Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1422 ผลการต่อสู้

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของฟางหยวนอยู่บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ด ดังนั้นพลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรจึงพุ่งขึ้นสู่จุดสูงของท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดเช่นกัน

 

มังกรดาบบรรพกาลโจมตีนักรบเพลงทั้งสี่อย่างดุเดือด

 

นักรบเพลงหยกเขียวเปลี่ยนมังกรดาบบรรพกาลให้เป็นมังกรหยกเขียวแต่มันยังจมน้ำตายในทะลมังกร

 

นักรบเพลงสวรรค์พิภพโจมตีศัตรูด้วยแรงกดดันมหาศาลแต่มังกรดาบบรรพกาลมีมากเกินไป ในที่สุดมันก็ถูกกัดกินโดยหนึ่งในนั้น

 

นักรบเพลงยอมจำนนอยู่นานที่สุด มันสามารถทำให้มังกรดาบบรรพกาลบางตัวยอมแพ้แต่มันยังไม่สามารถพลิกสถานการณ์

 

นักรบเพลงแยกพยายามแยกร่างมังกรดาบบรรพกาลแต่มันไม่สามารถต่อต้านคลื่นมังกรที่ไม่มีที่สิ้นสุด

 

ในอดีตท่าไม้ตายหมื่นตัวตนของฟางหยวนมีปริมาณและคุณภาพต่ำ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้อมตะที่ทรงพลัง ฟางหยวนสามารถใช้มันเพื่ออำพรางตัวและหลบหนีเท่านั้น

 

แต่หลังจากผสานท่าไม้ตายอมตะทั้งสองเข้าด้วยกัน ท่าไม้ตายหมื่นมังกรสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ

 

ภูตมนุษย์ที่เกิดจากท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลยกับร่างมังกรดาบบรรพกาลที่เกิดจากท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร

 

นี่เป็นวิธีโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบันของฟางหยวน

 

มังกรดาบบรรพกาลทำลายนักรบเพลงทั้งสี่ก่อนจะปิดล้อมฟงจิวเก้อไว้อย่างแน่นหนา

 

ฟางหยวนระดมกองกำลังมังกรโจมตีฟงจิวเก้อจากทุกทิศทางโดยปราศจากความลังเล

 

ความชื่นชมในสายตาของฟงจิวเก้อหายไปขณะที่เขาชกหมัดขวาออกไปข้างหน้า

 

“ปัง”

 

เสียงกลองดังราวกับเสียงฟ้าร้อง มังกรดาบบรรพกาลห้าตัวถูกทำลาย

 

เกือบในเวลาเดียวกัน ฝ่ามือข้างซ้ายของฟงจิวเก้อก็ตบไปด้านข้าง

 

“เคร้ง”

 

เสียงระฆังทำให้มังกรดาบบรรพกาลหลายตัวหยุดเคลื่อนไหวก่อนที่พวกมันจะสลายกลายเป็นความว่างเปล่า

 

หมัดกลอง!

 

ฝ่ามือระฆัง!

 

ฟงจิวเก้อยังโจมตีต่อไป

 

มังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนอาจทำให้ผู้อมตะระดับเจ็ดทั่วไปตกสู่สถานการณ์อันตราย แต่สำหรับฟงจิวเก้อ มันยังไม่เพียงพอ

 

รากฐานบนเส้นทางแห่งเสียงของฟงจิวเก้อลึกล้ำเกินไป กระทั่งทะเลทรายไร้เสียงยังไม่สามารถสะกดข่มเขาได้อย่างเต็มที่

 

แต่ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นสิ่งนี้

 

‘มันค่อนข้างแปลก’

 

‘เหตุใดฟงจิวเก้อไม่ใช้เพลงทางผ่านแสง?’

 

‘นักรบเพลงถูกทำลายไปแล้ว ฟงจิวเก้อสามารถหลี่กเลี่ยงการโจมตีของข้า นั่นจะทำให้เขาประหยัดพลังงานอมตะ’

 

‘เว้นเพียงเขากำลังเตรียมท่าไม้ตายอมตะบางอย่าง…’

 

‘แต่เขาใช้หมัดกลองและฝ่ามือระฆังอยู่แล้ว มีความเป็นไปได้น้อยมากที่เขาจะใช้ท่าไม้ตายอื่น แต่เขาจะไม่ใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้งั้น?’

 

‘ดูเหมือนเขาจะมีเหตุผลบางประการ แต่จากข้อมูลในชีวิตแรกของข้า มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย’

 

ความคิดจำนวนมากพุ่งชนกันอยู่ในใจของฟางหยวน

 

เขาลอบแจ้งเตือนสมาชิกนิกายเงา “เราจะถอย!”

 

เมื่อค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศถูกใช้งานอีกครั้ง ฟงจิวเก้อทำได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นและมองกลุ่มของฟางหยวนจากไปโดยไม่ไล่ล่า

 

ปรากฏว่าแม้ท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสงของเขาจะยอดเยี่ยม มันก็ยังมีจุดอ่อนเช่นท่าไม้ตายอื่น

 

นั่นคือเวลาที่จำกัด

 

ท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสงมีเวลาจำกัด

 

เมื่อมันจบลง ฟงจิวเก้อต้องรออีกสิบสี่ชั่วโมงก่อนจะสามารถใช้งานมันได้อีกครั้ง

 

กล่าวได้ว่าท่าไม้ตายนี้มีค่ามาก เขาจะไม่ใช้มันในการต่อสู้ปกติ

 

เพราะเมื่อเขาใช้มัน เขาต้องเผชิญหน้ากับข้อจำกัดของเวลา

 

หากเขาไม่สามารถจบการต่อสู้ภายในเวลาที่กำหนด ฟงจิวเก้อจะไม่มีวิธีการเคลื่อนไหวที่ดีเพื่อออกจากสนามรบ

 

ในการต่อสู้กับวูหยงก่อนหน้านี้ บ้านไม้ไผ่สายลมเร็วเกินไป แม้ฟงจิวเก้อจะใช้เพลงทางผ่านแสง เขาก็หนีไม่พ้น

 

ก่อนหน้านี้เมื่อฟางหยวนใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ ฟงจิวเก้อต้องใช้เพลงทางผ่านแสงเพื่อไล่ล่า

 

เมื่อฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร เวลาของเพลงทางผ่านแสงก็หมดลงในที่สุด ฟงจิวเก้อทำได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นขณะที่เขาต้องใช้หมัดกลองและฝ่ามือระฆังเพื่อป้องกันตัว

 

หลังจากฟางหยวนและคนอื่นๆจากไป มังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนก็ค่อยๆจางหาย

 

ในสนามรบเหลือเพียงฟงจิวเก้อเท่านั้น

 

เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย เขายังคงสง่างามราวกับการต่อสู้ก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

อย่างไรก็ตามแม้ฟางหยวนจะประสบความสำเร็จในการหลบหนีแต่ฟงจิวเก้อไม่รู้สึกหดหู่ใจ เขายังเผยรอยยิ้มบาง

 

“ต่อสู้กับฟางหยวนจะจบลงในครั้งเดียวได้อย่างไร?”

 

“มันต้องมีการตรวจสอบมากมาย หลังจากค้นพบไพ่ตายทั้งหมดของเขา ข้าจะสามารถฆ่าเขา แต่ก่อนหน้านั้น มีภารกิจของวังสวรรค์ที่บังคับให้ฟางหยวนค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง”

 

“ดูเหมือนฟางหยวนจะรู้จักข้าค่อนข้างดี มันเป็นเพราะวิญญาณกาลเวลางั้นหรือ?”

 

“ผู้อมตะหญิงคนใหม่ดูเหมือนจะเป็นเทพธิดาซุ้ยป๋อของทะเลทรายตะวันตก แต่นางใช้วิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ นี่ค่อนข้างแปลก”

 

ผลการตรวจสอบของเขาดีมาก

 

โดยเฉพาะเรื่องของอิงอู๋เซี่ย

 

ในการต่อสู้ครั้งก่อน เนื่องจากฟางหยวนเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ฟงจิวเก้อจึงไม่สังเกตเห็นเทพธิดาซุ้ยป๋อ

 

แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป

 

“อิงอู๋เซี่ยมีท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน เขาเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ฟางหยวนอาจมีแผนการบางอย่างและมันอาจเกี่ยวข้องกับอิงอู๋เซี่ย”

 

“ในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีอิงอู๋เซี่ยแต่มีสมาชิกใหม่เป็นเทพธิดาซุ้ยป๋อ”

 

“หากข้าจำไม่ผิด เทพธิดาซุ้ยป๋อเป็นนางสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง เหตุใดนางถึงไปอยู่กับฟางหยวน?”

 

“เทพธิดาซุ้ยป๋อเป็นสมาชิกของนิกายเงาหรือนาง…ถูกอิงอู๋เซี่ยเข้าสิง?”

 

แม้ฟงจิวเก้อจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาแต่เขาฉลากมากและแทบจะสามารถเปิดเผยความจริงได้ในระยะเวลาสั้นๆ

 

อีกด้านหนึ่ง

 

“ฟงจิวเก้อไม่ได้ไล่ล่าพวกเรา” ฟางหยวนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและตระหนักถึงความจริงที่ว่าเพลงทางผ่านแสงมีเวลาจำกัด

 

หลังจากเรียนรู้เรื่องนี้ สมาชิกนิกายเงาทั้งหมดจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

“ฟงจิวเก้อแข็งแกร่งสมกับชื่อเสียงของเขาจริงๆ”

 

“ข้ารู้สึกว่าเขายังไม่ได้ใช้ไพ่ทั้งหมดในมือ”

 

“โดยรวมแล้วนี่เป็นเพียงการทดสอบ เราต่างไม่ได้ใช้ไพ่ตายทั้งหมด”

 

กลุ่มผู้อมตะพูดคุยกัน

 

มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

 

ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะเลียของเสือดำ ท่าไม้ตายอมตะไป่เซียงของไป่หนิงปิง หรือท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันของอิงอู๋เซี่ย พวกมันยังไม่ถูกใช้งาน

 

ในการต่อสู้ครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายยังสงวนความแข็งแกร่งเอาไว้แต่พวกเขายังใช้วิธีการมากมาย

 

ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสงหรือนักรบเพลงของฟงจิวเก้อและท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรของฟางหยวน

 

เมื่อพวกเขาต่อสู้กันอีกครั้ง ท่าไม้ตายเหล่านี้จะถูกตอบโต้หรืออย่างน้อยพวกเขาก็จะสามารถป้องกันตัว

 

หลายวันต่อมา บนเนินทรายธรรมดาแห่งหนึ่ง

 

ลมทะเลทรายพัดมาขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน

 

ไกลออกไปมีขบวนสินค้าของผู้ใช้วิญญาณมนุษย์ค้างแรมอยู่ที่นั่น

 

คนเหล่านี้ไม่สามารถตรวจสอบการคงอยู่ของฟางหยวนและคนอื่นๆ

 

ในเวลานี้ฟางหยวนกำลังเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของเขา

 

ค่ายกลวิญญาณถูกสร้างขึ้นที่ภาคกลางน้อย

 

มันก็คือค่ายกลวิญญาณชำระล้างตัวเอง!

 

โดยใช้วิญญาณอมตะรักตัวเองระดับเจ็ดเป็นแกนกลางและวิญญาณอมตะธงค่ายกลระดับเจ็ดเป็นส่วนสนับสนุน ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้จะชำระล้างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เป็นอันตรายทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง และด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะธงค่ายกล ค่ายกลวิญญาณนี้จึงสามารถเคลื่อนย้ายได้ดังใจปรารถนา

 

กล่าวคือเมื่อฟางหยวนต้องการ เขาสามารถนำมันออกมาและใช้งานมัน

 

หากเขาไม่จำเป็นต้องใช้งานมัน เขาสามารถเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันสะดวกมาก

 

“ค่ายกลวิญญาณนี้ยังสามารถพัฒนาไปได้อีกมาก ตัวอย่างเช่น ข้าสามารถเพิ่มวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อเร่งความเร็ว น่าเสียดายที่ระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของข้าต่ำเกินไป ข้าไม่สามารถอนุมานมันได้”

 

ฟางหยวนรู้สึกเสียดาย

 

“แต่อย่างน้อยข้าก็สามารถย้ายจิตวิญญาณค่ายกลมาไว้ในค่ายกลวิญญาณนี้”

 

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

 

ฟางหยวนรวมค่ายกลวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ของเจิ้งหยวนซือเข้ากับค่ายกลวิญญาณชำระล้างตัวเอง

 

มันเป็นทักษะการผสมผสานบนเส้นทางแห่งค่ายกล

 

แน่นอนว่ามันเป็นเพราะความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวน

 

เขามั่นใจมากในเรื่องนี้ เขาต้องการเวลาขึ้น

 

“ด้วยการคงอยู่ของจิตวิญญาณค่ายกล ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ค่ายกลวิญญาณด้วยตนเอง ข้าสามารถใช้เวลาและพลังงานของข้ากับเรื่องอื่น”

 

“แต่ก่อนหน้านั้นข้าต้องยกระดับท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนขึ้นอีกระดับหนึ่ง!”

 

หลังจากต่อสู้กับฟงจิวเก้อ ฟางหยวนได้รับแรงบันดาลใจมากมาย

 

สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาต้องพัฒนาท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน!

 

ในเวลาเดียวกัน

 

“มันคืออาณาจักรแห่งความฝันจริงๆ”

 

“แต่เจตจำนงของสามี วิญญาณอมตะระดับแปด และหงหยุนยังอยู่ข้างในหรือไม่?”

 

กลางอากาศ ผู้อมตะหญิงระดับเจ็ดสองคนมองหน้ากัน

 

พวกนางเป็นนางสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง หนึ่งคือนางบำเรอรัตติกาล อีกหนึ่งคือนางกำนัลชิงเหลียน

 

ไม่นานมานี้บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงได้รับข้อมูลว่าฟางหยวนและคนอื่นๆวางแผนต่อต้านเขาและกระทั่งจับตัวเทพธิดาซุ้ยป๋อ แน่นอนว่าเขายังรู้ว่านางรำหงหยุนและเจตจำนงของเขาติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน

 

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงโกรธมาก แต่เพราะอาการบาดเจ็บของเขายังไม่หาย ดังนั้นเขาจึงต้องส่งนางสนมสองคนนี้ออกมาตรวจสอบเรื่องนี้

 

ไม่ว่าจะเป็นนางบำเรอรัตติกาลหรือนางกำนัลชิงเหลียน พวกนางต่างเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่ต่อหน้าอาณาจักรแห่งความฝัน พวกนางยังไม่สามารถทำสิ่งใด

 

เมื่อพวกนางหมดหนทาง มีเสียงลึกลับดังขึ้นในใจของทั้งสอง “หากพวกเจ้าไม่สามารถสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน เหตุใดพวกเจ้าไม่ไปหาผู้ก่อการร้าย เทพธิดาซุ้ยป๋ออยู่กับพวกเขา”

 

“ผู้ใด?”

 

“ออกมา!”

 

ผู้อมตะหญิงทั้งสองตะโกน พวกนางใช้วิธีตรวจสอบทั้งหมดที่มีแต่ยังไม่พบแหล่งที่มาของเสียง

 

“เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งเสียงที่น่าประทับใจ” การแสดงออกของนางบำเรอรัตติกาลและนางกำนัลชิงเหลียนเปลี่ยนไป

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset