ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสีแดง
เดิมทีสถานที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งใด แต่ตอนนี้มีค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ตั้งอยู่
ค่ายกลวิญญาณนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายของกาลเวลาออกมา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลา
ฟางหยวน ไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน เทพธิดาเมี่ยวหยิน เทพธิดากระต่ายขาว และอิงอู๋เซี่ยอยู่ภายในค่ายกลวิญญาณนี้
ค่ายกลวิญญาณทำงานมาแล้วเป็นเวลานาน
มันใช้วิญญาณปีอมตะระดับเจ็ดเป็นแกนกลางและใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำระดับแปดเป็นส่วนสนับสนุน แกนกลางของค่ายกลวิญญาณไม่จำเป็นต้องเป็นวิญญาณระดับสูงกว่าเสมอไป ตัวอย่างเช่นค่ายกลวิญญาณนี้ที่ใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำระดับแปดเป็นส่วนสนับสนุน
ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้มาจากมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน
จุดประสงค์ของมันคือการเชื่อมต่อกับสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาในมิติช่องว่างอมตะ
มันถูกเรียกว่าค่ายกลวิญญาณตกอสูรปี
ชื่อของมันค่อนข้างน่าสนใจ คนอื่นๆอาจใช้คำนี้ในการตกปลา แต่ไห่ฟานต้องการตกอสูรปี ในความเป็นจริงไห่ฟานต้องการใช้มันจับอสูรปีแรกกำเนิด
ตั้งแต่ไห่ฟานได้รับวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ เขาก็ได้เรียนรู้ข้อบกพร่องของมัน กลิ่นอายของวิญญาณอมตะดวงนี้จะดึงดูดอสูรปีแรกกำเนิดเข้ามาผ่านสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา
ดังนั้นไห่ฟานจึงต้องหาวิธีแก้ปัญหา
วิธีแรกที่ไห่ฟานนึกถึงคือค่ายกลวิญญาณที่ฟางหยวนใช้วางกับดักฟงจิวเก้อและส่งเขาเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลาก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามวิธีนี้มีจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่
มันจะทำให้เวลาในมิติช่องว่างของผู้อมตะหยุดเดิน เมื่อเวลาไม่เคลื่อนไหว ทรัพยากรทั้งหมดที่อยู่ภายในมิติช่องว่างก็จะไม่เติบโต วิญญาณจะไม่สามารถอาศัยอยู่ เขาต้องนำวิญญาณออกมาภายนอก
เรื่องนี้อันตรายมาก หากเกิดการต่อสู้ พวกมันอาจถูกทำลายโดยศัตรูของเขา
ไห่ฟานเป็นคนฉลาด เขาคิดวิธีนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น
เขาค้นคว้าต่อไปและพบวิธีใหม่ ตราบเท่าที่มีอสูรปีแรกกำเนิดอยู่ในมิติช่องว่างของเขา อสูรปีแรกกำเนิดตัวอื่นจะไม่เข้ามาในอาณาเขตของมันแม้กลิ่นอายของวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำจะเย้ายวนใจเพียงใดก็ตาม
ดังนั้นไห่ฟานจึงคิดหาวิธีเลียนแบบกลิ่นอายของอสูรปีแรกกำเนิด
แต่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาไม่สูงนัก เขาไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้
ต่อมาเขาพิจารณาเกี่ยวกับการเลี้ยงอสูรปีแรกกำเนิดด้วยตัวเขาเอง
แต่ถ้ำสวรรค์ของเขาไม่ใหญ่มากนัก มันเต็มไปด้วยทรัพยากร มันยากที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับอสูรปีแรกกำเนิด นอกจากนี้ในการเลี้ยงอสูรปีแรกกำเนิด เขาจำเป็นต้องเริ่มจากการเลี้ยงอสูรปีบรรพกาลก่อนจะยกระดับมัน หลังจากทั้งหมดสวรรค์สีเหลืองไม่มีอสูรปีแรกกำเนิดวางขาย
กระบวนการนี้ใช้เวลานานเกินไป ไห่ฟานมีอายุขัยไม่เพียงพอ
เมื่อทั้งสองวิธีไม่สามารถทำได้ ไห่ฟานจึงคิดอีกวิธีหนึ่ง เขาจะใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำเรียกอสูรปีแรกกำเนิดออกมาและทำให้มันกลายเป็นทาส
ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของไห่ฟานอยู่ในระดับปรมาจารย์ มันไม่ได้เลวร้ายเหมือนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง
แต่มันไม่ง่ายที่จะใช้ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีแรกกำเนิด
ในช่วงสุดท้ายของชีวิต ไห่ฟานสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะตกอสูรปี
ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้สามารถเรียกอสูรปีแรกกำเนิดออกมาแต่เขาไม่สามารถควบคุมมัน หลังจากทั้งหมดสิ่งนี้เป็นเพียงการตกไม่ใช่การอัญเชิญ
แนวคิดดั้งเดิมของไห่ฟานคือการอัญเชิญอสูรปีแรกกำเนิดภายใต้การควบคุมของเขา
แต่กระทั่งถึงจุดจบของชีวิต ไห่ฟานก็ยังไม่บรรลุเป้าหมาย
หากเขามีเวลามากกว่านี้ เขาอาจทำสำเร็จ
ไม่มีสิ่งใดสามารถเอาชนะกาลเวลา กระทั่งอัจริยะก็ไม่สามารถ
หากฟางหยวนมีเวลาเพียงพอ เขาจะสามารถเติมเต็มความปรารถนาของไห่ฟานและสร้างท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีแรกกำเนิดได้โดยตรง
มรดกที่แท้จริงไม่ใช่แค่ของขวัญแต่ยังเป็นตัวช่วยชั้นยอด
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่มีเวลาพัฒนาท่าไม้ตายดังกล่าว
เขาจำเป็นต้องใช้ค่ายกลวิญญาณตกอสูรปีแรกกำเนิดก่อนที่จะใช้ท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยสะกดข่มมัน
‘หากไห่ฟานมีท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อย เขาจะได้รับอสูรปีแรกกำเนิด’
‘ตอนนี้อันตรายเกินไปสำหรับข้าที่จะไปยังสายธารแห่งกาลเวลา นอกจากมันจะเป็นสถานที่อันตราย วังสวรรค์ก็คงเตรียมการบางอย่างเอาไว้แล้ว’
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนส่งฟงจิวเก้อไปยังสายธารแห่งกาลเวลา แต่ฟงจิวเก้อสามารถหลบหนีออกมา นี่ทำให้ฟางหยวนสามารถคาดเดาบางสิ่ง
‘ฟงจิวเก้อรอดชีวิตมาได้อาจเป็นเพราะความสามารถของเขาเองหรืออาจเป็นการจัดเตรียมของวังสวรรค์ในสายธารแห่งกาลเวลา’
‘ไม่ว่ากรณีใดเมื่อข้าเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา กรณีที่เลวร้ายที่สุดคือข้าจะถูกขัดขวางและซุ่มโจมตี’
‘ในสายธารแห่งกาลเวลา ข้าไม่มีความได้เปรียบด้านสถานที่ ข้าไม่เชี่ยวชาญการต่อสู้ที่นั่น เว้นเพียงข้าจะมีอสูรปีแรกกำเนิดที่ช่วยปกป้องและรับรองความปลอดภัยของข้า’
เขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายหากเขาเตรียมตัวไปอย่างเพียงพอ
เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงดังมาจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา
“เจี๊ยก เจี๊ยก…”
‘ดูเหมือนอสูรปีแรกกำเนิดจะถูกล่อลวงเข้ามาในที่สุด!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
ภายในค่ายกลวิญญาณ สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาส่องปรากฎขึ้น
ลิงตัวใหญ่มองค่ายกลวิญญาณอมตะผ่านสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา
ดวงตาของมันมีขนาดเท่าช้าง สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาราวกับช่องเล็กๆที่บางคนกำลังลอบมองดูจากหลังประตู
มันไม่พบฟางหยวนแต่มันมองเห็นวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ
เมื่อเห็นวิญญาณอมตะระดับแปดดวงนี้ ความอยากอาหารของมันก็พุ่งสูงขึ้น มันเริ่มน้ำลายไหล
วิญญาณวัน วิญญาณเดือน และวิญญาณปีเป็นอาหารของอสูรปี ในสายตาของอสูรปีแรกกำเนิด วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำไม่ต่างจากอาหารจานใหญ่ที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“เจี๊ยก เจี๊ยก…”
มันสูดหายใจลึกและพยายามเข้าสู่มิติช่องว่างของฟางหยวน
อสูรปีมีความสามารถในการเดินทางจากสายธารแห่งกาลเวลาไปยังที่ใดก็ได้ในโลกใบนี้ ฟางหยวนเคยอัญเชิยอสูรปีมาก่อน พวกมันสามารถออกมาจากสายธารแห่งกาลเลาและเข้าสู่สนามรบได้ทันที
ตราบเท่าที่สายธารแห่งกาลเวลาไหลผ่านบริเวณนั้น อสูรปีก็สามารถเข้าออก
มิติช่องว่างของฟางหยวนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
แต่การเข้าไปในมิติช่องว่างของผู้อมตะยากกว่าการเดินทางไปยังห้าภูมิภาคและสองสวรรค์
อสูรปีแรกกำเนิดใช้มือของมันขยายสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา
‘มิติช่องว่างของข้าเป็นเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์ มันอาจเล็กเกินไปและไม่สะดวกที่พวกมันจะเข้าออก แต่มันยังสามารถเก็บสัตว์อสูรแรกกำเนิด’
ฟางหยวนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นอสูรปีแรกกำเนิดตัวนี้
เนื่องจากการเข้าหรือออกเป็นเรื่องยาก ดังนั้นเมื่อมันเข้าสู่การต่อสู้ มันจะไม่สามารถหลบหนีได้โดยง่าย
หลังจากอสูรปีวอกแรกกำเนิดเข้ามาในมิติช่องว่างของฟางหยวน สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่อยู่ด้านหลังมันก็ซ่อมแซมตัวเอง
“เจี๊ยก เจี๊ยก…”
อสูรปีวอกแรกกำเนิดใช้จมูกดมกลิ่น เมื่อตระหนักถึงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ มันก็กระโจนร่างไปยังจุดหมายทันที
“ปัง!”
อสูรปีวอกแรกกำเนิดพุ่งชนกำแพงพลังงานที่มองไม่เห็นขณะที่ค่ายกลวิญญาณไม่แม้แต่จะเกิดการสั่นสะเทือน
ย้อนกลับไปเมื่อไห่ฟานคิดค้นค่ายกลวิญญาณนี้ เขาก็พิจารณาถึงสถานการณ์นี้เอาไว้แล้ว