ผมสีดำหยักศกไหลลงมาที่ไหล่ของเขา
ด้วยริมฝีปากที่คมเหมือนใบมีด เขาแสดงออกอย่างเย็นชา
มันคือดวงวิญญาณของอิงอู๋เซี่ย
ตอนนี้ดวงวิญญาณของเขาออกจากร่างกายาแห่งความฝันแล้วและกำลังลอยอยู่ในอากาศ
“ร่างนี้?” อิงอู๋เซี่ยขมวดคิ้วมองโลงศพน้ำแข็งที่อยู่ข้างหน้า
โลงศพน้ำแข็งปลดปล่อยพลังงานความเย็นออกมาตลอดเวลา มันโปร่งแสงเหมือนคริสตัลและกำลังผนึกร่างของผู้อมตะเอาไว้ภายใน
ร่างกายของนางมีขนาดเล็ก นางเหมือนเด็กหญิงตัวน้อยที่สวมชุดคลุมสีเขียวลายดอกไม้พร้อมกับตุ้มหูไข่มุกที่มีระลอกคลื่นอยู่ภายใน
ไป่หนิงปิงผนึกนางไว้ในโลงศพน้ำแข็ง กระทั่งความคิดของนางก็ถูกแช่แข็ง กล่าวได้ว่าชีวิตของนางอยู่ในกำมือของพวกเขา
ผู้อมตะหญิงผู้นี้ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกที่ขาดความรู้และไม่สามารถหลบหนีจากฟางหยวน สุดท้ายจึงถูกจับโดยไป่หนิงปิง เทพธิดาซุ้ยป๋อ
เมื่อเห็นความลังเลของอิงอู๋เซี่ย ฟางหยวนเร่งกระตุ้น “ในสถานการณ์นี้เราจะหาร่างอื่นที่เหมาะสมกับเจ้าได้อย่างไร? ใช้ร่างนี้ไปก่อน”
อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า “เห้อ…นี่เป็นวิธีเดียว มาเริ่มกันเถอะ”
ฟางหยวนโบกมือขวาและส่งวิญญาณอมตะระดับเจ็ดออกไป
วิญญาณอมตะดวงนี้เหมือนไข่หงส์ที่โปร่งแสง มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่เย็นเยียบออกมา
แต่ความหนาวเย็นนี้แตกต่างจากโลงศพน้ำแข็งเพราะมันส่งผลกระทบต่อจิตวิญญาณโดยตรง
ดวงวิญญาณของอิงอู๋เซี่ยสั่นสะท้านขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมเมื่อวิญญาณอมตะดวงนี้ปรากฏขึ้น
อีกด้านหนึ่งไป่หนิงปิงเฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆด้วยความสนใจ
‘นี่คือวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณงั้นหรือ?’ ไป่หนิงปิงคิดกับตนเอง
มันคือวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณจริงๆ
วิญญาณอมตะดวงนี้มีประวัติศาสตร์ที่ค่อนข้างซับซ้อน
แรกเริ่มมันถูกหลอมรวมขึ้นมาโดยร่างแยกรุ่นแรกของเทพปีศาจจิตวิญาณ สีเขียว
จากนั้นมันถูกส่งต่อไปยังเทพธิดาโม่เหยาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ
เพื่อช่วยคนรักของนาง เทพธิดาโม่เหยาใช้มันเพื่อสลับดวงวิญญาณของนางกับโป้ชิง
ดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ของโป้ชิงซ่อนตัวอยู่ในถ้ำนรกใต้พิภพของภาคกลาง นิกายเงาพยายามรักษาเขา แต่อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงเกินไป สุดท้ายเขาถูกจับโดยวังสวรรค์
ในเวลาเดียวกันดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ของเทพธิดาโม่เหยาถูกทิ้งไว้ในร่างของผีดิบอมตะโป้ชิงพร้อมกับวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณและวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบทั้งหมดของโป้ชิง
หลังจากฟางหยวนไปที่น้ำตกสวรรค์ เขาได้รับวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณดวงนี้
แม้ฟางหยวนจะใช้แสงแห่งปัญญาช่วยปรับแต่งมันแต่เขาก็ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับมัน
เพียงเมื่อเจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาวชี้นำ ฟางหยวนจึงสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนวิญญาณ
ฟางหยวนสลับร่างกับอิงอู๋เซี่ยและประสบความสำเร็จในการยึดครองร่างทารกอมตะ
อาจกล่าวได้ว่าฟางหยวนสามารถพลิกสถานการณ์บนภูเขาอี้เทียนได้เพราะวิญญาณอมตะดวงนี้
ตอนนี้มันถูกใช้งานอีกครั้ง แต่คราวนี้ฟางหยวนไม่ได้ใช้มันจัดการนิกายเงา ตรงข้ามเขาใช้มันเพื่อช่วยนิกายเงา
เหตุการณ์ในชีวิตของผู้คนมักคาดไม่ถึงเสมอ
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าฟางหยวนหรือนิกายเงา พวกเขาไม่เคยคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้
ภายใต้พลังอำนาจของวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณ ดวงวิญญาณของอิงอู๋เซี่ยจึงถูกสลับกับดวงวิญญาณของเทพธิดาซุ้ยป๋อ
“พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใด? พวกเจ้าทำสิ่งใดกับข้า?” ดวงวิญญาณของเทพธิดาซุ้ยป๋อออกจากร่างในโลงศพน้ำแข็งและกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
แม้จะไม่มีร่างกายแต่ดวงวิญญาณของนางยังสามารถกรีดร้อง แต่มนุษย์ทั่วไปไม่สามารถได้ยิน
แน่นอนว่าฟางหยวนเข้าใจ
เขามีวิญญาณที่สามารถฟังเสียงของดวงวิญญาณ
ฟางหยวนหัวเราะและโบกมือเบาๆไปที่ดวงวิญญาณของเทพธิดาซุ้ยป๋อ
ดวงวิญญาณของนางไม่สามารถต่อต้านและถูกดึงเข้าไปในมือของฟางหยวน
“ไม่!” นางกรีดร้องเสียงแหลม
ในเวลาต่อมานางก็ถูกนำเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ไป่หนิงปิงค้นวิญญาณของนางมาแล้วและไม่มีความลับเหลืออยู่ แต่ดวงวิญญาณของนางยังสามารถใช้งาน
นางมีประโยชน์ต่อภูเขาตงฮัน
ยิ่งเป็นผู้อมตะระดับสูงเท่าใด มันก็ยิ่งมีประโยชน์ต่อภูเขาตงฮันมากเท่านั้น
ต้องขอบคุณมรดกของราชันภูเขาม่วงที่ทำให้ฟางหยวนมีวิธีการบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณมากมาย หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนดวงวิญญาณของผู้อมตะให้เป็นอสูรวิญญาณร่างมนุษย์
ดวงวิญญาณของผู้อมตะหญิงระดับเจ็ดซุ้ยป๋อจะกลายเป็นอสูรวิญญาณระดับสัตว์อสูรบรรพกาล
ด้วยการเปลี่ยนนางให้เป็นอสูรวิญญาณ นางจะเชื่อฟังและภักดีต่อฟางหยวนโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งทาสใดๆ
หลังจากกลายเป็นผู้นำนิกายเงา ฟางหยวนได้เรียนรู้ท่าไม้ตายมากมายที่มีประโยชน์
แต่ตอนนี้ฟางหยวนกำลังเผชิญหน้ากับการไล่ล่าของศัตรู เขาไม่มีเวลาเรียนรู้พวกมัน
หลังจากนั้นไป่หนิงปิงก็ปลดผนึกโลงศพน้ำแข็งและปล่อยร่างของเทพธิดาซุ้ยป๋อออกมา
หรือกล่าวให้ถูกต้องก็คืออิงอู๋เซี่ยในร่างของเทพธิดาซุ้ยป๋อ
“หนาวมาก” อิงอู๋เซี่ยพึมพำ ร่างของเขายังถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง
ไป่หนิงปิงโบกมือเบาๆและทำให้ชั้นน้ำแข็งบนร่างของอิงอู๋เซี่ยหายไป
อิงอู๋เซี่ยแสดงความขอบคุณก่อนจะรับวิญญาณจำนวนมากจากฟางหยวน
“ท่านยังต้องการให้ข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันอีกงั้นหรือ?” อิงอู๋เซี่ยเห็นวิญญาณเหล่านี้และรู้สึกประหลาดใจ
“เก็บพวกมันไว้ ข้าเข้าใจท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันแล้ว ท่าไม้ตายนี้ซับซ้อนเกินไป ข้าไม่สามารถควบคุมมันได้ในเวลาอันสั้น เราถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของวังสวรรค์ เราต้องการความแข็งแกร่งของเจ้า!” ฟางหยวนกล่าวอย่างช้าๆ
อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้นขณะที่เขากำหมัดแน่น “ท่านผู้นำกล่าวได้ถูกต้อง ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”
ไป่หนิงปิงมองด้วยความสงสัย
แม้อิงอู๋เซี่ยจะสามารถเรียกขวัญกำลังใจของตนกลับคืน แต่บุคลิกของเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนไป
ฟางหยวนพยักหน้า เขาเข้าใจเรื่องนี้
ท่าไม้ตายอมตะจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พุ่งทะยานเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งปัญญาเกี่ยวข้องกับความคิด เจตจำนง และอารมณ์ความรู้สึก สิ่งนี้ทำให้บุคลิกของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย นี่เป็นเรื่องปกติ
“ท่านผู้นำ เราจะทำอย่างไรต่อไป? โปรดออกคำสั่ง!”
“แม้เราจะโจมตีวังสวรรค์ ข้าก็จะตามท่านไป!”
“บัดซบ! พวกวายร้ายฝ่ายธรรมะ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!”
อิงอู๋เซี่ยกล่าวด้วยความตื่นเต้นและทำให้หน้าอกที่ใหญ่โตของนางเด้งขึ้นลงอย่างดุเดือด
ฟางหยวนไต่รตรอง ‘วังสวรรค์เป็นปัญหาใหญ่ พวกเขารู้ข้อมูลของเราและจะส่งผู้อมตะที่แข็งแกร่งออกมาไล่ล่าพวกเราอย่างแน่นอน’
ฟางหยวนคิดเรื่องนี้และขมวดคิ้ว
เขานึกถึงฟงจิวเก้อ
ฟงจิวเก้อกล่าวว่าเขากำลังไล่ล่าวิญญาณอมตะที่เกี่ยวข้องกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์
แต่การพบกันของพวกเขาบังเอิญเกินไป
ฟงจิวเก้อเป็นแผนสำรองของวังสวรรค์หรือไม่?
เหมือนใช่และไม่ใช่
ฟางหยวนคิดต่อ ‘หากข้าเป็นวังสวรรค์ ข้าจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อกำจัดกองกำลังที่เหลืออยู่ของนิกายเงา การส่งฟงจิวเก้อมาไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีที่สุด’
ฟางหยวนไม่เข้าใจสิ่งนี้
มีโอกาสน้อยที่วังสวรรค์จะทำเรื่องผิดพลาด
วังสวรรค์ต้องการกวาดล้างนิกายเงาและใช้วิธีที่รุนแรงที่สุดเสมอ ครั้งแรกคือบนภูเขาอี้เทียนและครั้งที่สองคือการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน
การต่อสู้ทั้งสองครั้งทำให้นิกายเงาพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
‘วังสวรรค์ทำพลาดงั้นหรือ? ไม่ บางทีอาจมีบางสิ่งที่ข้าไม่รู้’ ฟางหยวนคิด
ในเวลาเดียวกัน มีบางคนพุ่งออกมาจากกำแพงภูมิภาคและมาถึงทะเลทรายตะวันตก
เขาก็คือฟงจิวเก้อ!
‘ผู้อมตะระดับแปดสามารถข้ามผ่านกำแพงภูมิภาคได้ง่ายขึ้นในเวลานี้’ ฟงจิวเก้อมองกลับไปด้านหลัง
วังสวรรค์ส่งผู้อมตะระดับแปดสองคนไปยังภาคใต้เพื่อหยุดการต่อสู้ระหว่างฟงจิวเก้อและวูหยง
วังสวรรค์ส่งคืนวิญญาณอมตะของฝ่ายธรรมะภาคใต้ขณะที่วูหยงได้รับบาดเจ็บ นั่นทำให้เขายอมรับผลลัพธ์นี้และจากไป
“ฟงจิวเก้อ เจ้าสาบานตนแล้ว จากนี้ไปจงไล่ล่าฟางหยวนและนิกายเงา”
“วังสวรรค์ให้เจ้ายืมวิญญาณอมตะระดับแปดเหล่านี้ ในอนาคตเจ้าจะสามารถเผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปดได้ง่ายขึ้น”
“แต่สำหรับฟางหยวน เจ้าต้องระวังสิ่งหนึ่ง” ผู้อมตะระดับแปดเตือนฟงจิวเก้อ
ฟงจิวเก้อถาม “หมายความว่าอย่างไร?”
ผู้อมตะระดับแปดกล่าวด้วยดวงตามืดครึ้ม “ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์ เขาต้องถูกกำจัด แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย”
“ฟางหยวนมีวิญญาณกาลเวลาและตอนนี้เขากลายเป็นผู้นำนิกายเงา เขาจะมุ่งหน้าไปยังสายธารแห่งกาลเวลาและรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงอย่างแน่นอน”
“มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงถูกซ่อนไว้ที่นั่น”
“ไล่ล่าฟางหยวนและบังคับให้เขาค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงก่อนจะกำจัดเขาและนำมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงกลับมา”
ดวงตาของฟงจิวเก้อส่องประกายขึ้น เขาเข้าใจเป้าหมายที่แท้จริงของวังสวรรค์ในที่สุด
“ฟางหยวน มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง…”
ฟงจิวเก้อพึมพำขณะที่บินข้ามผ่านท้องฟ้าและมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่ฟางหยวนซ่อนตัวอยู่