“ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง…”
ฟงจิวเก้อต่อสู้อย่างเต็มที่
ท่าไม้ตายอมตะเพลงหยกเขียว!
กรงเล็บอสูรปีแรกกำเนิดเริ่มกลายเป็นหยกเขียว
แต่กรงเล็บของมันใหญ่เกินไป มันยังพุ่งเข้าโจมตีศัตรูอย่างไม่หยุดยั้ง
ฟงจิวเก้อกัดฟันหลบ
ในช่วงเวลาวิกฤตเขาสามารถหลบเลี่ยงกรงเล็บของอสูรปีขาลได้อย่างฉิวเฉียด แต่กระทั่งเขาจะไม่ถูกโจมตี คลื่นกระแทกก็ยังส่งร่างของฟงจิวเก้อลอยออกไปราวกับว่าวสายป่านขาด
เลือดไหลออกมาเป็นสาย
‘ไม่ พลังการต่อสู้ของข้าลดลงมากในสถานที่แห่งนี้’
‘สายธารแห่งกาลเวลาเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ด้วยความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงของข้าเหลือพลังเพียงสิบส่วน!’
ฟงจิวเก้ออดทนต่อความเจ็บปวดและใช้ท่าไม้ตายรักษาอาการบาดเจ็บของตน
แต่วิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพในโลกภายนอกแทบไม่มีผลที่นี่
นอกจากนั้นเพลงหยกเขียวของเขาก็สูญเสียพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ อสูรปีขาลสามารถทำลายหยกเขียวที่อยู่รอบๆกรงเล็บของมันออกไปได้อย่างง่ายดาย
ฟงจิวเก้อเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เหตุผลที่ทำให้เขาสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดเป็นเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเสียงของเขาที่เทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปด
แต่แผนการของฟางหยวนที่ส่งฟงจิวเก้อเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาทำลายข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเสียงของเขาน้อยมากหากเปรียบเทียบกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นาทางแห่งกาลเวลาในสายธารแห่งกาลเวลา
นี่เป็นเหตุผลที่ฟางหยวนมั่นใจว่าฟงจิวเก้อจะต้องพบกับความทุกข์ทรมานที่นี่
อสูรปีขาลมองฟงจิวเก้อด้วยสายตาดุร้าย
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาในสายธารแห่งกาลเวลาทำให้มันเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ไม่มีอสูรปีระดับเก้า อสูรปีที่แข็งแกร่งที่สุดคืออสูรปีแรกกำเนิด
อสูรปีขาลคำรามและพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้ออย่างดุเดือด
ฟงจิวเก้อพยายามป้องกันตัวแต่ไม่นานเขาก็ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง
เขาถูกกำหราบอย่างสมบูรณ์และไม่มีโอกาสชนะ หากเขาต้องการมีชีวิตรอด เขาต้องหาสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาและหลบหนีออกไป
แต่ความหวังมีน้อยมาก
เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา แม้เขาจะพบมัน มันก็ต้องใหญ่พอที่เขาจะข้ามไป
ฟงจิวเก้อเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเสียง เขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและไม่มีวิธีหลบหนีจากสายธารแห่งกาลเวลา
‘ข้าจะตายอยู่ที่นี่งั้นหรือ?’ ฟงจิวเก้อคิด
แต่ในจังหวะนี้เสียงของผู้อมตะหญิงกลับดังขึ้นในใจของเขา “ใช้วิญญาณอมตะระดับแปดดวงนั้น”
“วิญญาณอมตะระดับแปดเกราะโชคชะตา?” ฟงจิวเก้อลังเล
วังสวรรค์มอบวิญญาณอมตะดวงนี้ให้เขาเพื่อปกป้องชีวิตของเขา
มันคือวิญญาณอมตะระดับแปดสายป้องกัน
แต่ฟงจิวเก้อยังเคลือบแคลงใจ
เพราะเหตุใด?
เขาไม่มีจุดอ่อนในการป้องกัน กระทั่งการโจมตีของวูหยง เขาก็ยังสามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่ง
ฟงจิวเก้อคิดว่าวังสวรรค์ควรมอบวิญญาณอมตะสายโจมตีหรือสายเคลื่อนไหวให้เขามากกว่า
ท้ายที่สุดวิธีการเคลื่อนไหวของฟงจิวเก้อก็ยังไม่โดดเด่นนัก แม้ท่าไม้ตายอมตะทั้งเจ็ดของเขาจะยอดเยี่ยม แต่พวกมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะใช้กำจัดผู้อมตะระดับแปด
หลังจากฟงจิวเก้อได้รับวิญญาณอมตะดวงนี้ เขาทดลองใช้งานมันและพบว่ามันกลืนกินพลังงานอมตะจำนวนมาก กระทั่งคนเช่นฟงจิวเก้อก็แทบไม่สามารถตอบสนองความต้องการของมัน
‘หากข้าถ่วงเวลา ข้าจะสามารถใช้วิธีการป้องกันเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ หากข้าใช้วิญญาณอมตะระดับแปดเกราะโชคชะตา ข้าจะสูญเสียพลังงานอมตะจำนวนมหาศาล’
ฟงจิวเก้อคำนวณ
แต่ตอนนี้อสูรปีขาลกลับพุ่งเข้าประชิดตัวเขาอีกครั้ง
ในช่วงเวลาสำคัญฟงจิวเก้อเลือกฟังเสียงของผู้อมตะหญิง
วิญญาณอมตะระดับแปดเกราะโชคชะตา!
ลูกพลัมแดงอมตะของเขาถูกกลืนกินไปอย่างรวดเร็ว เกราะแสงส่องประกายขึ้นบนร่างของฟงจิวเก้อ
เกราะแสงป้องกันการโจมตีของอสูรปีขาลแรกกำเนิดได้อย่างสมบูรณ์
ฟงจิวเก้อไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ยังถูกส่งลงไปในแม่น้ำ
อย่างไรก็ตามเกราะโชคชะตายังน่าประทับใจมาก เผชิญหน้ากับการโจมตีของคลื่นน้ำ มีเพียงรอยแตกร้ายเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนชั้นผิวของมันเท่านั้น
สิ่งที่ต้องกล่าวถึงก็คือมันเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับแปดแต่การโจมตีจากสายธารแห่งกาลเวลาเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับเก้า
อสูรปีแรกกำเนิดยังไลล่าฟงจิวเก้อ
ฟงจิวเก้อถอนหายใจ ‘นี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก’
เขาพยายามดิ้นรนเพื่อบินขึ้นจากแม่น้ำ
แต่อสูรปีขาลแรกกำเนิดมีสติปัญญาอยู่บ้าง มันไม่ปล่อยให้ฟงจิวเก้อบรรลุเป้าหมายของเขา
ฟงจิวเก้อติดอยู่ในแม่น้ำจากการโจมตีของอสูรปีแรกกำเนิดและยังได้รับผลกระทบจากการไหลของสายธารแห่งกาลเวลา
สถานการณ์ค่อนข้างเลวร้ายสำหรับฟงจิวเก้อ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปพลังงานอมตะของเขาจะหมดลงในที่สุด เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะตายจริงๆ
‘ก่อนหน้านี้ข้าตัดสินใจผิดหรือไม่? เสียงของหญิงผู้นั้นคือกับดักงั้นหรือ?’
ขณะที่ฟงจิวเก้อลังเล วังน้ำวนก็ปรากฏขึ้น
ฟงจิวเก้อรู้สึกประหลาดใจและกำลังจะต่อต้านมัน แต่ในจังหวะนี้เขากลับได้ยินเสียง “อย่าต่อต้าน ข้าเป็นผู้อมตะของวังสวรรค์ หงซื่อ ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้า!”
หลังกล่าวจบคำ วังน้ำวนก็ขยายใหญ่ขึ้นสิบเท่า
ละอองน้ำบดบังวิสัยทัศน์ของอสูรปีขาลแรกกำเนิด
ฟงจิวเก้อไม่กล้าหยุดใช้งานเกราะโชคชะตาและปล่อยให้ตนเองไหลไปตามกระแสน้ำ สุดท้ายจึงสามารถกลับขึ้นสู่ผิวน้ำได้ในที่สุด
ที่นั่นผู้อมตะศีรษะล้านในชุดสีเหลืองกำลังรอเขาอยู่
…..
วังสวรรค์
เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ
กระดานหมากรุกกลุ่มดาวที่อยู่ด้านหน้านางแสดงภาพเหตุการณ์ของฟงจิวเก้อที่ได้รับการช่วยชีวิตเอาไว้
ในช่วงเวลาสำคัญเสียงของผู้อมตะหญิงก็คือเสียงของเทพธิดาจื่อเว่ย
วิญญาณอมตะระดับแปดเกราะโชคชะตาทำให้ผู้อมตะจากวังสวรรค์หงซื่อสามารถค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของฟงจิวเก้อ
สายธารแห่งกาลเวลาเป็นสถานที่ลึกลับและอันตราย
มันยากที่ผู้อมตะจะเข้าไป
หากกล่าวว่าผู้อมตะระดับแปดหาได้ยาก ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลายิ่งหาได้ยากมากกว่า
แต่ถึงกระนั้นวังสวรรค์ก็ยังมีผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา
หงซื่อเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของเทพธิดาจื่อเว่ย
เดิมทีเทพธิดาจื่อเว่ยวางแผนให้ฟงจิวเก้อบังคับให้ฟางหยวนเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง
เมื่อเวลานั้นมาถึง ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหงซื่อจะปรากฏตัวขึ้นและโจมตีเขา
แต่เทพธิดาจื่อเว่ยไม่คาดหวังว่าฟางหยวนจะไม่ตกลงสู่กับดักของนางและยังพยายามฆ่าฟงจิวเก้อโดยการส่งเขาเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา
“ปีศาจต่างโลกฟางหยวน เขาช่างเจ้าเล่ห์นัก”
“แต่หลังการต่อสู้ครั้งนี้ เราจะตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน”
“แม้เขาจะใช้สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาเป็นกับดัก แต่มันก็ยืนยันการคาดเดาของข้า ฟางหยวนจะเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาเพื่อรับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงอย่างแน่นอน!”
“ด้วยธรรมชาติที่ระวังตัวของเขา ดูเหมือนเขาจะยังมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาสายอื่นอยู่ในการครอบครอง”
“แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาตราบเท่าที่ตำแหน่งของฟางหยวนยังถูกเปิดเผยต่อหน้าข้า”
เมื่อฟงจิวเก้อถูกช่วยชีวิต เทพธิดาจื่อเว่ยจึงใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาวดูสนามรบอื่น
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของฟางหยวนได้รับบาดเจ็บและกำลังบินอยู่ในสวรรค์สีดำ
สองผู้อมตะวังสวรรค์กำลังไล่ล่ามัน พวกเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแข็งแกร่ง แต่มันยังไม่สามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปดสองคนที่ร่วมมือกัน
เมื่อสัมผัสถึงอันตราย อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจึงเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณและบินไปยังสวรรค์สีดำเพื่อสลัดศัตรูเหล่านี้
น่าเสียดายที่การกระทำของมันอยู่ในการคาดเดาของพวกเขา
“บึม!”
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดถูกโจมตี
มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแต่ยังกระพือปีกบินต่อไป
เลือดไหลเป็นสายอยู่ในสวรรค์สีดำ
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดมีความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ แต่ท่าไม้ตายของผู้อมตะจากวังสวรรค์ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
“ผลลัพธ์ถูกำหนดแล้ว” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าว
แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะดิ้นรน แต่มันจะพ่ายแพ้ต่อผู้อมตะจากวังสวรรค์ทั้งสองอย่างแน่นอน
หนึ่งในท่าไม้ตายของพวกเขาสามารถไล่ล่าเป้าหมาย นี่ทำให้พวกเขามีช่วงเวลาที่ง่ายดายในการต่อสู้
หลังจากทั้งหมดสติปัญญาของสัตว์อสูรจะเหนือกว่ามนุษย์ได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตามผู้อมตะจากวังสวรรค์ต้องการจับเป็นอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระวังไม่ให้มันตาย นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการต่อสู้
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตระหนักถึงสถานการณ์สิ้นหวัง แต่มันยังไม่ยอมแพ้ มันยังกระพือปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
จากสวรรค์สีดำไปถึงสวรรค์สีขาว
กำแพงพลังงานไม่ใช่อุปสรรคของมัน
แต่สำหรับผู้อมตะจากวังสวรรค์ มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ผู้อมตะจากวังสวรรค์ไม่สามารถผ่านกำแพงพลังงานได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขาเตรียมพร้อมมาแล้ว เทพธิดาจื่อเว่ยให้พวกเขายืมคฤหาสน์วิญญาณอมตะมาใช้ในภารกิจนี้
“เจ้าอยู่ที่นี่และปิดเส้นทางของมัน ข้าจะไล่ล่ามัน” ผู้อมตะทั้งสองร่วมมือกันได้อย่างสมบูรณ์
“แม้จะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นบ้าง แต่ทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุมของข้า ไม่ว่ามนุษย์ สัตว์ หรือมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ไม่มีสิ่งใดที่สามารถหลบหนีจากข้า!” ในวังสวรรค์ ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องประกายขึ้น