Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1385 การตัดสินใจฟางหยวน

“บึม!”

 

เสียงระเบิดดังขึ้น เปลวเพลิงลุกไหม้ คลื่นความร้อนผลักดันทุกสิ่งออกไป

 

ทรายสีเหลืองลอยขึ้นสู่อากาศก่อนจะจางหายไปและเผยให้เห็นร่างที่อยู่ภายใน

 

มันคือไห่ลั่วหลัน

 

นางหอบหายใจอย่างหนักหน่วงขณะที่ร่างกายของนางปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง

 

‘กระทั่งท่าไม้ตายนี้ก็ไม่สามารถทำลายค่ายกลวิญญาณนี้?’ หัวใจของไห่ลั่วหลันจมดิ่งลง

 

การต่อสู้ดำเนินไปถึงหนึ่งชั่วโมง ไห่ลั่วหลันใช้วิธีทั้งหมดของนางแต่ยังไม่สามารถทำลายค่ายกลวิญญาณของฝ่ายตรงข้าม

 

นางตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสมบูรณ์

 

ในความเป็นจริงนางไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้าของศัตรูระหว่างการต่อสู้

 

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะผู้นี้ควบคุมค่ายกลวิญญาณอยู่เบื้องหลังและไม่เคยเปิดเผยตัวตนออกมา

 

“ไห่ลั่วหลัน ข้าต้องยอมรับว่าเจ้าแข็งแกร่งจริงๆ”

 

“น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลแม้แต่น้อย”

 

“ข้าจะกล่าวตามตรง แม้พลังการต่อสู้ของเจ้าจะมากกว่านี้อีกเท่าตัว เจ้าก็ยังไม่สามารถทำลายค่ายกลวิญญาณของข้า”

 

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลหัวเราะด้วยความพึงพอใจ

 

ไห่ลั่วหลันก่นเสียงเย็น ‘ข้าเหลือพลังงานอมตะอีกไม่มากและข้าก็ใช้วิธีการทั้งหมดไปแล้ว ผู้ใดจะคิดว่าข้า ไห่ลั่วหลัน จะมาตายอยู่ที่นี่! โอ้ ท่านแม่ ข้าไม่สามารถล้างแค้นให้ท่าน แม้เผ่าไห่จะถูกทำลายไปแล้ว แต่ไห่เจิ้งยังมีชีวิตอยู่ นี่เป็นความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า’

 

อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้เสียงหัวเราะของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน

 

“บัดซบ!” เขาอุทานเสียงดังด้วยความหวาดกลัว

 

‘โอกาส!?’ ไห่ลั่วหลันกระตุ้นตัวเอง

 

ในเวลาต่อมานางก็เห็นแสงสีเงินส่องประกายขึ้นเป็นทางยาวพร้อมกับเสียงมังกรคำราม

 

หัวใจของไห่ลั่วหลันสั่นสะท้านขึ้น

 

นางคุ้นเคยกับเสียงคำรามชนิดนี้

 

มันทิ้งความประทับใจอย่างมากไว้ในหัวใจของไห่ลั่วหลัน

 

เพราะไม่นานมานี้ไห่ลั่วหลันถูกไล่ล่าอย่างน่าสังเวชโดยเจ้าของเสียงสายนี้

 

‘ฟางหยวน!’ ไห่ลั่วหลันแทบกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ

 

นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าเสียงคำรามของมังกรดาบบรรพกาลไพเราะและน่าฟังมาก

 

รอยดาบสีเงินพาดผ่านท้องฟ้าที่มืดมิด

 

รอยดาบขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับแสงสว่างที่ส่องประกายเจิดจ้า

 

“ไม่!” ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลกรีดร้อง

 

ในเวลาต่อมาค่ายกลวิญญาณที่ทำให้ไห่ลั่วหลันพบกับความทุกข์ทรมานก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

แสงสว่างพุ่งเข้าปิดกั้นวิสัยทัศน์ของนาง

 

ไห่ลั่วหลันค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น หลังจากสามารถปรับสายตา นางก็เห็นฟางหยวนยืนอยู่ด้านข้าง ขณะที่เทพธิดาเมี่ยวหยินและนางเสือดำกำลังต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม

 

‘ข้าปลอดภัยแล้ว’ ไห่ลั่วหลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

แต่ความสุขบนใบหน้าของนางก็หายไปอย่างรวดเร็ว

 

นางเป็นคนทะเยอทะยานและไร้ปรานี นางชำเลืองมองฟางหยวนก่อนจะจะนั่งไขว้ขาและรักษาอาการบาดเจ็บของตน

 

อาการบาดเจ็บของไห่ลั่วหลันรุนแรงมาก ชีวิตของนางกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย

 

ฟางหยวนไม่ได้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของนาง เขาไม่มีวิธีรักษาที่โดดเด่นนอกจากวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า

 

หากฟางหยวนได้รับบาดเจ็บ นอกจากวิญญาญอมตะบุรุษคนก่อนหน้า เขาจะเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลเพื่อพึ่งพาความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองของมัน

 

แต่สำหรับไห่ลั่วหลัน นางไม่สามารถใช้วิธีการเดียวกับฟางหยวน

 

การต่อสู้สิ้นสุดลงในไม่ช้า

 

เทพธิดาเมี่ยวหยินและนางเสือดำเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เมื่อพวกนางร่วมมือกันต่อสู้กับผู้อมตะระดับเจ็ด พวกนางจึงมีความได้เปรียบโดยธรรมชาติ

 

นอกจากนั้นฝ่ายตรงข้ามยังเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งค่ายกล เขาเชี่ยวชาญในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณแต่ไม่ชำนาญการต่อสู้ระยะประชิด

 

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือค่ายกลวิญญาณของเขาถูกทำลายไปแล้วโดยฟางหยวน นั่นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที

 

ด้วยวิธีนี้ผู้อมตระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งค่ายกลจึงเสียชีวิตลงอย่างรวดเร็ว

 

ผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งค่ายกลหาได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นฟางหยวนจึงเก็บศพของคนผู้นี้ไว้ในมิติช่องว่างของเขาและไม่ได้กลืนกินมันทันที

 

เขาเรียกอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกมา “ไป! เราจะไปเป็นกำลังเสริมให้ไป่หนิงปิง!”

 

ทุกคนตระหนักถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์ หากล่าช้าเพียงเล็กน้อย พวกเขาอาจถูกปิดล้อมโดยกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้

 

นี่เป็นเหตุผลที่ฟางหยวนไม่รีบกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งคายกลทันที

 

เมื่อพวกเขาพบไป่หนิงปิง การต่อสู้ก็จบลงแล้ว

 

สนามรบถูกเปลี่ยนเป็นโลกน้ำแข็ง

 

ไป่หนิงปิงในร่างไป่เซียงยืนอยู่บนยอดภูเขาน้ำแข็งด้วยความภาคภูมิใจ ขณะที่คู่ต่อสู้สามคนของนาง สองเสียงชีวิต และอีกหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

ไป่หนิงปิงชนะแบบหนึ่งต่อสาม!

 

“ไป่เซียง นี่คือท่าไม้ตายอมตะของไป่เซียง ท่าไม้ตายอมตะที่ครั้งหนึ่งเคยนำความหวาดกลัวมาสู่ภาคใต้ ผู้ใดจะคิดว่ามันจะปรากฏขึ้นอีกครั้งโดยไป่หนิงปิง!”

 

ผู้อมตะภาคใต้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อล่าถอย

 

แต่เมื่อเห็นอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินมาจากขอบฟ้า เขาก็รู้สึกสูญสิ้นความหวังทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่ได้ไล่ล่าเขาแต่รับไป่หนิงปิงและจากไปทันที

 

ตอนนี้พวกเขาต้องหลบหนี พวกเขาไม่สามารถเสียเวลาอันมีค่าไปกับการไล่จับผู้อมตะระดับเจ็ดผู้นี้

 

เนื่องจากคนผู้นี้สามารถหลบหนีจากความตายขณะที่พันธมิตรอีกสองคนเสียชีวิตไป ไม่ต้องสงสัยว่าเขาต้องมีวิธีการหลบหนีบางอย่างและมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฆ่าเขาในเวลาอันสั้น

 

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเปลี่ยนทิศทางและบินไปทางทะเลทรายตะวันตก

 

ไป่หนิงปิงยกเลิกท่าไม้ตายเปลี่ยนเป็นไป่เซียงและทรุดตัวลงบนแผ่นหลังของนกอินทรีย์

 

ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นไป่เซี่ยงทรงพลังมากแต่มันก็มีค่าใช้จ่ายมหาศาลเช่นกัน สำหรับไป่หนิงปิงในเวลานี้ มันเป็นภาระที่หนักหน่วงมาก

 

หากการต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ผู้อมตะภาคใต้จะมองเห็นจุดอ่อนนี้ในที่สุด

 

น่าเสียดายที่เขากลัวไป่เซียงมากเกินไป

 

ท่าไม้ตายนี้น่ากลัวในทุกด้าน ผู้ใช้งานสามารถฟื้นคืนชีพจากเศษชิ้นส่วนเพียงเล็กน้อย อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่มีวันตาย

 

เว้นเพียงบางคนจะสามารถทำลายไป่เซี่ยงได้อย่างสมบูรณ์ในครั้งเดียวและไม่ทิ้งเศษชิ้นส่วนแม้เพียงเล็กน้อยเอาไว้

 

ไป่หนิงปิงหมดสติทันทีหลังจากยกเลิกท่าไม้ตายนี้

 

หากฟางหยวนและคนอื่นๆไม่มาช่วยนาง นางอาจเสียชีวิตจากความเหนื่อยล้าทางจิตใจ โชคดีที่ฟางหยวนมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาและสามารถรักษาผลข้างเคียงของไป่หนิงปิง

 

เมื่อไป่หนิงปิงตื่นขึ้น อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็บินมาไกลกว่าแสนลี้เรียบร้อยแล้ว

 

“เจ้ามาช่วยข้าจริงๆงั้นหรือ?” ไป่หนิงปิงมองฟางหยวนและกล่าวด้วยความประหลาดใจ

 

ไป่หนิงปิงไม่เคยคิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวน

 

ไห่ลั่วหลันเคยสงสัยว่าฟางหยวนจะเสียสละนาง ไป่หนิงปิงก็เช่นเดียวกัน

 

ฟางหยวนชำเลืองมองไป่หนิงปิงอย่างไร้อารมณ์ “สถานการณ์ร้ายแรงกว่าที่เจ้าคิด เราทุกคนต่างถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบ นั่นเป็นเหตุผลที่ทุกคนถูกซุ่มโจมตีโดยผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้”

 

แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าที่สามารถตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนร่างของผู้อมตะ แต่เขาไม่รู้ว่าเดิมทีผู้อมตะเหล่านี้มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าอยู่มากน้อยเท่าใด

 

แม้ฟางหยวนจะรู้จำนวนตัวเลขของพลังงานแห่งเต๋าบนร่างของไห่ลั่วหลัน ไป่หนิงปิง และคนอื่นๆ มันก็ไร้ประโยชน์

 

อย่างไรก็ตามเขาสามารถบอกได้ว่าทุกคนถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายที่คล้ายคลึงกัน

 

“มันมาจากผู้อมตะภาคใต้งั้นหรือ? ฟางหยวน ตอนนี้เจ้าเป็นผู้นำนิกายเงาและได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง แต่กระทั่งเจ้าก็ยังไม่สามารถทำลายมันงั้นหรือ?” ไป่หนิงปิงถาม

 

“ข้าพยายามแล้ว” ฟางหยวนถอนหายใจ

 

เขาไม่ได้รับวิญญาณอมตะทั้งหมดของราชันภูเขาม่วง แม้เขาจะมีวิธีที่ดีหลายวิธีแต่ฟางหยวนก็ไม่สามารถใช้งานพวกมันโดยปราศจากวิญญาณอมตะ

 

สายตาของไห่ลั่วหลันสั่นไหวเมื่อได้ยินเรื่องนี้ นางต้องนึกไปถึงนิกายหลางหยา

 

หากมีวิญญาณอมตะไม่เพียงพอ พวกเขาสามารถหลอมรวมมัน นางรู้ความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับนิกายหลางหยา

 

ฟางหยวนสามารถขอความช่วยเหลือจากความสัมพันธ์นี้

 

ในความเป็นจริงฟางหยวนต้องการทำเช่นกัน

 

ก่อนหน้านี้เขาได้ติดต่อผมที่หกไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตามผมที่หกไม่ยอมรับสถานะของฟางหยวน เขาสงสัยแรงจูงใจของฟางหยวนและขอให้ฟางหยวนช่วยอิงอู๋เซี่ยเป็นอันดับแรก ท้ายที่สุดร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณก็เหลือเพียงสองคนเท่านั้น

 

แต่อิงอู๋เซี่ยและเทพธิดากระต่ายข่าวอยู่ในมิติช่องว่างของเทพธิดาเมี่ยวหยิน

 

นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฟางหยวนต้องกลับไปช่วยพวกนาง

 

ผมที่หกไม่ให้ความร่วมมือ ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องติดต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนมีความสุขก็คือจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่เย็นชาเหมือนก่อนหน้า ฟางหยวนสามารถใช้แต้มผลงานและขอให้นิกายหลางหยาหลอมรวมวิญญาณให้เขา

 

ฟางหยวนมอบมรดกบางส่วนของราชันภูเขาม่วงให้นิกายหลางหยาเพื่อแลกกับแต้มผลงานก่อนจะขอให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาช่วยหลอมรวมวิญญาณที่เขาต้องการ

 

แม้นิกายหลางหยาจะเริ่มหลอมรวมวิญญาณให้ฟางหยวน แต่มันยังต้องใช้เวลา

 

“สถานการณ์ซับซ้อนมาก ข้าสงสัยว่าวังสวรรค์ร่วมมือกับผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้เพื่อกำจัดพวกเรา วังสวรรค์กำลังใช้ผู้อมตะภาคใต้เป็นเครื่องมือ แต่พวกเขาจะไม่เพียงเฝ้ามองอยู่ข้างสนามรบ นอกจากผู้อมตะภาคใต้ เรายังต้องระวังผู้อมตะจากวังสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่และหาโอกาสซุ่มโจมตีพวกเรา” ฟางหยวนกล่าวอย่างจริงจัง

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset