าน เจ้าพยายามหาเรื่องให้ข้าลำบากงั้นหรือ?”

 

วูเฉียวเผยรอยยิ้มเย็นชา เขายืนอยู่กลางห้องโถงและมองวูป๋าชง “ผู้อาวุโสที่สอง ท่านรีบร้อนเกินไป เรายังไม่รู้ว่าท่านวูหยงเสียชีวิตแล้วจริงหรือไม่ เพียงป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณที่พังทลายยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน แต่ดูท่านสิ ท่านนั่งอยู่ในตำแหน่งของเขาแล้ว ข้าขอเตือนท่านด้วยความจริงใจ ท่านควรนั่งในตำแหน่งของตนเอง”

 

“ผู้อาวุโสวูเฉียว ตระกูลวูตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง เราควรหารือเรื่องสำคัญและไม่ควรคิดเล็กคิดน้อย”

 

“ข้าคิดว่าไม่มีปัญหาที่ท่านวูป๋าชงจะเป็นผู้นำในการประชุม ท่านเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองและตอนนี้ตระกูลวูต้องการผู้นำ”

 

“เจ้าคิดว่าเราไม่รู้ว่าเจ้ามีเจตนาใดงั้นหรือ? วูเฉียว ข้าขอเตือนเจ้า เจ้าเป็นสมาชิกตระกูลวู ไม่ใช่ตระกูลเฉียว!”

 

ในห้องประชุมผู้อมตะบางคนสนับสนุนวูป๋าชงและโจมตีวูเฉียว

 

วูเฉียวหัวเราะ “ในแง่ของสายเลือด ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งคือท่านวูอี้ไห่! ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองควรรับตำแหน่งหรือไม่? เราเป็นนิกายของภาคกลางงั้นหรือ?”

 

เงียบ…

 

“นั่นสมเหตุสมผล”

 

“ในฐานะตระกูล เราให้ความสำคัญกับสายเลือด”

 

“เหตุใดวูอี้ไห่ไม่มา? วูป๋าชง เจ้าแจ้งเขาหรือไม่?”

 

ผู้อมตะบางคนกล่าวออกมา ผู้อมตะในห้องประชุมส่วนใหญ่เป็นเจตจำนงของพวกเขา ร่างจริงของพวกเขายังอยู่ปกป้องแหล่งทรัพยากรของตระกูล

 

วูป๋าชงโกรธมากแต่ภายนอกเขายังสงบนิ่ง

 

‘ข้าทำไม่สำเร็จ’ เขาลอบถอนหายใจ

 

เขายืนขึ้นตบหน้าผากของตนเองและถอนหายใจ “ข้าพลาดไป ข้าเป็นห่วงตระกูลมากเกินไป เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง ท่านวูอี้ไห่ควรเป็นผู้นำของเรา ข้าจะเชิญเขากลับมา ข้าเต็มใจที่จะฟังเขา!”

 

“อา…”

 

ผู้อมตะคนอื่นๆตกใจ

 

วูเฉียวรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน

 

วูป๋าชงกำลังวางแผนใดอยู่?

 

หลังจากนั้นฟางหยวนก็ได้รับการติดต่อจากตระกูล

 

เฉียวซื่อหลิวดีใจมาก “เยี่ยม! แม้เราจะไม่กลับไป แต่เรายังสามารถยึดครองตระกูลวู”

 

ฟางหยวนแสดงออกอย่างเคร่งขรึม สถานการณ์กำลังดำเนินไปในทิศทางที่เขาไม่ต้องการ

 

การกระทำของวูเฉียวสามารถเข้าใจได้ แต่การกระทำของวูป๋าชงกลับยิ่งยอดเยี่ยมกว่า เขาทำให้ฟางหยวนค่อนข้างประทับใจ

 

“สถานการณ์ไม่ดีนัก” ฟางหยวนถอนหายใจ

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset