“นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น…” เมื่อเวลาผ่านไป เทพธิดาซุ้ยป๋อก็อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนาง
ตามที่นางบอก นางพยายามค้นหามรดกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบแต่นางบังเอิญพบผู้อมตะของวังสวรรค์
ผู้อมตะของวังสวรรค์รู้ว่านางเป็นสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง
เทพธิดาซุ้ยป๋อใช้ชื่อของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงข่มขู่ แต่นั่นยิ่งเพิ่มความเกลียดชังให้กับพวกเขา
ในการต่อสู้ เทพธิดาซุ้ยป๋อเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
โชคดีที่นางได้พบกับหลิวกวนซื่อและคนอื่นๆ
ปรากฏว่าวังสวรรค์กำลังไล่ล่าหลิวกวนซื่อ
ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร หลิวกวนซื่อช่วยเทพธิดาซุ้ยป๋อและหลบหนีมาพร้อมกัน
แต่เนื่องจากพวกเขาถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของวังสวรรค์ พวกเขาจึงไม่สามารถแยกทางเนื่องจากศัตรูจะสามารถสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
โดยสรุปแล้วอิงอู๋เซี่ยสามารถอธิบายรายละเอียดได้อย่างไร้ที่ติ คำกล่าวของเขาแทบจะทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาประสบกับสถานการณ์นี้มาจริงๆ
ในความเป็นจริงตั้งแต่ฟางหยวนและคนอื่นๆจับตัวเทพธิดาซุ้ยป๋อ พวกเขาก็วางแผนไว้แล้ว
คำอธิบายของอิงอู๋เซี่ยเป็นการผสมผสานระหว่างความจริงและคำลวง ฟางหยวนและคนอื่นๆถูกเปลี่ยนสถานะจากศัตรูเป็นมิตร ในขณะที่ฟงจิวเก้อที่ปรากฏตัวขึ้นในคำอธิบายเหล่านี้ก็สมจริงมาก
มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
ปัญหาเดียวคือเทพธิดาซุ้ยป๋อสูญเสียวิญญาณอมตะทั้งหมดและวิญญาณระดับมนุษย์ส่วนใหญ่ของนางในการต่อสู้
เรื่องนี้บังเอิญเกินไป
แต่ไม่มีทางเลือก
หากบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงต้องการให้อิงอู๋เซี่ยแสดงวิญญาณอมตะของเทพธิดาซุ้ยป๋ออกมาเพื่อเป็นการพิสูจน์ นั่นจะกลายเป็นหายนะ
ท้ายที่สุดวิญญาณของเทพธิดาซุ้ยป๋อก็เต็มไปด้วยเจตจำนงของนาง อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถใช้งานพวกมัน
ในความเป็นจริงตั้งแต่เทพธิดาซุ้ยป๋อถูกจับโดยไป่หนิงปิง นางก็ระเบิดทำลายวิญญาณอมตะทั้งหมดของนางไปแล้ว
ไม่เหลือทรัพยากรทิ้งไว้ให้ศัตรู!
ดังนั้นฟางหยวนและคนอื่นๆจึงต้องกล่าวเช่นนี้เพื่อชดเชยข้อบกพร่องดังกล่าว
นางรำหงหยุนตกใจมากกับเรื่องนี้
นางมองเทพธิดาซุ้ยป๋อโดยไม่คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะพบอันตรายที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้
และความจริงก็คือกระทั่งไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน และคนอื่นๆก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
การแสดงของอิงอู๋เซี่ยยอดเยี่ยมมาก เขาไม่มีข้อบกพร่อง มันดูธรรมชาติและสมจริงอย่างไม่น่าเชื่อ
‘อิงอู๋เซี่ยได้รับทักษะนี้มาตั้งแต่เมื่อใด?’ ไห่ลั่วหลันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
มีเพียงฟางหยวนเท่านั้นที่ไม่แปลกใจกับทักษะการแสดงของอิงอู๋เซี่ย
เหตุผลเป็นเพราะเขาให้อิงอู๋เซี่ยยืมวิญญาณทัศนคติ ด้วยวิญญาณอมตะระดับแปดดวงนี้ การแสดงของอิงอู๋เซี่ยจึงดูเป็นธรรมชาติมาก
โดยเฉพาะเมื่อเขาแสดงต่อหน้าผู้อมตะระดับเจ็ดและเจตจำนงของผู้อมตะระดับแปด
หากบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงมาด้วยตัวเอง มันอาจมีปัญหา แต่อิงอู๋เซี่ยสามารถจัดการเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงได้อย่างสมบูรณ์
ประสบความสำเร็จ!
ไม่ว่าจะเป็นนางรำหงหยุนหรือเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง ทั้งสองไม่สงสัยในคำกล่าวของอิงอู๋เซี่ย
ฟางหยวนเห็นสิ่งนี้และเริ่มกล่าว “บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงและเทพธิดาหงหยุน ผู้อมตะจากวังสวรรค์กำลังไล่ล่าพวกเรา แต่เทพธิดาซุ้ยป๋อได้รับความช่วยเหลือจากพวกเรา นั่นเป็นเรื่องจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธ”
เขากล่าวด้วยความหยิ่งยโส กระทั่งต่อหน้าผู้อมตะระดับแปด เขาก็ไม่เกรงกลัว
ฟางหยวนไม่มีวิญญาณทัศนคิตแต่ทักษะการแสดงของเขายอดเยี่ยมมาก เขาสามารถทำเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย
เขาทำให้เทพธิดาซุ้ยป๋อตายแต่เขากลับแสดงตัวเป็นผู้มีพระคุณต่อนาง
นี่เป็นเรื่องไร้ยางอาย แต่ฟางหยวนทำตัวราวกับมันเป็นเรื่องจริง
เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเงียบ
แม้ฟางหยวนจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่ชื่อเสียงของหลิวกวนซื่อทำให้เขาสามารถพูดคุยได้อย่างเท่าเทียมกับเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง
หากบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงมาด้วยตนเอง ฟางหยวนอาจไม่สามารถกล่าวในลักษณะนี้
แต่เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงและตัวบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน
หลังจากคิด เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจึงเปิดปากกล่าว “เจ้าต้องการสิ่งใดเป็นรางวัล?”
ริมฝีปากของฟางหยวนโค้งงอขึ้น
เขายิ้ม
รอยยิ้มที่สดใสราวกับดวงตะวันของเขาทำให้นางรำหงหยุนกลายเป็นมึนงง เขาหล่อมาก!
‘ข้าไม่ต้องการรางวัล แต่ข้ามีข้อเสนอ” ฟางหยวนกล่าว
“มันคือสิ่งใด?”
“พันธมิตร” ฟางหยวนกล่าว
“พันธมิตร?” เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเงียบลงอีกครั้ง
ฟางหยวนกระตุ้น “บรรพชนพันเปลี่ยนแปลง ท่านได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง ท่านถูกจับตามองโดยวังสวรรค์ ทัศนคติที่พวกเขามีต่อท่านสามารถบอกได้จากการโจมตีเทพธิดาซุ้ยป๋อ”
“เพราะเกราะหวนคืน ข้าจึงถูกวังสวรรค์ไล่ล่ามาจนถึงที่นี่ เรามีศัตรูร่วมกัน นั่นคือวังสวรรค์”
“การช่วยเหลือซึ่งกันและกันคือการช่วยเหลือตนเองถูกต้องหรือไม่?”
“ข้ามีวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่มีประสิทธิภาพ ข้าสามารถชะลอเวลาในมิติช่องว่างของท่านเพื่อผลักภัยพิบัติออกไป”
“นอกจากนี้ข้ายังมีมรดกบนเส้นทางแห่งโชค หม่าหงหยุนเสียชีวิตในมือของข้า ข้าได้รับมรดกโชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดส่วนหนึ่งของเขา นี่เป็นมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด”
“สามี?” นางรำรู้สึกประทับใจอย่างมากกับลิ้นสองแฉกของฟางหยวน
“สามี ข้าคิดว่าเราสามารถสร้างพันธมิตร” อิงอู๋เซี่ยพยายามโน้มน้าวเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง
ในที่สุดเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงก็เปิดปากกล่าว แต่สิ่งที่เขากล่าวคือ
“เราสามารถเป็นพันธมิตร”
“แต่ความร่วมมือของเราต้องค่อยเป็นค่อยไป”
“หลิวกวนซื่อ เจ้าต้องการใช้ข้าจัดการผู้อมตะจากวังสวรรค์ แล้วเหตุใดเจ้าไม่บอกแผนการของเจ้า?”
“เราสามารถร่วมมือกันอย่างช้าๆ หากมันเป็นไปได้ด้วยดี ข้าสามารถออกไปปิดกั้นผู้อมตะจากวังสวรรค์ให้เจ้า หากความร่วมมือของเราไม่น่าพอใจ ข้าต้องขอดูความจริงใจของเจ้าก่อนที่เราจะร่วมงานกันต่อไป”
บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาไม่ใช่ตัวตนที่จะหลอกลวงได้โดยง่าย
เขาเป็นนักวางแผนเช่นกัน เขาพยายามเปิดเผยแผนการของฟางหยวนและยังใช้แรงกดดันจากวังสวรรค์เพื่อบังคับให้ฟางหยวนสละผลประโยชน์บางอย่าง
“ความจริงใจ?” ฟางหยวนยิ้ม “มันควรเป็นความจริงใจจากทั้งสองฝ่าย เราช่วยเทพธิดาซุ้ยป๋อ นั่นคือการแสดงความจริงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา แล้วความจริงใจของท่านคือสิ่งใด?”
ฟางหยวนหลีกเลี่ยงหัวข้อเกี่ยวกับวังสวรรค์และใช้คำกล่าวของเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงตอบโต้กลับไป
เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงคิดก่อนกล่าว “เราสามารถทดลองการร่วมมือกันก่อนเช่นการทำธุรกรรม เจ้าต้องการสิ่งใด ข้าจะพยายามเติมเต็มความพึงพอใจของเจ้า”