ความหวังมีน้อยมาก
ตอนนี้มันเป็นการต่อสู้สามทางที่ชุลมุนวุ่นวาย
ฝ่ายหนึ่งคือวังสวรรค์
ฝ่ายที่สองคือนิกายเงา
ฝ่ายที่สามคือกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้
สำหรับฟางหยวน เขาเป็นสมาชิกของกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ แต่ความจริงคือเขามีความใกล้ชิดกับนิกายเงามากกว่า
จากสถานการณ์ วังสวรรค์และกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้พยายามโจมตีนิกายเงา
นิกายเงาไม่สามารถแข่งขันกับวังสวรรค์ ตอนนี้พวกเขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก
‘วูหยงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันเพื่อมาที่นี่’
‘หากสถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไป ข้าจะไม่สามารถอดทนจนถึงเวลานั้น’
‘ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อนิกายเงาพ่ายแพ้ วังสวรรค์และกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะจัดการข้าในฐานะผู้ทรยศ’
‘ยังไม่ต้องกล่าวถึงนิกายเงา ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่สามารถทนได้ถึงหนึ่งวัน’
ฟางหยวนมองค่ายกลวิญญาณด้วยความกังวล
เนื่องจากจื่อชิวหยูออกแบบค่ายกลวิญญาณนี้ให้ถูกควบคุมโดยคนเพียงผู้เดียว ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากผู้ใดและไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านการรุกรานจากเทพธิดาจื่อเว่ย
สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวตนของฟางหยวนมีปัญหา
หากผู้อมตะภาคใต้รู้ตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวนจากวังสวรรค์ ฟางหยวนจะตกอยู่ในอันตราย
ค่ายกลวิญญาณเหลือแนวป้องกันสองแนว
หากเทพธิดาจื่อเว่ยประสบความสำเร็จในการทำลายแนวป้องกันที่สาม ตามทฤษฎี ฟางหยวนจะสามารถกระตุ้นใช้แนวป้องกันที่สี่เพื่อต่อต้านนาง
แต่จากข้อมูลของจื่อกุ้ย คนที่สามารถกระตุ้นการทำงานของแนวป้องกันสุดท้ายต้องเป็นสมาชิกตระกูลจื่อเท่านั้น
นี่คือการจัดเตรียมของจื่อชิวหยู เขาทำเช่นนี้โดยคิดถึงผลประโยชน์ของตระกูลจื่อเป็นหลัก
ค่ายกลวิญญาณมีหลายวิธีในการตรวจสอบ ฟางหยวนอาจสามารถปลอมแปลงสายเลือด
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำสิ่งใดเกี่ยวกับป้ายวิญญาณหรือโคมไฟวิญญาณ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ฟางหยวนทำได้เพียงถอนหายใจ
เขาลอบสาปแช่งอยู่ภายใน ‘จื่อชิวหยู จิ้งจอกเฒ่า!’
ผู้อมตะระดับแปดล้วนไม่ใช่ตัวตนที่สามารถจัดการได้โดยง่าย
ตั้งแต่จื่อชิวหยูออกแบบมัน เขาก็คิดถึงสถานการณ์ที่ซับซ้อนเหล่านี้เอาไว้แล้ว
ฟางหยวเหมือนติดอยู่ในทางตัน
สถานการณ์มีความซับซ้อน สามฝ่ายกำลังต่อสู้กัน ฟางหยวนมีสถานะพิเศษ แม้เขาจะอยู่ในค่ายกลวิญญาณของฝ่ายธรรมะแต่มันก็ไม่สามารถเชื่อถือ
มีตัวแปรมากเกินไป
เขาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาในการคิดวิเคราะห์และหาทางออก
จิตใจของฟางหยวนเต็มไปด้วยความคิดที่ยุ่งเหยิง สมองของเขาราวกับกำลังพ่นควันออกมา
เขาจะหลบหนีได้อย่างไร?
นี่เป็นปัญหาที่ยังไม่สามารถแก้ไข
‘วิญญาณกาลเวลา?’ ฟางหยวนคิดแต่เขาก็ปฏิเสธความคิดนี้ทิ้งไปทันที
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถใช้วิญญาณกาลเวลา
เจตจำนงสวรรค์ซ่อนตัวอยู่ภายใน หากเขาใช้งานมัน เขาจะล้มเหลวอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนสามารถกำเนิดใหม่เพราะความช่วยเหลืออย่างลับๆจากเจตจำนงสวรรค์ แต่ตอนนี้เขายืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เจตจำนงสวรรค์ต้องการกำจัดเขา แล้วมันจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?
การใช้วิญญาณกาลเวลาก็เหมือนกับการฆ่าตัวตาย
เว้นเพียงเขาจะใช้วิธีของนิกายเงาเพื่อปรับแต่งวิญญาณกาลเวลาอีกครั้ง แต่ตอนนี้ฟางหยวนมีเวลาสำหรับเรื่องนี้งั้นหรือ?
‘เดี๋ยว!’
‘ข้าสามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลากับมิติช่องว่างของข้า ด้วยวิธีนี้ข้าจะสามารถปรับแต่งวิญญาณกาลเวลาได้อย่างรวดเร็ว’
‘ไม่ นี่ทำไม่ได้ ยังมีภัยพิบัติ!’
‘หากข้าเร่งเวลา ข้าจะพบกับภัยพิบัติ เจตจำนงสวรรค์จะเข้าแทรกแซงและทำให้มันทรงพลังยิ่งขึ้น’
‘ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของข้าต่ำเกินไป ข้าไม่มีความมั่นใจว่าการปรับแต่งวิญญาณกาลเวลาจะสำเร็จหรือไม่โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์นี้’
‘และการเลิกใช้ค่ายกลวิญญาณก็เป็นวิธีที่งี่เง่าที่สุด มันเป็นการตัดแขนตัดขาตัวเอง!’
ไม่มีสิ่งใดที่เขาทำได้
โชคชะตาโหดร้ายเกินไป ในสถานการณ์นี้เขาไม่มีทางรอด
แต่ฟางหยวนไม่ยอมแพ้
เขายังอดทนต่อไป
ความมุ่งมั่นของเขายังไม่สั่นคลอนแม้แรงกดดันจะรุนแรงมากเพียงใด
อดทน!
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายด้วยความมุ่งมั่น ไม่เกรงกลัว จิตใจของเขาสงบมาก
นี่ไม่ใช่สถานการณ์สิ้นหวังครั้งแรกที่เขาเผชิญ แท้จริงแล้วเขาผ่านสถานการณ์เช่นนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
ในโลกนี้ การบ่มเพาะและการดำเนินชีวิตเต็มไปด้วยความเสี่ยงและอันตราย
จะมีกำไรได้อย่างไรหากปราศจากความเสี่ยง?
กระทั่งปีศาจอมตะเซี่ยหูก็ยังแบกรับความเสี่ยงที่แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะจะล่มสลายเพื่อแผนการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ก่อนจะล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง แม่น้ำหวนคืนถูกพรากไป และกระทั่งภรรยาของเขายังได้รับบาดเจ็บสาหัส
สำหรับวังสวรรค์ พวกเขาสูญเสียสองผู้อมตะระดับแปดที่ทรงพลังไป่เฉินเทียนและเว่ยหลิงหยาง แต่สุดท้ายพวกเขากลับไม่ได้รับสิ่งใด
ย้อนกลับไปในชีวิตแรกของฟางหยวน ฟงจิวเก้อยังเสียชีวิตอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ฟางหยวนไม่ใช่หม่าหงหยุน เขาไม่ใช่บุตรแห่งโชค หากเปรียบเทียบ เขาเป็นคนธรรมดามาก
ในความเป็นจริงแม้แต่หม่าหงหยุนก็ยังพบกับความตายแม้เขาจะได้รับการปกป้องจากวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์
สวรรค์ปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเหมือนตัวหมากเบี้ย ไม่ว่าผู้อมตะจะมีความสามารถเพียงใด พวกเขาก็เป็นรูปแบบหนึ่งของสิ่งมีชีวิตที่จะพบกับการปฏิบัติที่เท่าเทียม
ประสบการณ์ห้าร้อยปีของฟางหยวนจะสามารถเปรียบเทียบกับสวรรค์พิภพได้อย่างไร?
มนุษย์มีขีดจำกัด ไม่มีผู้ใดไม่เคยทำผิด กระทั่งผู้อมตะระดับเก้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แม้แต่มนุษย์คนแรกก็ยังถูกหลอกโดยวิญญาณสติปัญญา
ในทางตรงข้าม เจตจำนงสวรรค์ยิ่งใหญ่และกว้างใหญ่มาก
การท้าทายสวรรค์เป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างที่สุด
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ฟางหยวนเพียงผู้เดียวที่รู้สึกถึงความยากลำบาก
อิงอู๋เซี่ยก็รู้สึกคล้ายกัน
เขากำลังต่อสู้
ศัตรูของเขาคือผู้อมตะระดับเจ็ดฝ่ายธรรมะขณะที่เขาเป็นผีดิบอมตะระดับหก
แม้เขาจะมีท่าไม้ตายอมตะที่น่าเหลือเชื่อ แต่คู่ต่อสู้ของเขาก็แข็งแกร่งมาก อิงอู๋เซี่ยแทบไม่สามารถอดทน
หลังจากการต่อสู้ที่วุ่นวาย อิงอู๋เซี่ยถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง สถานการณ์ของเขาอันตรายมาก
อัญเชิญอสูรวิญญาณ!
อิงอู๋เซี่ยมใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาอัญเชิญอสูรวิญญาณสามตัวออกมา
แต่ศัตรูของเขายังหัวเราะเย้ยหยัน
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจเมื่อเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายอัญเชิญอสูรวิญญาณ
แต่ตอนนี้เขามีประสบการณ์แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถตอบโต้โดยใช้ประโยชน์จากอาณาจักรแห่งความฝัน
สัตว์อสูรมีสติปัญญาต่ำ ด้วยการวางอุบาย ผู้อมตะตระกูลเซี่ยสามารถล่อลวงให้อสูรวิญญาณเข้าไปในอาณาจักรแห่งความฝัน
เมื่อพวกมันเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน พวกมันก็จะกลายเป็นเนื้อที่วางอยู่บนเขียง
การใช้ประโยชน์จากสนามรบเป็นหนึ่งในความสามารถของผู้อมตะ
สุดท้ายอสูรวิญญาณที่ถูกอันเชิญมาก็ถูกจัดการโดยผู้อมตะตระกูลเซี่ยผู้นี้
อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มขมขื่น เขาต้องการความช่วยเหลือจากภายนอก
แต่ในเวลานี้การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไป เขาได้รับจดหมายจากผมที่หก ในจดหมายกล่าวว่าฟางหยวนต้องการร่วมมือกับนิกายเงา!
ตั้งแต่ราชันภูเขาม่วงตื่นขึ้น เขาต้องการทำงานร่วมกับฟางหยวนมาตลอด
น่าเสียดายที่ฟางหยวนระวังตัวมากเกินไป ดังนั้นความร่วมมือจึงไม่เคยเกิดขึ้น
อิงอู๋เซี่ยไม่ได้คาดหวังว่าฟางหยวนจะเป็นฝ่ายร้องขอความร่วมมือในเวลานี้
‘สายไปแล้ว!’ ความขมขื่นทวีความรุนแรงมากขึ้นในหัวใจของอิงอู๋เซี่ย
สายเกินไป
มันสายเกินไปแล้ว!
เขาไม่รู้ว่าฟางหยวนอยู่ที่ใดแต่นิกายเงาได้เริ่มภารกิจช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณไปแล้ว
ผมที่หกบอกว่าฟางหยวนต้องการวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลเพื่อสื่อสารกับอิงอู๋เซี่ยโดยตรง
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนไม่สามารถติดต่อกับสมาชิกนิกายเงาได้โดยตรง พวกเขาต้องสื่อสารผ่านผมที่หกเท่านั้น
นี่เป็นเพราะวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลต้องใช้เป็นคู่
ด้วยวิธีนี้มันจะทิ้งเบาะแสของกันและกันไว้เบื้องหลัง มันง่ายที่จะอนุมานตำแหน่งของพวกเขาจากสิ่งนี้
‘มอบให้เขา’ อิงอู๋เซี่ยคิดและไม่ปฏิเสธ
ต่อมาเสียงของฟางหยวนก็ดังขึ้นในใจของอิงอู๋เซี่ย “อิงอู๋เซี่ย เจ้าอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช ผู้อมตะตระกูลเซี่ยจะฆ่าเจ้า เหตุใดไม่ใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน?”
อิงอู๋เซี่ยเบิกตากว้างเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้
“ฟางหยวน!” เขาตอบกลับ “เจ้าอยู่ที่นี่งั้นหรือ?”
“เจ้าคิดอย่างไร?” ฟางหยวนหัวเราะคิกคัก “หยุดใช้วิธีอัญเชิญอสูรวิญญาณอย่างไร้ประโยชน์ เจ้าใช้มันไปสามครั้งแล้วและผลลัพธ์ก็แย่ลงทุกครั้ง เจ้ากำลังเพิ่มความเสี่ยงและสูญเสียพลังงานอมตะโดยไร้ประโยชน์”
อิงอู๋เซี่ยส่ายศีรษะ “ฟางหยวน เจ้าอยู่ที่นี่จริงๆ บัดซบ! เจ้าเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด? เดี๋ยว! คู่ต่อสู้ของข้าคือเจ้าหรือไม่?”
“หากเป็นข้า เจ้าคงตายไปแล้ว อย่าไร้สาระ เรามา…” ฟางหยวนหยุดก่อนกล่าวต่อ “ร่วมมือกันเถอะ!”