ฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจกำลังต่อสู้กันอยู่ที่ค่ายกลวิญญาณขณะที่อีกสนามรบหนึ่งการต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว
บ้านไม้ไผ่ไม่ได้รับความเสียหาย มันยังส่องประกายและลอยอยู่อย่างเงียบๆ
ค่ายกลวิญญาณแม่น้ำโลหิตสีม่วงพังทลายลงขณะที่ปีศาจอมตะภาพลวงตาทั้งเจ็ดถูกจับกุม
“ให้ข้าดูร่างจริงของเจ้า” วูหยงที่ไม่ได้รับบาดเจ็บปล่อยแสงสีเขียวออกมาจากดวงตา
ทันใดนั้นแสงสีรุ้งที่ปกคลุมร่างกายของปีศาจอมตะภาพลวงตาทั้งเจ็ดก็ถูกพัดกระจัดกระจายออกไป
ตัวตนที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผย
ผู้อมตะทั้งสามตกตะลึง
เฉียวจื่อไคจ้องมองด้วยความดวงเบิกกว้างและอ้าปากค้าง “เหยาเกิ้ง!?”
ปรากฏว่าปีศาจอมตะระดับเจ็ดผู้นี้ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากสมาชิกของกองกำลังใหญ่ฝ่ายธรรมะตระกูลเหยา เหยาเกิ้ง
เดิมทีเขาต่อสู้กับวูอี้เหรินเพื่อแย่งชิงมรดกที่แท้จริงหนึ่ง ในต่อสู้เขาเสียชีวิตพร้อมวูอี้เหริน
ป้ายวิญญาณของเขาพังทลาย ทุกคนคิดว่าเขาตายไปแล้ว
แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาก็คือปีศาจอมตะภาพลวงตาทั้งเจ็ด!
“ดี ดีมาก ตระกูลเหยาเป็นเช่นนี้จริงๆ” ไท่เมี่ยนเฉินกล่าวเสียงเย็น
เหยาเกิ้งเผยรอยยิ้มขมขื่น “นี่เป็นการกระทำส่วนตัวของข้า มันไม่เกี่ยวกับตระกูลเหยา”
วูหยงถาม “เหตุใดเจ้าถึงวางกับดักพวกเรา?”
รอยยิ้มของเหยาเกิ้งยิ่งขมขื่นมากขึ้น “ข้าบอกไปแล้ว ข้าเป็นเพียงตัวละครเล็กๆ หรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือข้าเป็นเพียงตัวหมากเบี้ย ข้าถูกบงการและถูกบังคับให้ทำเรื่องนี้ ตระกูลของข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมัน”
การแสดงออกของวูหยงมืดมนลง “เช่นนั้นคนที่บงการเจ้าคือผู้อมตะระดับแปดผู้นั้นงั้นหรือ? บอกทุกอย่างที่เจ้ารู้”
ไท่เมี่ยวเฉิงตะโกน “มันเป็นเพราะมรดกที่แท้จริงภาพลวงตาทั้งเจ็ดใช่หรือไม่?”
เหยาเกิ้งพยักหน้า
ไท่เมี่ยนเฉินถอนหายใจ “ในการรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงภาพลวงตาทั้งเจ็ด เจ้าต้องยอมรับข้อตกลงพันธมิตรบนเส้นทางแห่งข้อมูล ตระกูลของข้าค้นคว้าและพบว่านี่คือกับดัก แต่สิ่งที่เราไม่เข้าใจก็คือมรดกที่แทจ้ริงภาพลวงตาทั้งเจ็ดมีอยู่มากมาย ผู้สืบทอดคนอื่นๆไม่เคยถูกใช้งาน เจ้าเป็นเหยื่อรายแรก”
ได้ยินเรื่องนี้ วูหยงและเฉียวจื่อไคเข้าใจทันที
“ผู้ชนะสามารถทำทุกสิ่ง พวกเจ้าสามารถฆ่าข้าหรือทำสิ่งใดก็ตาม” เหยาเกิ้งนั่งลงบนพื้นโดยปราศจากเจตจำนงแห่งการต่อสู้
“ผู้อมตะระดับแปดผมม่วงอยู่ที่ใด?” วูหยงถามและรู้สึกถึงความผิดปกติ
เหยาเกิ้งกล่าวทุกอย่างที่เขารู้ “ข้ารู้เท่าที่บอก ข้าคิดว่าเขาซ่อนตัวอยู่ในค่ายกล เพียงเมื่อพวกเจ้าค้นพบแกนกลางและจับตัวข้า ข้าถึงตระหนักว่าเขาจากไปนานแล้ว”
ความรู้สึกสังหรณ์ร้ายของวูหยงยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
เขาคำรามก่อนจะปลดปล่อยการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวของบ้านไม้ไผ่ออกมา
“บึม!”
แม่น้ำเลือดถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ ท้องฟ้ากลับมาสดใสอีกครั้ง
ผู้อมตะทั้งสามได้รับอิสระแต่ก่อนที่พวกเขาจะแสดงออกอย่างมีความสุข ร่างกายของพวกเขากลับสั่นสะท้านขึ้น
“โอ้ ไม่ ผ่านไปหลายวันแล้ว”
“ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งเลือด เส้นทางแห่งภาพลวงตา เส้นทางแห่งข้อมูล แต่มันยังเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งกาลเวลาอีกด้วย”
ในค่ายกลวิญญาณ ผู้อมตะทั้งสามไม่สามารถรับรู้วันเวลาที่แน่ชัด
กระทั่งวูหยงยังตกลงสู่หลุมพราง
เขาคิดมาตลอดว่าเวลาที่เขาใช้ในค่ายกลวิญญาณแม่น้ำโลหิตสีม่วงไม่นานนัก
แต่หลังจากออกมา เขาจึงตระหนักว่าเวลาผ่านไปนานแล้ว
“โอ้ ไม่ ดูเหมือนผู้อมตะระดับแปดผู้นั้นไม่ต้องการต่อสู้เป็นตายกับพวกเรา เขาเพียงกักตัวพวกเราไว้ อย่าบอกว่าเขามีจุดประสงค์อื่น?” หัวใจของวูหยงจมดิ่งลง เขารีบติดต่อตระกูลของเขา
ค่ายกลวิญญาณแม่น้ำโลหิตสีม่วงแยกพวกเขาออกจากโลกภายนอก พวกเขาไม่สามารถเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลืองโดยไม่ต้องกล่าวถึงการติดต่อกลับตระกูล
ใบหน้าของผู้อมตะทั้งสามเปลี่ยนแปลงไปในทันที
ข้อมูลจำนวนมากพุ่งเข้าสู่จิตใจของพวกเขา ผู้อมตะทั้งสามตกตะลึงเมื่อตระหนักว่ามีหลายสิ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ผู้อมตะตระกูลวู ตระกูลหยาง ตระกูลเฉียว ตระกูลจื่อ ตระกูลช่าย ตระกูลเซี่ย ตระกูลปา และตระกูลอื่นเข้าสู่การต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวาย
แผนการของราชันภูเขาม่วงคือการกักตัววูหยงและใช้ข่าวการเสียชีวิตของเขาทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในภาคใต้
แน่นอนว่าเขาประสบความสำเร็จ
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“ปีศาจอมตะเหล่านี้ช่างกล้าหาญนัก พวกเขากล้าโจมตีค่ายกลวิญญาณได้อย่างไร?”
“ไม่เพียงเท่านั้น กระทั่งผู้อมตะภาคเหนือยังเข้าร่วม!”
“แม้แต่สัตว์อสูรแรกกำเนิดในตำนานจ้าวเย่ฮุ้ยยังถูกควบคุม!?”
ผู้อมตะทั้งสามรู้สึกคาดไม่ถึง
แต่พวกเขาไม่โง่ พวกเขาตระหนักอย่างรวดเร็วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นแผนการใหญ่ที่น่าตกใจมาก
และเป้าหมายของผู้บงการก็คืออาณาจักรแห่งความฝัน!
“ไป เราจะไปที่ค่ายกลวิญญาณ!” วูหยงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“พวกเขาสร้างพายุใหญ่ขึ้นในภาคใต้ ข้าอยากรู้นักว่าผู้ใดบงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” ไท่เมี่ยนเฉินกล่าว
วูหยงพยักหน้าด้วยความกังวล “น้องชายของข้ายังอยู่ ข้าหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับเขา”
ในช่วงเวลาสำคัญวูหยงยังไม่ลืมรักษาชื่อเสียงของตนเอง
เฉียวจื่อไคเร่งผสานงาน “ท่านวูหยง ท่านห่วงใยน้องชายของท่านมาก ท่านเป็นคนรักครอบครัวและมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ท่านเป็นแบบอย่างของฝ่ายธรรมะอย่างแท้จริง”
หลังจากนั้นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดบ้านไม้ไผ่ก็บินไปทางภูเขาอี้เทียนด้วยความเร็วสูง
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อก็กำลังทำเช่นเดียวกัน หลังจากได้รับจดหมายจากจื่อกุ้ย เขาหยุดการต่อสู้กับตระกูลหยางและนำคฤหาสน์วิญญาณอตะออกเดินไปยังค่ายกลวิญญาณทันที
ตระกูลหยาง ตระกูลฮั่ว ตระกูลเหยา และตระกูลเฉิงก็ส่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมาเช่นกัน
คนเหล่านี้ไม่รู้ว่าเหตุใดนิกายเงาถึงโจมตีค่ายกลวิญญาณ
เพราะตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาไม่เคยรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบนภูเขาอี้เทียน
พวกเขารู้เพียงข้อมูลเล็กๆน้อยๆที่วังสวรรค์จงใจเปิดเผยออกมา พวกเขารู้ว่าวังสวรรค์เข้าแทรกแซงและทำลายกองกำลังพันธมิตรผีดิบที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน
พวกเขาไม่ทราบสาเหตุของการกำเนิดอาณาจักรแห่งความฝันและไม่รู้ว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกขังอยู่ภายใน
วังสวรรค์ซ่อนข้อมูลนี้เพราะเกรงว่ากองกำลังใหญ่ของภาคใต้จะช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณ
อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังมีสัตว์อสูรแรกกำเนิดในตำนานจ้าวเย่ฮุ้ยเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นกองกำลังใหญ่ของภาคใต้จึงต้องส่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมาจัดการมัน
“แม้พวกเราจะถูกโจมตีอย่างกะทันหัน แต่พวกเรามีค่ายกลวิญญาณและผู้อมตะของตระกูลจื่ออยู่ที่นั่น พวกเขายังสามารถป้องกันตัวได้ในขณะนี้” เฉียวจื่อไคกล่าว
ไท่เมี่ยนเฉินเงียบ
วูหยงส่ายศีรษะ “กล่าวตามตรง ข้ากังวลมาก ฝ่ายตรงข้ามวางแผนมาอย่างแยบยล ตัวหมากเบี้ยของพวกเขาถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี หากเหยาเกิ้งไม่ถูกเปิดเผย ผู้ใดจะคิดว่าเขาคือปีศาจอมตะภาพลวงตาทั้งเจ็ด อีกฝ่ายสามารถแทรกซึมเข้าสู่กองกำลังใหญ่ของฝ่ายธรรมะ ข้าเกรงว่า…”
วูหยงหยุดกล่าวอย่างกะทันหัน
ไท่เมี่ยนเฉินเข้าใจทันที “ท่านเกรงว่าพวกเขาจะมีคนแทรกซึมอยู่ในค่ายกลวิญญาณงั้นหรือ?”
…..
“บึม!”
การลอบโจมตีอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนไม่มีเวลาเตรียมตัว
“ปาฉวนฟง เจ้าทำสิ่งใด?” ปาเต๋อตะโกนด้วยความโกรธ
ปาฉวนฟงถูกส่งลอบกลับหลังด้วยการโจมตีของปาเต๋อและเกือบเสียชีวิต
จื่อกุ้ยได้รับบาดเจ็บสาหัส ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงทอง เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดของเขา
ก่อนหน้านี้
การอนุมานของเขาประสบความสำเร็จ แต่ในจังหวะที่เขากำลังกระตุ้นใช้งานแนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณ ปาฉวนฟงกลับพุ่งเข้าโจมตีเขาโดยไม่คาดคิด
จื่อกุ้ยไว้วางใจผู้อมตะตระกูลปาเป็นอย่างมากเพราะก่อนหน้านี้คนทั้งสองยังปกป้องเขาขณะที่เขากำลังอนุมาน
แต่ผู้ใดจะคิดว่าปาฉวนฟงจะโจมตีเขาในช่วงเวลาสำคัญที่สุด
ปาฉวนฟงเป้นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งวายุ ขณะที่จื่อกุ้ยเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งค่ายกล เขาแข็งแกร่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก่อนหน้านี้ความสนใจทั้งหมดของจื่อกุ้ยอยู่ที่ค่ายกลวิญญาณ เขาไม่สามารถป้องกันตัว ดังนั้นเขาจึงถูกปาฉวนฟงโจมตีโดยปราศจากการป้องกัน
ไม่เพียงการกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณจะล้มเหลว จื่อกุ้ยยังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของปาฉวนฟง
วินาทีต่อมา เขาใกล้ตายและไม่สามารถทำสิ่งใดได้อีก
“ปาฉวนฟง!” ปาเต๋อกรีดร้อง ดวงตาสีแดงของเขามองไปที่ปาฉวนฟง
หากเขาไม่ได้เป็นพยานในเรื่องนี้ เขาจะไม่มีวันเชื่อว่าปาฉวนฟงจะเป็นคนทรยศ
“ยอมแพ้ซะ ปาเต๋อ เจ้าไม่รู้ว่าศัตรูคือผู้ใด!” ปาฉวนฟงที่ใกล้ตายกล่าวอย่างอ่อนแรง
อย่างไรก็ตามปาเต๋อยังช่วยเขาให้รอดพ้นจากความตาย
“เจ้าจะไม่ตาย ตระกูลจะตัดสินเจ้า การมีชีวิตอยู่น่ากลัวกว่าความตาย เจ้าจะมีชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!” ปาเต๋อกัดฟันกล่าว ตอนนี้เขาเกลียดคนทรยศผู้นี้เป็นอย่างมาก
ปาฉวนฟงโหดร้ายมาก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเลือกจังหวะเวลาได้อย่างไร้ที่ติ
เขาทำลายความหวังของฝ่ายธรรมะ
ไม่เพียงเขาจะทำร้ายจื่อกุ้ยแต่เขายังทำลายวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีดวงใหม่อีกด้วย
โดยปราศจากแนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณ ฝ่ายธรรมะจะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน