หลังกล่าวจบคำ กลิ่นอายของราชันมังกรก็เปลี่ยนแปลงไป
มันเหมือนกลิ่นอายของมังกรยักษ์ที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ราชันภูเขาม่วงตระหนักถึงอันตรายร้ายแรง
“โฮก…”
ราชันมังกรเปิดปากคำราม
ต่อมาเขาหายตัวไปจากจุดนั้น
“โอ้ โม่!” หัวใจของราชันภูเขาม่วงจมดิ่งลง
ราชันมังกรกำลังทำสิ่งเดิมอีกครั้ง
เขาเคยใช้วิธีนี้เคลื่อนย้ายสถานที่ในพริบตาและโจมตีราชันภูเขาม่วงด้วยหมัดมังกรแห่งความโกลาหล
ผู้อมตะทั่วไปจะไม่สามารถตอบสนองแม้พวกเขาจะรู้ถึงเจตนาของราชันมังกร แต่ราชันภูเขาม่วงแตกต่างออกไป เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งปัญญา ความคิดของเขารวดเร็วมาก
แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่ราชันมังกรคำราม ราชันภูเขาม่วงก็ตอบสนองไปแล้ว
ครั้งนี้ราชันมังกรไม่ประสบความสำเร็จในการเข้าประชิดตัวราชันภูเขาม่วง เขาอยู่ห่างออกไปหลายร้อยก้าว
แต่สำหรับราชันมังกร ระยะทางนี้เพียงพอแล้ว
“ดูดกลืนปราณมนุษย์!” ราชันมังกรโบกมืออย่างง่ายๆ
แต่ราชันภูเขาม่วงกลับเผชิญหน้ากับการระเบิดครั้งใหญ่
ปราณมนุษย์จำนวนมากพุ่งออกจากร่างของราชันภูเขาม่วงและบินเข้าไปหาราชันมังกร
หลังจากสูญเสียปราณมนุษย์จำนวนมหาศาล ใบหน้าของราชันภูเขาม่วงกลายเป็นซีดขาว เส้นผมสีม่วงที่สดใสของเขากลายเป็นหม่นหมอง เขารู้สึกถึงความอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ
ลึกเข้าไปในดวงตาของราชันภูเขาม่วงสามารถมองเห็นความตกใจ นี่ทำให้เขานึกถึงท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณที่มีชื่อเสียง
ดูดกลืนปราณทั้งสาม!
นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะแรกกำเนิด มันมีลักษณะเด่นสองประการที่ทุกคนรู้จักดี
ประการแรก มันยากที่จะเรียนรู้
มันเป็นท่าไม้ตายอมตะที่ซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อและใช้วิญญาณจำนวนมหาศาล กระทั่งผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญายังรู้สึกปวดหัวกับมัน
ประการที่สอง ความเสี่ยงของการใช้ท่าไม้ตายนี้สูงมาก
เนื่องจากความซับซ้อนของมัน ผู้อมตะมีโอกาสทำสิ่งผิดพลาดและพบกับฟันเฟืองร้ายแรง
หากท่าไม้ตายล้มเหลว พวกเขาจะเป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่ท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนปราณทั้งสามมีพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลับอย่างไม่น่าเชื่อ
คำอธิบายของมันเริ่มจากขั้นตอนก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ
มนุษย์ที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะต้องดูดซับและหลอมรวมปราณสวรรค์ ปราณพิภพ และปราณมนุษย์
เมื่อผู้ใช้วิญญาณบ่มเพาะตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงห้า พวกเขาจะได้รับปราณมนุษย์ในกระบวนการนี้ เมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ พวกเขาจะดูดซับปราณสวรรค์และปราณพิภพเข้าไปผสานกับปราณมนุษย์
ยิ่งมีปราณมนุษย์มากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งสามารถดูดซับปราณสวรรค์และปราณพิภพได้มากเท่านั้น
โดยปกติแล้วร่างสุดยอดกายาทั้งสิบจะมีปราณมนุษย์มากที่สุด นอกจากนั้นผู้อมตะที่สามารถบรรลุระดับปรมาจารย์บนเส้นทางบางสายก็จะมีปราณมนุษย์ที่อุดมสมบูรณ์เช่นกัน
ด้วยการผสานปราณทั้งสามเข้าสู่มิติช่องว่าง พวกเขาจะกลายเป็นผู้อมตะ
ปราณสวรรค์ ปราณพิภพ และปราณมนุษย์ หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มิติช่องว่างของพวกเขาจะขาดเสถียรภาพ
เช่นเดียวกับฟางหยวนที่ต้องวางมิติช่องว่างลงเพื่อดูดซับปราณสวรรค์และปราณพิภพเป็นครั้งคราวเพื่อสร้างสมดุลให้กับมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะหรือเทพอมตะ พวกเขาก็ไม่สามารถประมาทกับเรื่องนี้
ปราณสวรรค์และปราณพิภพจะแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค หากผู้อมตะดูดซับปราณสวรรค์และปราณพิภพของภูมิภาคอื่น มิติช่องว่างของพวกเขาจะประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ แม้พวกเขาจะสามารถทำเช่นนั้นในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นบ่อยเกินไป
คำอธิบายเหล่านี้พิสูจน์ว่าปราณสวรรค์ ปราณพิภพ และปราณมนุษย์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อมิติช่องว่างของผู้อมตะ หากเกิดความไม่สมดุล มิติช่องว่างของพวกเขาจะได้รับความเสียหายร้ายแรง
และท่าไม้ตายนี้เป็นการโจมตีไปที่จุดนี้โดยตรง
มันเป็นท่าไม้ตายต่อเนื่องและกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงในท่าเดียว ดังนั้นผู้อมตะที่ใช้ท่าไม้ตายนี้จึงต้องมีความชำนาญเป็นอย่างมาก
การดูดกลืนพลังปราณมีอยู่สามรูปแบบ
รูปแบบแรกคืการดูดกลืนปราณมนุษย์ หลังจากเป้าหมายถูกโจมตี พวกเขาจะสูญเสียปราณมนุษย์จำนวนมาก รากฐานของพวกเขาจะร่วงหล่นลง แน่นอนว่าหากเป้าหมายไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสัตว์อสูร ท่าไม้ตายนี้ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ
รูปแบบที่สองคือการดูดกลืนปราณพิภพ หากเป้าหมายถูกโจมตี พวกเขาจะสูญเสียปราณพิภพอย่างรุนแรง ปราณทั้งสองจะเสียสมดุล มิติช่องว่างจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
รูปแบบที่สามคือการดูดกลืนปราณสวรรค์ มันจะดูดปราณสวรรค์ออกมา เมื่อเป้าหมายถูกโจมตี มิติช่องว่างของพวกเขาจะแตกสลายทันที
ราชันภูเขาม่วงเร่งล่าถอย
เขาถูกดูดปราณมนุษย์ออกไปแล้ว หากเขาถูกดูดปราณพิภพอีกครั้ง มันจะร้ายแรงมาก
อย่างไรก็ตามแม้ราชันภูเขาม่วงจะรู้เรื่องนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับมัน เขาไม่สามารถมองทะลุท่าไม้ตายนี้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ
ท่าไม้ตายนี้ซับซ้อนเกินไป แม้มันจะใช้งานยาก แต่มันก็ยากที่คู่ต่อสู้จะคลี่คลายและตอบโต้เช่นกัน
ท้ายที่สุดมีข้อดีก็มีข้อเสีย
ราชันภูเขาม่วงไม่สามารถแก้ไข เขาทำได้เพียงใช้วิธีของเขาสร้างร่างเทียมจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมาเท่านั้น
ท่าไม้ตายของราชันมังกรทรงพลัง แต่หากมันไม่สามารถโจมตีเป้าหมาย มันก็ไร้ประโยชน์
อย่างไรก็ตามราชันมังกรไม่รู้สึกกังวล เขาหัวเราะขณะที่เสียงของเขากระจายไปทั่วสนามรบ “มันสายไปแล้ว ราชันภูเขาม่วง เจ้าถูกโจมตีแล้ว ไม่มีทางที่เจ้าจะหลบเลี่ยงการโจมตีอีกสองครั้ง”
“มา ดูดกลืนปราณพิภพ!” ราชันมังกรโบกมือเป็นครั้งที่สอง
เขาไม่ได้หลอกลวง แม้เขาจะไม่รู้ว่าราชันภูเขาม่วงอยู่ที่ใด แต่ราชันภูเขาม่วงยังถูกโจมตีทันที
ราชันภูเขาม่วงตกใจมาก
ปราณพิภพจำนวนมหาศาลพุ่งออกจากมิติช่องว่างของเขาและบินเข้าสู่ฝ่ามือของราชันมังกร
มิติช่องว่างของราชันภูเขาม่วงได้รับความเสียหายร้ายแรง รากฐานของเขาพังทลายขณะที่มิติช่องว่างของเขากำลังจะแตกออกเป็นชิ้นๆ
ทางเลือกสุดท้ายของราชันภูเขาม่วงคือการวางมิติช่องว่างลง
ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถดูดซับปราณสวรรค์พิภพเพื่อสร้างเสถียรภาพ
แต่ราชันภูเขาม่วงยอมแพ้ต่อตัวเลือกนี้ทันที
นี่เป็นความคิดที่แย่มาก
หากราชันภูเขาม่วงวางมิติช่องว่างลง ร่างของเขาจะติดอยู่ในมิติช่องว่าง เขาจะถูกผลักออกจากสนามรบทันที
ในเวลาเดียวกับราชันมังกรก็จะรอเขาอยู่ด้านนอก
หากประตูมิติเปิดออก ราชันมังกรจะสามารถเข้าไปและสร้างความเสียหายร้ายแรง นอกจากนั้นเขายังสามารถต่อสู้และล่าถอยได้ตามใจปรารถนาขณะที่ราชันภูเขาม่วงจะติดอยู่ภายใน
‘กระทั่งข้าจะพยายามดูดซับปราณพิภพ แต่ข้าก็ยังขาดปราณมนุษย์ ข้าไม่มีวิธีบนเส้นทางแห่งมนุษย์ที่สามารถเติมเต็มปราณมนุษย์ ข้าทำได้เพียงต้องซื้อมนุษย์หรือมนุษย์กลายพันธุ์จำนวมากเข้ามาเท่านั้น’
ความคิดมากมายพุ่งเข้าสู่จิตใจของราชันภูเขาม่วง
ในเวลาอันสั้น เขาตัดสินใจแล้ว
เขายื่นแขนออกมาและจับหน้าท้องของตนเองก่อนที่แสงสีม่วงจะส่องประกายขึ้นในมือของเขา
จากนั้นเขาก็ดึงฝ่ามือออกมาอย่างช้าๆ
ด้วยวิธีนี้ มิติช่องว่างของเขาจึงถูกนำออกมา
ฟางหยวนรู้สึกคุ้นเคยกับเหตุการณ์นี้
เขานึกถึงนางมารผลาญสวรรค์
นางมารผลาญสวรรค์สามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งไฟเพื่อดึงมิติช่องว่างของผู้อื่นออกมา
ท่าไม้ตายนี้ฝากความประทับใจไว้กับฟางหยวน
‘ราชันภูเขาม่วงรู้จักวิธีนี้ได้อย่างไร?’ ฟางหยวนงุนงงเล็กน้อยแต่ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจ
นางมารผลาญสวรรค์เป็นสมาชิกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบขณะที่ไห่ลั่วหลันถูกควบคุมโดยนิกายเงา ไม่ใช่เรื่องแปลกหากราชันภูเขาม่วงจะรู้จักวิธีนี้
หากความสำเร็จเพียงพอ พวกเขาจะสามารถเลียนแบบทักษะบนเส้นทางสายอื่น
การเคลื่อนไหวของราชันภูเขาม่วงชัดเจนว่าเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา มีความเป็นไปได้ที่เขาจะสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเองและไม่เกี่ยวข้องกับนางมารผลาญสวรรค์
ราชันภูเขาม่วงนำมิติช่องว่างของเขาออกมาและวางมันลงเพื่อดูดซับปราณพิภพ
แต่ถ้ำสวรรค์แห่งนี้มีความหวังเพียงเล็กน้อยที่จะรอดพ้นจากการล่มสลาย แม้มันจะได้รับปราณพิภพกลับคืน แต่มันก็ยังขาดปราณมนุษย์
เห็นวิธีการของราชันภูเขาม่วง ราชันมังกรรู้สึกตกใจเล็กน้อย ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง