ภายใต้ผลกระทบของท่าไม้ตายอมตะทาสแห่งชัยชนะทำให้รูปแบบชีวิตที่พ่ายแพ้ต่อฟางหยวนตกเป็นทาสของเขา มีโอกาสสูงที่พวกมันจะถูกสะกดข่ม
แกนกลางของท่าไม้ตายนี้คือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดดวงใหม่ที่ฟางหยวนพึ่งได้รับมา จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ มันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎ
ท่าไม้ตายอมตะทาสแห่งชัยชนะถูกสร้างขึ้นโดยผีดิบอมตะต้าลี่
ผีดิบอมตะต้าลี่เป็นร่างแยกรุ่นที่สองของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งปัญญา เขามีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง
อย่างไรก็ตามหลังจากผู้อมตะลึกลับที่มีสัญลักษณ์รูปดอกบัวอยู่กลางหน้าผากปรากฏตัวและต่อสู้กับเขา เขาพ่ายแพ้และถูกผนึกไว้โดยคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล
นี่คือที่มาของท่าไม้ตายอมตะทาสแห่งชัยชนะ มันเป็นท่าไม้ตายที่ผสมผสานระหว่างเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งปัญญา
ฟางหยวนได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง ดังนั้นเขาจึงได้เรียนรู้ท่าไม้ตายนี้
แน่นอนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้งานมัน
อย่างไรก็ตามฟางหยวนเตรียมตัวมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงใช้มันได้อย่างราบรื่น
ท่าไม้ตายอมตะส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้งานได้โดยไม่ฝึกซ้อม มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นการทำร้ายตนเอง
ฟางหยวนรู้ว่าวังสวรรค์กำลังไล่ล่าพวกเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องเตรียมความพร้อมเอาไว้ล่วงหน้า
แม้ฟางหยวนจะอัญเชิญอสูรปีออกมามากมาย แต่มันยังมีข้อบกพร่อง พวกมันจะไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อฟางหยวน หากศัตรูแข็งแกร่งเกินไป พวกมันจะล่าถอยทันที
สิ่งนี้แตกต่างจากการอัญเชิญอสูรวิญญาณ
อสูรวิญญาณที่ถูกอัญเชิญมาโดยสมาชิกนิกายเงาอยู่ภายใต้การควบคุมของเทพปีศาจจิตวิญญาณ พวกมันจะต่อสู้โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตนเองเพื่อคนที่อัญเชิญพวกมันออกมา
ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีของไห่ฟานเป็นวิธีการบนเส้นทางแห่งกาลเวลา นอกจากนั้นเขายังด้อยกว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณ
แน่นอนว่าประสิทธิภาพในการอัญเชิญอสูรปีของเขาก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับการอัญเชิญอสูรวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญาณ
แต่โดยรวมแล้วมันยังมีประโยชน์มาก
ด้วยการใช้วิญญาณอมตะระดับแปดปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ มันสามารถอัญเชิญกองทัพอสูรปี จำนวนมากเพื่อสร้างความได้เปรียบ เว้นเพียงศัตรูจะเป็นตัวตนเช่นฟงจิวเก้อหรือผู้อมตะระดับแปด
แต่ในโลกของผู้อมตะ ตัวตนเช่นฟงจิวเก้อและผู้อมตะระดับแปดมีอยู่กี่คน?
“ปัง ปัง ปัง…”
กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนตบอสูรปีที่กำลังล่าถอยลงสู่พื้น
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังอำนาจของฟงจิวเก้อ อสูรปีเหล่านี้ต้องการล่าถอยกลับสู่สายธารแห่งกาลเวลา
แต่ฟางหยวนไม่อนุญาตให้พวกมันหลบหนี เขาใช้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนกำหราบและทำให้พวกมันตกเป็นทาสของเขา
แม้บางส่วนยังพยายามต่อต้าน แต่ฟางหยวนก็ใช้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนตบพวกมันอีกครั้ง
“ปัง ปัง ปัง…”
ด้วยการตบหลายครั้ง อสูรปีเหล่านี้จึงอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนักโดยเฉพาะเมื่อพวกมันได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของฟงจิวเก้อมาก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังมีทาสอสูรปีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เขาเก็บอสูรปีที่ได้รับบาดเจ็บเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
กระทั่งอสูรปีจะตายเพราะการโจมตีที่รุนแรงเกินไป พวกมันก็ถือเป็นทรัพยากรอมตะระดับหกและระดับเจ็ด
แน่นอนว่าฟางหยวนจะไม่ปล่อยพวกมันไป
ในสนามรบ ฟงจิวเก้อสามารถกำจัดอสูรปีได้อย่างง่ายดาย ขณะที่ฟางหยวนยังอัญเชิญอสูรปีออกมาอย่างต่อเนื่อง
นี่ทำให้ฟางหยวนสามารถจับอสูรปีและเก็บไว้ในมิติช่องว่างของเขาได้เป็นจำนวนมาก
‘ด้วยอัตรานี้ ข้าจะสามารถรวบรวอสูรปีได้หลายร้อยตัวอย่างรวดเร็ว’ ฟางหยวนรู้สึกมีความสุข
แม้เขาจะไม่สามารถขายอสูรปีในสวรรค์สีเหลือง แต่เขายังสามารถเก็บพวกมันไว้ใช้งาน
‘อย่างไรก็ตาม…ด้วยรากฐานด้านจิตวิญญาณของข้า ข้าสามารถสะกดข่มอสูรปีได้ประมาณหนึ่งร้อยตัวเท่านั้น’ ฟางหยวนประเมิน
รากฐานด้านจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่ง แต่อย่าลืมว่าเขามีฝูงอินทรีย์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอยู่แล้วจำนวนหนึ่ง
‘ข้าควรขายอินทรีย์เหล่านี้ออกไปหรือไม่?’ ฟางหยวนลังเล แต่ในเวลานี้ร่างกายของเขากลับสั่นสะท้านขึ้น
กลิ่นอายที่ทรงพลังปะทุออกมาจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่อยู่ข้างหลังเขา
‘อสูรปีแรกกำเนิด! มันถูกดึงดูดมาที่นี่โดยวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ!’ ฟางหยวนเข้าใจทันที
ฟางหยวนไม่ได้เก็บวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำไว้ในมิติช่องว่างของเขา ดังนั้นวิญญาณอมตะดวงนี้จึงดึงดูดอสูรปีแรกกำเนิดมาที่นี่
หลังจากสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอสูรปีแรกกำเนิด อสูรปีในสนามรบก็เริ่มคลั่ง พวกมันกล้าหาญมากขึ้น
ฟงจิวเก้อรู้สึกถึงแรงกดดันและความยากลำบากที่เพิ่มสูงขึ้น
เป็นเพียงเวลานี้ที่กรงเล็กพยัคฆ์ขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา
มันสร้างคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในแม่น้ำ กรงเล็บพยัคฆ์พุ่งเข้ามาหาฟางหยวน
แต่ฟางหยวนเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เขาเก็บวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำรวมถึงสมาชิกนิกายเงากลับเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ เมื่อกรงเล็บพยัคฆ์มาถึง เขาก็บินออกไปแล้ว
กรงเล็บพยัคฆ์ทำลายค่ายกลวิญญาณที่ฟางหยวนสร้างขึ้นอย่างง่ายดาย
“โฮก…”
อสูรปีขาลแรกกำเนิดตระหนักว่าวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำกำลังจะจากไป ดังนั้นมันจึงส่งเสียงคำรามราวกับเสียงฟ้าร้องออกมา
คลื่นขนาดใหญ่ซัดสาดออกมาจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา อสูรปีขาลแรกกำเนิดต้องการออกจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา แต่ร่างกายของมันใหญ่โตเกินไปขณะที่สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาเล็กเกินไปสำหรับมัน
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา มันพยายามใช้กรงเล็บพยัคฆ์เพื่อเปิดเส้นทาง
สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
จุดทรัพยากรบนเส้นทางแห่งกาลเวลาแห่งนี้ถูกทำลาย แม้ขนาดของมันจะขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า แต่มันก็สูญเสียเสถียรภาพ ไม่นานหลังจากนี้สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาแห่งนี้จะไหลกลับไปยังแม่น้ำสายหลัก
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ส่งผลกระทบต่ออสูรปีแรกกำเนิด มันไม่สนใจเรื่องนี้
ฟงจิวเก้อเห็นฟางหยวนเข้ามาใกล้และเริ่มระวังตัวมากขึ้น
อสูรปีแรกกำเนิดไล่ล่าฟางหยวนมาจากด้านหลัง สถานการณ์ของเขาดูเหมือนอันตรายแต่เขากลับเผยรอยยิ้มมั่นใจ
เขาไม่ได้ใช้เกราะหวนคืนแต่กระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะระดับแปดปีไหลผ่านราวกับสายน้ำอีกครั้ง
‘ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะระดับแปด!’ รูม่านตาของฟงจิวเก้อหดเล็กลง
แต่เขาไม่แปลกใจ ฟางหยวนได้รับมรดกของนิกายเงา เป็นเรื่องปกติที่เขาจะมีสมบัติเช่นนี้
‘ข้าต้องการกำจัดผู้ไล่ล่าจากวังสวรรค์ทั้งหมด แต่น่าเสียดายที่มีเพียงฟงจิวเก้อเท่านั้นที่มาที่นี่!’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาขณะที่แสงสีขาวส่องประกายออกมาจากวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ
อุโมงค์ที่มืดมิดถูกเติมเต็มด้วยแสงสว่าง
ค่ายกลวิญญาณถูกกระตุ้นใช้งานในที่สุด
“นี่คือ?” ฟงจิวเก้อพบว่าเขาติดอยู่ในค่ายกลวิญญาณ ก่อนหน้านี้มันถูกซ่อนไว้อย่างไร้ที่ติ
วิญญาณอมตะระดับแปดปีไหลผ่านราวกับสายน้ำเป็นแกนกลางของค่ายกลวิญญาณนี้
ฟงจิวเก้อเฝ้าระวังแต่ดูเหมือนพลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณนี้จะไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เขา
ราวกับเขื่อนที่สะสมน้ำมานานหลายปีปล่อยน้ำออกมาอย่างกะทันหัน สาขาของสายธารแห่งกาลเวลากลายเป็นแม่น้ำที่โหมกระหน่ำในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตา
ปรากฏว่าเป้าหมายที่แท้จริงของค่ายกลวิญญาณนี้คือสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา!
ฟงจิวเก้อกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาดูเหมือนแม่น้ำสายหลักเป็นอย่างมาก
น้ำในแม่น้ำสร้างคลื่นขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง
คลื่นน้ำพุ่งเข้ากลืนกินฟางหยวนก่อนจะเคลื่อนที่เข้าไปหาฟงจิวเก้อ
ฟงจิวเก้อต้องการหลบหนี แม้จะมีอสูรปีอยู่มากมาย แต่พวกมันไม่สามารถกีดขวางเขา
อย่างไรก็ตามสายธารแห่งกาลเวลาไม่สามารถทำความเข้าใจได้ด้วยตรรกะทั่วไป
‘เร็วมาก!’
ฟงจิวเก้อตื่นตระหนก เขาพบว่าคลื่นน้ำอยู่เหนือศีรษะของเขาแล้ว
สายธารแห่งกาลเวลาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของสวรรค์พิภพบนเส้นทางแห่งกาลเวลา มันไม่มีแนวคิดเรื่องความเร็วของการไหล มีเพียงเวลาเท่านั้นที่สำคัญ
มวลน้ำในสายธารแห่งกาลเวลาต้องการเวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้นเพื่อเดินทางข้ามระยะทางสิบล้านลี้หรืออาจใช้เวลาหนึ่งล้านปีในการเดินทางเพียงหนึ่งนิ้ว
‘ข้าไม่สามารถหลบหนีจากมัน…’ ฟงจิวเก้อเข้าใจเรื่องนี้ทันทีและเร่งกระตุ้นใช้วิธีป้องกันตัวของตนเอง
ร่างของฟงจิวเก้อจมลงไปใต้น้ำอย่างสมบูรณ์
แต่ฟางหยวนสามารถโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำโดยใช้พลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณ
‘ค่ายกลวิญญาณปล่อยน้ำ หยุด!’
ฟางหยวนตะโกนอยู่ในใจขณะที่ค่ายกลวิญญาณแยกออกจากกัน
โดยปราศจากค่ายกลวิญญาณปล่อยนน้ำ สายธารแห่งกาลเวลาจะถูกดึงกลับไปยังแม่น้ำสายหลักของมันทันที
เนื่องจากก่อนหน้านี้คลื่นน้ำที่ท่วมท้นออกมาเกินขีดจำกัดของแม่น้ำสาขาย่อย ดังนั้นมันจึงดึงมวลน้ำจากแม่น้ำสายหลักออกมา
ตอนนี้มันไม่ใช่พลังของค่ายกลวิญญาณอีกต่อไปแต่เป็นพลังอำนาจของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพสายธารแห่งกาลเวลาที่ดึงมวลน้ำกลับสู่สภาพเดิม
“ครืน…ครืน…”
ด้วยแรงดึงที่รุนแรง ฟงจิวเก้อถูกกวาดไปยังแม่น้ำสายหลัก กระทั่งอสูรปีขาลแรกกำเนิดที่ต้องการออกมายังถูกดึงกลับไปเช่นกัน
หลังจากไม่กี่ลมหายใจ สายธารแห่งกาลเวลาก็หายไปอย่างสมบูรณ์ มีเพียงระลอกคลื่นเล็กๆของกาลเวลาเท่านั้นที่ยังสั่นสะเทือนอยู่อย่างเงียบๆและแผ่วเบา
กองทัพอสูรปีในสนามรบถูกดึงกลับสู่สายธารแห่งกาลเวลาทั้งหมด
“ลาก่อน ฟงจิวเก้อ” ฟางหยวนกล่าวเบาๆก่อนจะบินออกจากสถานที่แห่งนี้