แน่นอนว่าหลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนไม่ได้ไม่ทำสิ่งใดเลย
แมงมุมหน้าคนจำนวนมากถูกขายออกไป ตอนนี้เขาไม่ขาดแคลนลูกพลัมแดงอมตะอีกต่อไป
สำหรับท่าไม้ตายอมตะกระดองเต่าวัชระ ฟางหยวนพัฒนามันเสร็จแล้วและเหลือเพียงการทดสอบเท่านั้น
เนื่องจากความสำเร็จบนเส้นทางแห่งความมืดที่ก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ เขาจึงประสบความสำเร็จในการสร้างท่าไม้ตายอมตะเพื่อเพิ่มพลังอำนาจในการปกปิดตัวตน
ในเวลานี้เฉียวซื่อหลิวมาพบเขา
ประตูเปิดออกตามความประสงค์ของฟางหยวน
เฉียวซื่อหลิวแสดงความกังวลบนใบหน้า
นางนำข่าวร้ายมาด้วย
นอกเหนือจากตระกูลเหยา ตระกูลฮั่ว และตระกูลหยางที่บุกเข้ายึดครองแหล่งทรัพยากรของตระกูลวู ตระกูลปาและตระกูลเซี่ยก็เคลื่อนไหวเช่นกัน แต่มันเป็นการโจมตีตระกูลเฉียว
ตระกูลปาและตระกูลเซี่ยอยู่ทางเหนือของตระกูลเฉียว
ตระกูลเฉียวสูญเสียทะเลสาบชุดแต่งงานและหลุมแห่งความว่างเปล่า
หลังจากผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวหายตัวไป ตระกูลเฉียวใช้กลยุทธ์รวบรวมผู้อมตะเพื่อปกป้องฐานที่มั่นเช่นเดียวกับตระกูลวู
สิ่งนี้ทำให้ตระกูลปาและตรกูลเซี่ยประสบความสำเร็จในการฉกฉวยผลประโยชน์
ตระกูลเฉียวพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่
ทะเลสาบชุดแต่งงานและหลุมแห่งความว่างเปล่าเป็นแหล่งทรัพยากรที่มีค่ายิ่งกว่าบ่อเลือด
ตระกูลเฉียวเป็นกองกำลังใหญ่ฝ่ายธรรมะที่อ่อนแอที่สุด หลังจากสูญเสียแหล่งทรัพยากรทั้งสอง พวกเขาโกรธมาก
ฟางหยวนเคยได้ยินเกี่ยวกับแหล่งทรัพยากรทั้งสองเช่นกัน
มีนิทานเกี่ยวกับทะเลสาบชุดแต่งงาน มันกล่าวว่าชายใดที่ได้รับชุดแต่งงานของเทพธิดา คนผู้นั้นจะกลายเป็นสามีของนาง
หลังจากเทพธิดาตัดเย็นชุดแต่งงานเสร็จ นางโยนมันลงไปในทะเลสาบแห่งนี้ ชายชาวประมงที่อาศัยอยู่ริมทะเลสาบหยิบมันขึ้นมา
หลังจากนั้นมนุษย์กับผู้อมตะก็ครองรักกันอยู่ที่ทะเลสาบแห่งนี้อย่างมีความสุขตลอดไป
นี่เป็นเพียงนิทาน แต่ทะเลสาบชุดแต่งงานก็เป็นแหล่งผลิตวิญญาณประเภทชุดคลุมทุกประเภท ตัวอย่างเช่นวิญญาณอาภรณ์เพลิง วิญญาณเกราะวารี วิญญาณเกราะไม้ และอื่นๆ
ในประวัติศาสตร์ มันผลิตวิญญาณอมตะให้กับตระกูลเฉียวถึงสามดวง
สำหรับหลุมแห่งความว่างเปล่า ตำนานกล่าวว่ามันเป็นประตูสู่โลกหลังความตาย เมื่อพวกเขาโยงศพของมนุษย์ลงไป ศพเหล่านั้นจะถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ
ดังนั้นมนุษย์ผู้โง่เขลาเหล่านี้จึงคิดว่ามันเป็นประตูสู่โลกหลังความตาย
ความจริงก็คือสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งผลิตทรัพยากรบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ ตระกูลเซี่ยต้องการแหล่งทรัพยากรนี้มาอย่างยาวนาน แม้ตระกูลเฉียวจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา แต่ตระกูลเฉียวก็ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลวู
ตอนนี้เมื่อเฉียวจื่อไคและวูหยงหายตัวไป แล้วตระกูลเซี่ยจะทิ้งโอกาสนี้ได้อย่างไร
ตระกูลเฉียวและตระกูลวูเป็นพันธมิตรมาอย่างยาวนาน โชคชะตาของพวกเขาเชื่อมต่อกัน
ดังนั้นตระกูลเฉียวจึงถูกรุนรานโดยตระกูลปาและตระกูลเซี่ยไม่ต่างจากตระกูลวู
สถานการณ์เลวร้ายอย่างที่สุด
หากพวกเขาไม่สามารถหยุดสิ่งนี้ ตระกูลวูและตระกูลเฉียวจะสูญเสียอาณาเขตมากขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าจะดำเนินการเดี๋ยวนี้ วูเฉียวจะส่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะมาที่นี่เพื่อนำพวกเรากลับไป!” ฟางหยวนกล่าวกับเฉียวซื่อหลิว
เฉียวซื่อหลิวพยักหน้า นี่คือเหตุผลที่นางมา ด้วยสถานการณ์ของตระกูลเฉียว เฉียวซื่อหลิวต้องขอความช่วยเหลือจากฟางหยวน
ในความเป็นจริงความล่าช้าของฟางหยวนทำให้เฉียวซื่อหลิวไม่มีความสุขนัก หากไม่ใช่เพราะตระกูลเฉียวมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะเพียงหลังเดียว พวกเขาจะส่งมันออกมาเพื่อนำฟางหยวนออกไปนานแล้ว
“เราต้องร่วมมือกัน รวบรวมผู้อมตะตระกูลเฉียว เราจะไปพร้อมกัน” ฟางหยวนกล่าวอีกครั้ง
เฉียวซื่อหลิวตะลึง “ร่วมมือกัน แล้วที่นี่…”
“เราต้องปล่อยมันไปชั่วคราว” ฟางหยวนตัดสินใจโดยไม่ลังเล
“แล้ววิญญาณอมตะที่พวกเราใช้สร้างค่ายกลวิญญาณนี้จะทำอย่างไร?” เฉียวซื่อหลิวขมวดคิ้ว
“เราจะนำพวกมันออกไปเช่นกัน มิฉะนั้นผู้อมตะบางคนที่มีเจตนาร้ายจะพยายามปรับแต่งพวกมันหรือกระทั่งทำลายพวกมัน เรารู้ว่าคนเหล่านี้สามารถทำสิ่งใด ข้อแก้ตัวหาง่ายเกินไป” ฟางหยวนกล่าวอย่างชัดเจน
“อย่าลืมว่าความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของข้าไม่ต่ำต้อย ข้าสามารถนำวิญญาณอมตะบางดวงออกมาได้อย่างไม่มีปัญหา” ฟางหยวนกล่าวเสริม
นี่ทำให้เฉียวซื่อหลิวคิดถึงการแข่งขันระหว่างฟางหยวนและจื่อซาน ‘ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของวูอี้ไห่ไม่ต่ำต้อยแน่นอน จื่อซานยังเคยยกย่องเขาในเรื่องนี้’
แท้จริงแล้วนางยังประเมินฟางหยวนต่ำเกินไป
ตอนนี้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนบรรลุระดับปรมาจารย์ซึ่งเทียบเท่ากับจื่อซานแล้ว
ในอดีตฟางหยวนไม่เข้าใจค่ายกลวิญญาณนี้ แต่หลังจากกลายเป็นปรมาจารย์และอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน ฟางหยวนเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณนี้
เขาอาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงค่ายกลวิญญาณนี้ แต่การนำวิญญาณอมตะบางดวงออกไปไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
หลังจากตัดสินใจ เฉียวซื่อหลิวเรียกผู้อมตะตระกูลเฉียว เฉียวป๋อ เข้าพบ “เก็บสัมภาระ เมื่อคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลวูมาถึง เราจะออกเดินทางและกลับฐานทัพของเรา”
เฉียวป๋อตอบรับอย่างรวดเร็ว เขาถามต่อ “พวกเขาจะมาเมื่อใด ข้าต้องจัดการคนของตระกูล”
เฉียวซื่อหลิวมองฟางหยวน
ฟางหยวนโบกมือ “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ข้าพึ่งติตต่อพวกเขา มันต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง”
เฉียวป๋อแสดงความยินดีบนใบหน้าก่อนจะจากไปด้วยความเคารพ
‘แม้ฐานทัพของตระกูลวูจะอยู่ไม่ไกลจากภูเขาอี้เทียน แต่การส่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมายังต้องใช้เวลาสี่ถึงห้าวัน ในกรณีนี้ข้ายังสามารถทำธุรกิจรอบสุดท้าย’ เฉียวป๋อจากไปและเริ่มแผนการของตนเอง
มันคือธุรกิจซื้อขายโอกาส
ตระกูลเฉียวและตระกูลวูตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน สิ่งนี้ทำให้ผู้อมตะตระกูลเฉียวและตระกูลวูรู้สึกวิตกกังวล ธุรกิจซื้อขายโอกาสกำลังเจริญรุ่งเรือง เดิมทีเฉียวป๋อไม่พอใจที่ถูกส่งตัวมาที่นี่ แต่ธุรกิจซื้อขายโอกาสทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไป
‘ตอนนี้พวกเรากำลังจะกลับไป ธุรกิจซื้อขายโอกาสไม่สามารถดำเนินการต่อ มันอาจเกิดการต่อสู้ขึ้นหลังจากนี้ ตั้งแต่พวกเขาต้องจากไป ข้าก็จะทำกำไรครั้งใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย!’ เฉียวป๋อกัดฟันตัดสินใจ
วันต่อมา
เฉียวป๋อไปพบเทพธิดาเมี่ยวหยิน
“เทพธิดา เราพบกันอีกแล้ว” เฉียวป๋อแสดงออกด้วยความตื่นเต้น
แม้เทพธิดาเมี่ยวหยินจะเป็นปีศาจอมตะ แต่ความแข็งแกร่งและรูปลักษณ์ของนางก็อยู่ในจุดที่ไม่สามารถดูแคลน นางเป็นหนึ่งในสามผู้อมตะหญิงที่งดงามที่สุดของภาคใต้เทียบเท่ากับเฉียวซื่อหลิว
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเทพธิดาเมี่ยวหยินเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
แม้จิตวิญญาณของนางจะได้รับบาดเจ็บ แต่นางก็สามารถรวบรวมทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันมาได้ไม่น้อย
แม้ตระกูลวูและตระกูลเฉียวจะพยายามขอซื้อทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันจากนาง แต่นางปฏิเสธทั้งหมดโดยไม่ลังเล
“เข้าไปคุยกันเถอะ” เฉียวป๋อชำเลืองมองผู้อมตะอีกสองคนที่อยู่ด้านหลังเทพธิดาเมี่ยวหยิน
ตามกฎ ปีศาจอมตะหรือผู้บ่มเพาะสันโดษจะเข้าไปได้ทีละคนเท่านั้น
แต่คราวนี้เนื่องจากเฉียวป๋อกำลังจะจากไป เขาจึงต้องการทำธุรกรรมครั้งใหญ่และนำผู้อมตะสามคนเข้าไปพร้อมกัน
ในเวลาเดียวกัน พื้นที่ของตระกูลวู
เทพธิดากระต่ายขาวมองวูอัน “ท่านวูอัน จริงหรือไม่ที่ทุกคนกำลังจะจากไป? เหตุใดจึงกะทันหันนัก?”
วูอันพยักหน้า “สถานการณ์ไม่ดีนัก ข้าแน่ใจว่าเจ้าได้ยินข่าวลือมาบ้างแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา อย่ากังวล ตระกูลวูจะไม่ร่วงหล่นลง อยู่ที่นี่จัดการธุรกิจซื้อขายโอกาสต่อไปและรอพวกเรากลับมา”
เทพธิดากระต่ายขาวครุ่นคิดก่อนถาม “ก่อนที่พวกท่านจะจากไป ข้าขอพบท่านวูอี้ไห่อีกครั้งได้หรือไม่?”
“นี่…” วูอันรู้สึกลำบากใจ “ท่านวูอี้ไห่กำลังปิดประตูฝึกตน ท่านกำลังคิดค้นท่าไม้ตายอมตะ ท่านอาจไม่มีเวลาให้เจ้า”
เทพธิดากระต่ายขาวแสดงออกด้วยความโศกเศร้า “ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดข้าถึงรู้สึกไม่ดี ข้าอยากพบท่านวูอี้ไห่ ข้าเพียงต้องการเห็นหน้าเขาอีกครั้ง ข้าจะรออยู่ที่นี่จนกว่าท่านวูอี้ไห่จะออกมาได้หรือไม่?”
วูอันถอนหายใจ
เห็นได้ชัดว่าเทพธิดากระต่ายขาวหลงรักวูอี้ไห่
‘น่าเสียดายที่มันอาจเป็นรักข้างเดียว ข้าเกรงว่าในสายตาของท่านวูอี้ไห่ เทพธิดากระต่ายขาวจะเป็นเพียงเครื่องมือของเขาเท่านั้น’ วูอันรู้สึกเห็นใจ
เขาพยักหน้าตอบ “เอาล่ะ เจ้าสามารถอยู่ที่นี่ ท่านวูอี้ไห่จะพบเจ้าหลังจากท่านออกจากการปิดประตูฝึกตน”
“ขอบคุณ” เทพธิดากระต่ายขาวดีใจมาก
ในห้องลับ ฟางหยวนถือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดไว้ในมือ
วิญญาณความระมัดระวัง!
นี่เป็นวิญญาณอมตะหนึ่งในสองดวงที่ฟางหยวนได้รับจากตระกูลวูหลังจากวูอี้ไห่กลับเข้าตระกูล
ดังชื่อของมัน วิญญาณอมตะดวงนี้จะช่วยปกป้องผู้อมตะ
มันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎ แต่มันมีจุดอ่อนอยู่หนึ่งประการ นั่นคือเมื่อมันถูกกระตุ้นใช้งาน มันต้องใช้เวลาสิบลมหายใจก่อนจะสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจออกมา
สิบลมหายใจไม่ใช่ระยะเวลาสั้นๆสำหรับผู้อมตะโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อสู้ที่ดุเดือด เวลาสิบลมหายใจเพียงพอสำหรับการต่อสู้หลายรอบ
สิ่งสำคัญที่สุดคือหากผู้อมตะถูกลอบโจมตี ชีวิตและความตายของพวกเขาจะถูกตัดสินทันที เมื่อเวลานั้นมาถึง การพึ่งพาวิญญาณอมตะความระมัดระวังจะช้าเกินไป
อย่างไรก็ตามหลังจากสิบลมหายใจ พลังป้องกันที่มันปลดปล่อยออกมาจะน่าเหลือเชื่อมาก มันเป็นหนึ่งในวิญญาณอมตะระดับเจ็ดสายป้องกันที่ยอดเยี่ยมที่สุด มันมีสถานะเทียบเท่ากับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ
ไม่นานมานี้ฟางหยวนเกิดแรงบันดาลใจใหม่ๆ เขาต้องการผสานวิญญาณอมตะความระมัดระวังเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะกระดองเต่าวัชระ
และตอนนี้เขาประสบความสำเร็จในการพัฒนามันเรียบร้อยแล้วและเหลือเพียงการทดสอบเท่านั้น