“เปรียบเทียบกับชะตากรรม โชคไม่ใช่สิ่งที่จะคงอยู่ตลอดไป”
“แม้จะโชคร้ายไปบ้าง แล้วอย่างไร?”
เทพธิดาจื่อเว่ยเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน
กระดานหมากรุกกลุ่มดาวแสดงภาพของผู้อมตะวังสวรรค์
คฤหาสน์วิญญาณอมตะกำลังบินอยู่ในสวรรค์สีขาว
สองผู้อมตะวังสวรรค์พูดคุยด้วยการแสดงออกที่น่ากลัว
“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดใช้เมฆขาวดำหลบหนีไปยังสวรรค์สีดำอีกครั้ง แต่ตามเวลาของห้าภูมิภาค ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน เราอยู่ในสวรรค์สีขาว เวลานี้สวรรค์สีดำอยู่ด้านบน ดังนั้นเราต้องบินผ่านกำแพงพลังงานเพื่อเข้าสู่สวรรค์สีดำ”
“ถูกต้อง เราใช้ท่าไม้ตายสายตรวจสอบกับอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแล้ว ตราบเท่าที่เราไปยังสวรรค์สีดำ เราจะสัมผัสถึงมัน นี่ไม่ใช่ปัญหา”
“หากเราพบอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดอีกครั้ง เราต้องไม่ทำผิดซ้ำซาก เราจะพยายามอย่างเต็มที่และป้องกันไม่ให้มันหลบหนีได้อีก”
สองผู้อตะวังสวรรค์กล่าวด้วยความมั่นใจ มันเป็นความมั่นใจที่มาจากความแข็งแกร่งของพวกเขา
ด้วยพละกำลังที่เหนือกว่า แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะมีโชคอยู่บ้าง แล้วอย่างไร?
มันจะสามารถพึ่งพาโชคได้ทุกครั้งงั้นหรือ?
ตราบเท่าที่มันล้มเหลวเพียงครั้งเดียว ผู้อมตะวังสวรรค์จะได้รับชัยชนะ อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะถูกจับโดยไม่มีทางหนี
กระดานหมากรุกกลุ่มดาวสั่นเบาๆก่อนที่ภาพจะเปลี่ยนเป็นฟงจิวเก้อ
ตอนนี้ฟงจิวเก้อออกจากสายธารแห่งกาลเวลาเรียบร้อยแล้ว เขาอยู่ในทะเลทรายตะวันตก
แต่เขาไม่ได้กลับออกมาที่จุดเดิมเนื่องจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาสายนั้นถูกทำลายไปแล้ว
เทพธิดาจื่อเว่ยบอกตำแหน่งที่อยู่ของฟางหยวนแก่ฟงจิวเก้อ แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างไกลกันมาก
“ฟงจิวเก้อเป็นผู้พิทักษ์แห่งเต๋า”
“โชคของเขามั่นคงราวกับภูเขาที่ไม่สามารถขยับเขยื้อน มีเพียงคนโชคดีเช่นนี้เท่านั้นที่สามารถตอบโต้คนเช่นฟางหยวน”
“หากข้าส่งคนอื่นออกไป ฟางหยวนจะได้รับประโยชน์จากโชคร้ายของพวกเขา”
“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของฟางหยวนเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน มันสามารถหลบหนีจากผู้อมตะของวังสรรค์สองคนโดยไม่ต้องกล่าวถึงตัวฟางหยวนเอง”
“ข้าจะปล่อยให้ฟงจิวเก้อไล่ล่าฟางหยวนต่อไปและบังคับให้ฟางหยวนค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง แม้เขาจะไม่ได้รับมันแต่เขาก็จะเปิดเผยไพ่เด็ดออกมาเรื่อยๆ เมื่อไพ่ของเขาถูกใช้ไปจนหมด ข้าจะไปหาเขาด้วยตนเอง”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เจตนาสังหารก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ย
เพื่อกำจัดปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์ นางต้องคิดและวางแผนอย่างรอบคอบ
แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
ประการแรก ฟางหยวนยังมีไพ่ซ่อนอยู่ เขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง
ประการที่สอง วังสวรรค์จำเป็นต้องปกป้องราชันมังกรที่กำลังปราบปรามเทพปีศาจจิตวิญญาณ เทพธิดาจื่อเว่ยต้องควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด
ประการที่สาม ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง ตำแหน่งที่ตั้งของภาคกลางค่อนข้างเสียเปรียบ ดังนั้นวังสวรรค์จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม
แม้ฟางหยวนจะได้รับวิญญาณอมตะระดับเจ็ดรักตัวเอง เขาก็ยังไม่สามารถซ่อนตัวจากเทพธิดาจื่อเว่ย
แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะสามารถหลบหนี แต่มันยังถูกไล่ล่าและยังไม่พ้นอันตราย
ขณะที่เทพธิดาจื่อเว่ยกังวลเกี่ยวกับมรดกของเทพปีศาจบัวแดงมากที่สุด
“เหตุใดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงจึงปรากฏขึ้นและหายไปอย่างกะทันหัน?” เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้ว นางไม่เข้าใจเรื่องนี้
ด้วยกระดานหมากรุกกลุ่มดาว มันทำให้นางกลายเป็นหนึ่งในสามผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของยุคปัจจุบัน
แต่เปรียบเทียบกับเทพปีศาจบัวแดงที่ลึกลับที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เทพธิดาจื่อเว่ยยังไม่ถือเป็นสิ่งใด
“เทพปีศาจบัวแดง…” เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ
นางรู้ว่าเทพปีศาจบัวแดงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่สุดกับวังสวรรค์
ในความเป็นจริงครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะเป็นเทพอมตะบัวแดงและเป็นผู้นำของวังสวรรค์…
สวรรค์สีดำ
หญ้าที่ส่องประกายระยิบระยับเหมือนพรมยักษ์เติบโตขึ้นในสวรรค์สีดำ
มันคือทุ่งราสวรรค์
สิ่งนี้เป็นทรัพยากรอมตะระดับหกที่เติบโตขึ้นในสวรรค์ทั้งเก้า
พวกมันจะเติบโตขึ้นในสถานที่ที่ไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าหรือรูปแบบชีวิตใดๆ
โชคดีที่สวรรค์ทั้งเก้าใหญ่โตมาก มีพื้นที่เพียงพอให้พวกมันเติบโตขึ้น
อย่างไรก็ตามตอนนี้มีสองคนอยู่ในทุ่งราสวรรค์แห่งนี้
“จิ๊บ จิ๊บ!”
เสียงนกร้องดังขึ้น
ผู้ใช้วิญญาณหนุ่มยกมือขวาขึ้นอย่างยากลำบาก มีแสงสีรุ้งปกคลุมอยู่ที่มือของเขา
แสงสีรุ้งราวกับต้องการหลบหนีจากเด็กหนุ่มแต่มันทำไม่ได้
เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นขณะที่หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ
“ไปซะเจ้าวิหคแสง!” ผู้ใช้วิญญาณหนุ่มถึงขีดจำกัดและสะบัดมือออกไป
“จิ๊บ จิ๊บ!”
ในเวลาต่อมา เสียงนกร้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นแสงสีรุ้งก็พุ่งออกจากมือของผู้ใช้วิญญาณหนุ่มขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะกลายเป็นนกตัวหนึ่ง
วิหคแสงสีรุ้งบินออกไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
“บึม!”
ด้วยเสียงระเบิดที่ดังสนั่น วิหคแสงสีรุ้งตกลงบนทุ่งราสวรรค์
เมื่อแสงจางหาย หลุมเล็กๆก็ปรากฏขึ้น
เห็นเช่นนี้ ผู้ใช้วิญญาณหนุ่มรู้สึกทั้งประหลาดใจและสนุกสนาน
เขามีความสุขหลังจากการฝึกฝนอย่างหนักของเขาประสบความสำเร็จ เขาประสบความสำเร็จในการใช้ท่าไม้ตายนี้
แต่เขารู้สึกแปลกใจที่ท่าไม้ตายนี้ทรงพลังเกินไป
“ท่านอาจารย์ ข้าทำสำเร็จ!” ผู้ใช้วิญญาณหนุ่นเดินเข้าไปหาคนอีกผู้หนึ่งด้วยความตื่นเต้น
“อืม ไม่เลว” อาจารย์ของเขาแสดงความคิดเห็น
เห็นการแสดงออกของอาจารย์ หัวใจของผู้ใช้วิญญาณหนุ่มจึงสงบลง
เขากล่าวด้วยความเคารพ “ข้าตื่นเต้นมากเกินไป”
“อย่าคิดมาก” อาจารย์ของเขาโบกมือและเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
ไม่กี่ก้าวต่อมา เขาหยุดและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
คนผู้นี้สวมชุดคลุมสีเทาที่ดูเรียบง่ายแต่มันไม่สามารถปกปิดร่างกายที่กำยำของเขา
เขาสวมหมวกฟางทรงสูงปิดบังใบหน้าเอาไว้
แม้เขาจะเป็นอาจารย์ของผู้ใช้วิญญาณหนุ่มแต่เขากลับไม่เคยเผยเปิดตัวตนที่แท้จริง
เด็กหนุ่มเห็นเพียงคางของผู้เป็นอาจารย์เท่านั้น
“ท่านอาจารย์ ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะ หากข้าฝึกฝนเพียงลำพัง ข้าจะมาถึงระดับนี้ได้อย่างไร?” ผู้ใช้วิญญาณหนุ่มกล่าว
อาจารย์ของเขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากกล่าว “เย่ฟาน เจ้ามีความสามารถที่ไม่น่าเชื่อ นี่เป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางแห่งแสงที่เจ้าคิดค้นขึ้นด้วยตนเอง ข้าเพียงให้คำแนะนำเล็กๆน้อยๆเท่านั้น แต่เจ้าต้องฝึกฝนให้มากขึ้น ข้าไม่สามารถอยู่เคียงข้างเจ้าได้ตลอดไป”
“ท่านอาจารย์ ท่านจะจากไปแล้วงั้นหรือ?” ผู้ใช้วิญญาณหนุ่มรู้สึกกังวล
เขาก็คือเย่ฟานของภาคใต้
เขาชื่นชอบเฉิงซินซื่อที่กลายเป็นผู้นำตระกูลเฉิง ตลอดมาเขาช่วยนางแก้ปัญหามากมายของตระกูลเฉิง
หลังจากเย่ฟานพ่ายแพ้ไป่หนิงปิงและรอดชีวิตมาอย่างฉิวเฉียด เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ประสบการณ์แห่งชีวิตและความตายยากที่จะลืมเลือน แต่โดยไม่คาดคิดเขากลับพบอาจารย์คนปัจจุบันของเขาผู้นี้
อาจารย์ของเขาเป็นผู้อมตะ
เพื่อดูแลศิษย์ที่มีพรสวรรค์ อาจารย์ของเขาจึงนำเขามาฝึกฝนในสวรรค์สีดำ
แม้พวกเขาจะใช้เวลาร่วมกันไม่นาน แต่เย่ฟานก็ชื่นชมอาจารย์ที่ลึกลับผู้นี้ของเขาอย่างสุดซึ้ง
แม้เย่ฟานจะไม่เคยเห็นหน้าของอาจารย์ผู้นี้ แต่เขายังสัมผัสได้ถึงความจริงใจและความเมตตาจากอาจารย์ของเขา
เขาไม่เคยสงสัยในตัวอาจารย์ผู้นี้
“มีพบย่อมมีจาก เราไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ตลอดไป แม้วันนี้ต้องจากลา แต่อนาคตอาจได้พบพานอีกครั้ง เย่ฟาน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงพาเจ้ามาที่นี่” อาจารย์ของเขากล่าว
เย่ฟานกระพริบตา “ท่านอาจารย์ ท่านไม่ได้บอกว่าสวรรค์สีดำจะช่วยขัดเกลาทักษะบนเส้นทางแห่งแสงของข้างั้นหรือ? เพื่อความปลอดภัย แม้มันจะยากลำบากก็ตาม”
“นี่เป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง เหตุผลที่สองคือข้าอนุมานได้ว่าเจ้ามีโชคชะตาที่เชื่อมโยงกันที่นี่” อาจารย์ของเขากล่าว
“โชคชะตา?” เย่ฟานรู้สึกงุนงง
“ในโลกใบนี้ ทุกอย่างมีเหตุและมีผล ดูนั่น โชคชะตาของเจ้ามาถึงแล้ว” ผู้อมตะชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า
เย่ฟานมองและอ้าปากค้าง
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินลงมาบนทุ่งราสวรรค์
“ช่างเป็นอินทรีย์ที่แข็งแกร่งนัก! อา…มันได้รับบาดเจ็บ!” เย่ฟานมองเห็นบาดแผลมากมายบนร่างของอินทรีย์สสวรรค์ชั้นสูงสุด
แม้เย่ฟานจะมีอาจารย์ที่ดี แต่เขายังไม่ใช่ผู้อมตะ ในความเป็นจริงกระทั่งผู้อมตะระดับหกทั่วไปก็ยังไม่รู้จักสัตว์อสูรแรกกำเนิดอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด
แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะสามารถหลบหนีจากผู้อมตะวังสวรรค์ แต่มันยังไม่ปลอดภัย
เมื่อมันเห็นทุ่งราสวรรค์ มันจึงบินลงมาพักผ่อน
อย่างไรก็ตามเมื่อมันมาถึงที่นี่ มันก็หมดสติไปอย่างรวดเร็ว
อาจารย์ของเย่ฟานจับอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดภายใต้การเฝ้ามองของเย่ฟาน
เขาเปิดฝ่ามือออกขณะที่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดหดเล็กลงจนกลายเป็นนกตัวน้อยอยู่ในกำมือของเขา
ด้วยการยกมืออีกข้างขึ้นสัมผัสอินทรีย์ตัวน้อย บาดแผลทั้งหมดของมันก็ถูกรักษาขณะที่มันนอนหลับอย่างผ่อนคลาย
“เย่ฟาน เจ้ามีความเชื่อมโยงกับมัน อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตัวนี้อาจเป็นกุญแจในการแก้ปัญหาของเจ้าในอนาคต”
“เก็บมันไว้ข้างกาย เมื่อมันตื่น มันจะพาเจ้าออกจากสวรรค์สีดำและกลับสู่ภาคใต้”
“อาจารย์จะไปแล้ว”
หลังกล่าวจบคำเขาก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที
“ท่านอาจารย์ เดินทางโดยปลอดภัย” เย่ฟานรับอินทรีย์น้อยเอาไว้และกล่าวด้วยความโศกเศร้า
เขาวิ่งตามไปกระทั่งร่างของผู้เป็นอาจารย์กำลังจะหายไปที่ขอบฟ้า เขาตะโกน “ท่านอาจารย์ ข้าขอทราบชื่อท่านได้หรือไม่?”
“ชื่อของข้าคือลั่วเว่ยหยิน”
เสียงของอาจารย์ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาในหูของเย่ฟาน
“ท่านอาจารย์…ลั่วเว่ยหยิน…” เย่ฟานพึมพำ