มันอยู่ในรูปลักษณ์ของแรดขนาดเท่าฝ่ามือของฟางหยวน
ฟางหยวนรู้สึกถึงน้ำหนักของมัน
มันคือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งกฎ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้!
วิญญาณอมตะเป็นกำไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวนในการเดินทางครั้งนี้
ด้วยสถานะผู้นำนิกายเงา ฟางหยวนสามารถปรับแต่งมันได้อย่างง่ายดาย
สำหรับวิญญาณอมตะอีกดวง มันเป็นวิญญาณอมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปฐพีที่เรียกว่าทรายเหลือง
วิญญาณอมตะระดับเจ็ดจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และวิญญาณอมตะระดับหกทรายเหลืองรวมถึงวิญญาณระดับมนุษย์อีกมากมายเรียงตัวเป็นค่ายกลวิญญาณสายป้องกัน
เมื่อฟางหยวนเก็บวิญญาณทั้งหมดเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ค่ายกลวิญญาณจึงพังทลายลง
ฟางหยวนเพ่งจิตเข้าไปในเมืองศพ
ภายในคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์หลังนี้มีทรัพยากรอมตะอยู่มากมาย
สิ่งล้ำค่าที่สุดคือความกล้าหาญของจันทราศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดที่ก่อตัวเป็นดวงจันทร์ลอยอยู่กลางอากาศมานับหมื่นปี
สิ่งนี้ไม่สามารถประเมินค่า
เพราะมันหายากมาก กระทั่งผู้อมตะระดับแปดส่วนใหญ่ก็ไม่เคยพบเห็น
ทรัพยากรที่มีมากที่สุดคือทรัพยากรอมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งไม้ มันถือกำเนิดขึ้นในทะเลทรายผีดุ
“นี่แสดงให้เห็นถึงรากฐานที่ยิ่งใหญ่ของนิกายเงา!”
“น่าเสียดาย เพื่อหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะ พวกเขาลงทุนไปมาก หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน กองกำลังที่เหลืออยู่ของพวกเขาตกเป็นเป้าหมายของเจตจำนงสวรรค์รวมถึงข้า”
ฟางหยวนลอบถอนหายใจ
อิงอู๋เซี่ยไปเยี่ยมสาขาอื่นมาแล้วไม่ว่าจะเป็นภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้
เหลือเพียงทรัพยากรของทะเลทรายตะวันตกเท่านั้นที่ตกอยู่ในมือของฟางหยวน
นี่คือโชคลาภชิ้นสุดท้ายที่นิกายเงามี
ในถ้ำใต้พิภพเทพธิดาเมี่ยวหยินและฟางหยวนรออยู่ชั่วครู่
หลังจากไม่นานหญิงชุดคลุมขาวก็เดินเข้ามา นางก็คือเทพธิดามังกรไป่หนิงปิง
นางจับเชลยเอาไว้ในมือด้วยการแสดงออกที่เย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็ง
เชลยผู้นี้ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากเทพธิดาซุ้ยป๋อ
ตอนนี้นางกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็ง ดวงตาของนางปิดสนิท ร่างกายของนางไม่สามารถขยับเขยื้อน
ไป่หนิงปิงจับเทพธิดาซุ้ยป๋อที่ยังมีชีวิตอยู่
ผลลัพธ์นี้ทำให้เทพธิดาเมี่ยวหยินรู้สึกยกย่องไป่หนิงปิงขณะที่ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
แม้ไป่หนิงปิงจะเป็นผู้อมตะระดับหกแต่นางครอบครองพลังการต่อสู้ระดับเจ็ดที่แท้จริง
สุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืดช่วยสนับสนุนมรดกที่แท้จริงไป่เซียงให้สามารถแสดงประสิทธิภาพสูงขึ้นอีกหลายเท่า
สิ่งสำคัญที่สุดคือไป่หนิงปิงไม่กลัวตาย นางเป็นคนที่มีความสามารถอย่างไม่น่าเชื่อ
ย้อนกลับไปที่ภาคใต้ นางต่อสู้กับผู้อมตะระดับเจ็ดสามคนพร้อมกันและนางยังสามารถสังหารสองคนขณะที่คนสุดท้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ผลลัพธ์นี้น่าเหลือเชื่อมาก ตอนนี้นางเป็นรองเพียงฟางหยวนเท่านั้น
‘แม้เราจะสามารถจับกุมเทพธิดาซุ้ยป๋อ แต่ข้าไม่จำเป็นต้องรีบร้อนกลืนกินมิติช่องว่างของนาง’ ฟางหยวนคิด
ประการแรก สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยปราณพิภพแต่ปราศจากปราณสวรรค์ มันไม่เหมาะที่จะวางมิติช่องว่างลง
ก่อนหน้านี้ยุงอสูรกลายเป็นทราย ทั้งมิติช่องว่างและซากศพของเขาไม่มีค่าอีกต่อไป
ตอนนี้ฟางหยวนยังไม่หิว มันยังไม่ถึงเวลาให้อาหารร่างทารกอมตะ
สิ่งสำคัญที่สุดคือเทพธิดาซุ้ยป๋อเกี่ยวข้องกับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง ฟางหยวนสามารถใช้นางเพื่อต่อต้านแผนการของเจตจำนงสวรรค์
“เมื่อเจ้าเป็นคนจับนาง เจ้าสามารถเก็บนางไว้ในมิติช่องว่างของเจ้า” ฟางหยวนกล่าวกับไป่หนิงปิง
ไป่หนิงปิงพยักหน้า
นางไม่สามารถหันหลังกลับ ตอนนี้นางถูกไล่ล่าโดยวังสวรรค์และผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ นางยังต้องการความช่วยเหลือจากนิกายเงาเพื่อหลอมรวมวิญญาณ
ไห่ลั่วหลันกลับมาแล้วเช่นกัน
มีร่องรอยของเลือดติดอยู่บนร่างของนาง “เด็กชายขนนกถูกเผ่าเป็นเถ่าถ่าน มิติช่องว่างของเขาถูกทำลายเช่นกัน นอกจากนี้การต่อสู้ยังดึงดูดกลุ่มผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตก แต่ข้าไม่ได้ต่อสู้กับพวกเขาและกลับมาทันที กลิ่นอายของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ธรรมดา”
ฟางหยวนพยักหน้า
แม้ไห่ลั่วหลันจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะได้ไม่นาน แต่นางมีความเข้าใจและสัญชาตญาณที่เฉียบคมมาก
การประเมินของนางไม่ควรผิดพลาด กลุ่มผู้อมตะเหล่านั้นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริง
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก
กองกำลังพันธมิตรผีดิบของทะเลทรายตะวันตกเคยเป็นกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ เป็นเรื่องปกติที่ผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกจะออกค้นหาสมบัติที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นอกจากนั้นอย่าลืมว่าเจตจำนงสรรค์อยู่ที่นี่และพยายามสร้างปัญหาให้กับพวกเขา
“เราจะไปเดี๋ยวนี้” ฟางหยวนกล่าวแต่ในจังหวะนี้สามร่างกลับปรากฎขึ้นจากด้านซ้าย ด้านขวา และด้านบน
“สหาย พวกเจ้ากำลังฝันไปหากต้องการออกจากที่นี่หลังจากได้รับมรดกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบ” ผู้อมตะที่ดูอ่อนเยาว์และมีขนสีรุ้งจากด้านซ้ายหัวเราะ
เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งทาส เทพไก่ฟ้า
“พวกเจ้าสามารถจากไปแต่พวกเจ้าต้องทิ้งมรดกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบไว้ให้พวกเรา” ผู้อมตะหญิงในชุดคลุมโบราณสีขาวและปิดใบหน้าไว้ด้วยม่านผ้ากล่าว
นางเป็นหญิงงามที่มีชื่อเสียงของทะเลทรายตะวันตก สถานะของนางเทียบเท่ากับเฉียวซื่อหลิวและเทพธิดาเมี่ยวหยิน นางถูกเรียกว่า เทพธิดาอูฐ
ด้านขวาคือผู้อมตะชายที่มีเคราและเปลือยหน้าอก เขามีผิวสีทองแดงและดูทรงพลังมาก
เขามาจากตระกูลตงซึ่งเป็นหนึ่งในกองกำลังใหญ่ของทะเลทรายตะวันตก
ตงลี่เฟิง ผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งวายุที่มีความสามารถในการตรวจสอบ
‘ภาคใต้สอง ภาคเหนือหนึ่ง และทะเลทรายตะวันตกอีกหนึ่ง เหตุใดพวกเขาถึงสามารถรวมกลุ่ม?’ ตงลี่เฟิงขมวดคิ้ว
ฟางหยวนมีร่างทารกอมตะที่สามารถเปลี่ยนกลิ่นอาย ตอนนี้เขากลายเป็นผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกไปแล้ว ไห่ลั่วหลันเป็นผู้อมตะภาคเหนือ ขณะที่ไป่หนิงปิงและเทพธิดาเมี่ยวหยินเป็นผู้อมตะภาคใต้
ผู้อมตะต่างภูมิภาคมักจะถูกต่อต้าน
นอกจากทะเลตะวันออก ผู้อมตะอีกสี่ภูมิภาคมักเกลียดชังบุคคลภายนอก เมื่อพวกเขาพบคนต่างถิ่น พวกเขามักจะต่อสู้
ไม่ว่าจะเป็นเทพไก่ฟ้า เทพธิดาอูฐ หรือตงลี่เฟิง พวกเขาต่างแสดงออกด้วยความรังเกียจ
สิ่งสำคัญคือกลุ่มของฟางหยวนได้รับมรดกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบที่พวกเขาต้องการ
“พวกเขามาจากภูมิภาคอื่น พวกเราควรละทิ้งความขัดแย้งและร่วมมือกันกำจัดคนนอกก่อน!”
“ถูกต้อง มรดกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบแห่งทะเลทรายตะวันตกเป็นของคนท้องถิ่น แต่ตอนนี้คนนอกกลับขโมยสมบัติของพวกเรา!”
“ส่งมรดกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบมาแล้วพวกเราจะไว้ชีวิตพวกเจ้า!”
ผู้อมตะทั้งสามลอบสื่อสารกันและตะโกน
“ระวัง สองคนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด อีกสองเป็นผู้อมตะระดับหก”
“สองผู้อมตะระดับหกไม่ธรรมดา กลิ่นอายของพวกเขาแปลกมาก”
“เจ้าหนูระดับเจ็ดผู้นั้นดูค่อนข้างคุ้นเคย ข้าเคยเห็นเขาจากที่ใด…หือ!?”
รูม่านตาของตงลี่เฟิงหดเล็กลงขณะที่เขาตระหนักถึงอัตลักษณ์ของฟางหยวน
ฟางหยวนอยู่ในร่างจริงของเขา เนื่องจากเขาถูกติดตามตัวตลอดเวลาขณะที่ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยต้องใช้พลังงานอมตะและพลังจิต ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหยุดปกปิดตัวตนเพราะมันไร้ประโยชน์
‘เขาคือหลิวกวนซื่อ!’ ตงลี่เฟิงคิดด้วยความตกใจและเร่งล่าถอยทันที
เขาหมุนตัวและจากไปอย่างรวดเร็ว
เทพธิดาอูฐและเทพไก่ฟ้าตะลึง
เกิดสิ่งใดขึ้น?
ก่อนหน้านี้พวกเขายังเต็มไปด้วยความมั่นใจและตั้งใจที่จะต่อสู้ พวกเขากระทั่งวางกลยุทธ์ในการต่อสู้เรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้ตงลี่เฟิงกลับหลบหนีไปอย่างกะทันหัน?
เขาถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายที่แปลกประหลาดจากศัตรูหรือไม่?
หรือ..เขาถอยด้วยความตั้งใจของตนเอง?
“เดี๋ยว!” การแสดงออกของเทพธิดาอูฐเปลี่ยนไปในเวลานี้ นางตระหนักถึงตัวตนของหลิวกวนซื่อในที่สุด
หลังการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ชื่อเสียงของหลิวกวนซื่อกระจายไปทั้งห้าภูมิภาค รูปลักษณ์ของเขาเป็นที่รู้จักของผู้อมตะทั้งหมด
ภาคเหนือได้รับข้อมูลมากที่สุดขณะที่ภาคกลางก็รู้มากเพราะวังสวรรค์มีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนั้น
สำหรับอีกสามภูมิภาค บางคนรู้รายละเอียดเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของหลิวกวนซื่อ แต่บางคนเพียงได้ยินเรื่องเล่าเท่านั้น
ในความคิดของพวกเขาหลิวกวนซื่อเป็นผู้อมตะของภาคเหนือ เขาไม่ได้อยู่ในภูมิภาคเดียวกับพวกเขา
เช่นเดียวกับก่อนหน้าที่เทพธิดาซุ้ยป๋อไม่รู้จักฟางหยวนและจบลงด้วยการตกเป็นเชลย
เทพธิดาอูฐอ้าปากค้าง
เหตุใดนางต้องอยู่ต่อ?
นางหลบหนีทันที!
หลิวกวนซื่อสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด แล้วนางจะต่อสู้กับคนเช่นนี้ได้อย่างไร? การหาเรื่องเขาก็คือการรนหาที่ตาย!
ในเวลาเดียวกันเทพธิดาอูฐก็ก่นด่าตงลี่เฟิงอยู่ในใจ เขาวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่แจ้งเตือนคนอื่นๆแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามหากเป็นเทพธิดาอูฐที่ค้นพบตัวตนของฟางหยวนเป็นคนแรก นางก็จะทำเช่นเดียวกับตงลี่เฟิง
ในการหลบหนี นอกจากพวกเขาต้องรวดเร็วกว่าศัตรู สิ่งสำคัญอีกประการก็คือพวกเขาต้องรวดเร็วกว่าพันธมิตร
เทพไก่ฟ้ามึนงง
เทพธิดาอูฐหลบหนีไปด้วย!?
โอ้ ไม่!
เทพไก่ฟ้ารู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ แม้เขาจะไม่เข้าใจ แต่ด้วยประสบการณ์ชีวิต เขาสามารถตอบสนองทันที
ร่างของเขาสั่นสะท้านขึ้นขณะที่เขาบินออกไปราวกับสายฟ้า เขากระทั่งรวดเร็วกว่าเทพธิดาอูฐผู้งดงาม
ก่อนที่ฟางหยวนจะทำสิ่งใด ผู้อมตะระดับเจ็ดทั้งสามของทะเลทรายตะวันตกก็หลบหนีไปแล้วด้วยความหวาดกลัวเรียบร้อยแล้ว
ฟางหยวนมองขึ้นไปด้านบนและหัวเราะเย้ยหยัน
แม้เจตจำนงสวรรค์จะวางแผนไว้ แล้วอย่างไร?
ตราบเท่าที่ฟางหยวนแข็งแกร่งพอ ไม่ว่าผู้ใดจะถูกปั่นหัว สัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของพวกเขาก็จะเข้าแทนที่ในช่วงเวลาสำคัญ
ก่อนหน้านี้เขาต้องหลบหนีไปรอบๆภาคใต้ นั่นเป็นเพราะศัตรูของเขาแข็งแกร่งเกินไป
แต่ในความเป็นจริงผู้อมตะระดับเจ็ดทั่วไปไม่สามารถเผชิญหน้ากับฟางหยวนได้โดยตรง!