ภาคกลาง วังสวรรค์
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยวิหารที่สร้างจากหยกขาว
ท่ามกลางวิหารเหล่านี้ที่วิหารสีดำสนิทที่สังเกตเห็นได้ชัดอยู่หลังหนึ่ง
มีบางคำสลักอยู่หน้าประตูทางเข้า วิหารปราบวิญญาณ!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด
ที่ใจกลางวิหารมีเสาขนาดใหญ่ห้าต้น
โซ่สีม่วงทองเชื่อมต่อกัน มันดูราวกับใยแมงมุมขนาดใหญ่
มีดวงวิญญาณถูกพันธนาการเอาไว้ที่นี่
มันก็คือร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณ!
เทพธิดาจื่อเว่ยยืนนิ่งอยู่ด้านหน้า “เทพปีศาจจิตวิญญาณ เจ้าเป็นผู้อมตะระดับเก้าเมื่อยังมีชีวิตอยู่ แต่เจ้าไม่ยอมรับความตายและท้าทายสวรรค์ ผลลัพธ์ของเจ้าคือความล้มเหลว เจ้าจะยอมรับผิดหรือไม่?”
เสียงของนางดังสะท้อนไปทั่ว
ตรงกันข้ามกับดวงวิญญาณที่นิ่งเงียบและไม่เปล่งเสียงใดๆออกมาทั้งสิ้น
เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวต่อ “ในอดีตเจ้าอาละวาดไปทั่วโลกและสังหารสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง ตอนนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษไปแล้ว เจ้ายังไม่กลับใจและยังพยายามดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์”
ดวงวิญญาญยังนิ่งเงียบ
เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจและกระตุ้นใช้พลังอำนาจของวิหารปราบวิญญาณ
กลิ่นอายของวิญญาณปะทุขึ้น เสาทั้งห้าเริ่มปลดปล่อยแสงและความร้อนออกมา
โซ่สีม่วงทองส่องประกายสว่างไสว
ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณเริ่มสั่น
เมื่อเวลาผ่านไปข้อมูลบางส่วนก็ถูกดึงออกมา
ภาพเริ่มปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของเสายักษ์ มันแสดงฉากชีวิตในอดีตของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
มีฉากการบ่มเพาะของเขา ความกล้าหาญในการต่อสู้ การสนทนากับบางคน และอื่นๆ
การค้นวิญญาณดำเนินไปเป็นเวลาสิบห้านาทีก่อนจะหยุดลงอย่างช้าๆ
อย่างไรก็ตามเทพธิดาจื่อเว่ยกลับไม่พอใจ ข้อมูลที่ถูกดึงออกมาไม่ใช่ข้อมูลที่มีค่าใดๆ
นางเย้ยหยัน “โอ้ เทพปีศาจจิตวิญญาณ เจ้าเอาชนะทุกสิ่งมาเพื่อสิ่งนี้งั้นหรือ? เจ้าไม่มีความหวังเหลืออยู่อีกแล้ว เจ้ายังหวังว่าบางคนจะโจมตีวังสวรรค์และช่วยเจ้างั้นหรือ? ฮ่าฮ่า เจ้าจะทำสิ่งใดได้อีก? ผลลัพธ์ถูกกำหนดแล้วและไม่สามารถเปลี่ยนแปลง”
เทพปีศาจจิตวิญญาณยังเงียบราวกับก้อนหิน
เทพธิดาจื่อเว่ยก่นเสียงเย็นก่อนจะหันหลังกลับและจากไป
“ปัง!”
ประตูบานใหญ่ถูกผลักปิดตัวลงอย่างรุนแรง
เมื่อมองไปที่ลานกว้างและวิหารอันเงียบงัน คิ้วของเทพธิดาจื่อเว่ยขมวดเล็กน้อย
ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของนาง
ตอนนี้กลุ่มของฟงจิวเก้อยังไม่พบร่องรอยของฟางหยวน
นอกจากนั้นสายข่าวของวังสวรรค์ในทะเลทรายตะวันตกก็ไม่ได้รับข่าวว่ามีบางคนออกมาจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา
ทุกอย่างเงียบสงบ
อย่างไรก็ตามเทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกถึงความผิดปกติในความสงบสุขนี้
“น่าเสียดาย เทพปีศาจจิตวิญญาณยังต่อต้านแม้จะตกอยู่ในสภาพนี้ ข้อมูลที่ดึงออกมาไม่มีประโยชน์”
‘เขาเคยเป็นผู้อมตะระดับเก้าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในตำนาน แม้นี่จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของดวงวิญญาณ แต่เขายังสามารถต่อต้านการค้นวิญญาณจากวิหารปราบวิญญาณ ช่างน่าทึ่งนัก หากเป็นดวงวิญญาณของเข้า ยังไม่ต้องกล่าวถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะ กระทั่งผู้อมตะระดับหก ข้าก็ไม่สามารถต่อต้าน”
“ลืมมันไปซะ แม้เทพปีศาจจิตวิญญาณจะไม่ให้ความร่วมมือ แต่วิหารปราบมารยังสามารถค้นวิญญาณของเขาต่อไป แม้มันจะช้า แต่เมื่อเวลาผ่านไป ข้อมูลทั้งหมดจะถูกดึงออกมาในที่สุด”
“สำหรับตอนนี้…”
เทพธิดาจื่อเว่ยมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเผยรอยยิ้มสดใส
“ถึงเวลาแล้วที่โลกจะได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์!”
วังสวรรค์นิ่งเงียบมาหลายเดือนหลังการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน แต่ตอนนี้พวกเขากำลังจะเปิดเผยข่าวที่น่าสะพรึงกลัวออกไป
ดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับโดยวังสวรรค์ขณะที่แผนการท้าทายสวรรค์ของเขาถูกทำลายโดยผู้อมตะของวังสวรรค์
เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ความโกลาหลปะทุขึ้นในโลกของผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคทันที
ผู้อมตะระดับเก้าคือผู้ปกครองแห่งยุคสมัย
ไม่มีผู้ใดสามารถจินตนาการว่าวังสวรรค์จะสามารถจับผู้อมตะระดับเก้า ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นเทพปีศาจจิตวิญญาณที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของดวงวิญญาณ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้โลกทั้งใบสั่นสะเทือน
แน่นอนว่ามีบางคนตั้งคำถามถึงความถูกต้องของข่าวนี้แต่ไม่นานพวกเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
วังสวรรค์เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี พวกเขาแสดงหลักฐานทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นกองกำลังพันธมิตรผีดิบ นิกายเงา รวมถึงการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนและการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน
หลังฐานเหล่านี้ทำให้ผู้คนเชื่อมันอย่างสมบูรณ์
วังสวรรค์ได้รับความสนใจอีกครั้ง ความรุ่งโรจน์ในอดีตของวังสวรรค์ถูกขุดขึ้นมากล่าวถึง
พวกเขาเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของโลกผู้อมตะตั้งแต่เริ่มต้น
วังสวรรค์ถูกก่อตั้งขึ้นโดยเทพอมตะแรกกำเนิด หลังจากนั้นเทพอมตะกลุ่มดาวก็รับช่วงต่อและยังสามารถยืนหยัดมาจนถึงปัจจุบัน
แม้เทพปีศาจสามคนจะบุกวังสวรรค์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด
กล่าวได้ว่ามันทั้งลึกลับ ทรงพลัง และเหนือจินตนาการ
นี่คือวังสวรรค์
…..
ภารเหนือ ถ้ำสวรรค์นิรันดร
ราชันใต้นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าที่แก่ชราของเขาแสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
“เห้อ…ผู้ใดจะคิดว่าชื่อเสียงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่จะถูกทำลายหลังจากความตายภายใต้เงื้อมมือของวังสวรรค์” ราชันใต้ถอนหายใจ
เหยากวงที่ยืนอยู่ข้างเตียงปลอบโยน “ท่านราชันใต้ ท่านควรให้ความสำคัญกับการพักฟื้นและพักผ่อน”
ราชันใต้หัวเราะเบาๆ “ข้าเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน จำสิ่งที่ข้าเคยบอกเจ้าเอาไว้ เจ้าจะรับตำแหน่งราชันใต้หลังจากข้าตาย”
“รับทราบ!”
ราชันใต้แสดงความกังวล “สิ่งต่างๆกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป ภูมิภาคทั้งห้าจะเข้าสู่สถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ข้าสัมผัสได้ถึงคลื่นแห่งกาลเวลาที่พุ่งพล่านและไม่ธรรมดา กระทั่งถ้ำสวรรค์นิรันดรของเราก็ยังจะถูกคลื่นยักษ์กลืนกินหากเราก้าวพลาด วังสวรรค์จะเป็นศัตรูตัวฉกาจของเรา ระวังตัวด้วย”
“ผู้น้อยจะจดจำถ้อยคำของท่านเอาไว้อย่างดี”
…..
ภาคใต้ ภูเขาศพ
นี่เป็นยอดเขาที่แปลกมาก ในอดีตผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้กลายเป็นผีดิบอมตะและต่อสู้กับกองกำลังใหญ่บนยอดเขาลูกนี้ ในที่สุดเขาตายที่นี่ เมื่อเวลาผ่านไป ซากศพของผีดิบอมตะระดับแปดก็กลายเป็นสารอาหารหล่อเลี้ยงสถานที่แห่งนี้และทำให้มันกลายเป็นภูเขาศพ
ภูเขาศพมีความสูงหลายร้อยเมตร มันอยู่ใกล้กับจุดตัดของแม่น้ำมังกรแดงและแม่น้ำมังกรเหลืองซึ่งเต็มไปด้วยแก่นแท้ของธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้มันจึงเต็มไปด้วยทรัพยากรและกลายเป็นสถานที่สำคัญ
ตอนนี้วูหยงยืนอยู่บนยอดเขาศพและกำลังจ้องมองจุดตัดของแม่น้ำทั้งสอง
ด้านข้างเขาคือผู้อมตะตระกูลวู วูเจิ้น
วูเจิ้นมองแผ่นหลังของวูหยงด้วยความรู้สึกชื่นชมในหัวใจ
เดิมทีภูเขาศพอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลวู แต่ไม่นานมานี้มันถูกยึดครองโดยตระกูลเหยา หลังการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน วูหยงเปิดเผยการคงอยู่ของบ้านไม้ใผ่สายลมรวมถึงความแข็งแกร่งของเขา นั่นสร้างความหวาดกลัวให้กับกองกำลังอื่นๆเป็นอย่างมาก หลังจากประสบความสำเร็จในการเจรจากับวังสวรรค์และได้รับวิญญาณอมตะกลับคืน เขาส่งมอบพวกเขาให้กับเจ้าของเดิม
ผลที่ตามมาคือชื่อเสียงของวูหยงที่พุ่งสูงขึ้น แม้ตระกูลวูจะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่เรื่องนี้ทำให้สถานการณ์ของตระกูลวูเกิดเสถียรภาพและกลายเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของภาคใต้อีกครั้ง
ความสำเร็จของเขาทำให้กองกำลังอื่นๆล่าถอยและละทิ้งแหล่งทรัพยากรที่เคยฉกชิงมาจากตระกูลวู
ตอนนี้คนในตระกูลวูเริ่มเปรียบเทียบวูหยงกับวูตู๋ซิ่ว พวกเขาคิดว่าวูหยงจะสามารถนำตระกูลวูสู่ความรุ่งโรจน์ได้อย่างแน่นอน
“วูเจิ้น ภูเขาศพเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ข้าจะมอบสิ่งนี้ให้เจ้าดูแล” วูหยงกล่าวโดยไม่หันหลังกลับ
“ทราบแล้ว ข้าจะไม่ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งผิดหวัง” น้ำเสียงของวูเจิ้นสั่นเล็กน้อย
“นายท่าน…” เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ “ภูเขาศพเป็นแหล่งทรัพยากรสุดท้ายที่พวกเราสูญเสียไป ตอนนี้เราจะตอบโต้พวกเขาเลยหรือไม่?”
วูหยงขมวดคิ้ว
เขาวางแผนตอบโต้มาตลอด
แต่หลังจากได้ยินข่าวการจับตัวเทพปีศาจจิตวิญญาณของวังสวรรค์ วูหยงตัดสินใจยกเลิกแผนการนี้
“ครั้งนี้ตระกูลวูสูญเสียผู้อมตะมากเกินไป เนื่องจากเราสามารถกู้คืนดินแดนทั้งหมดแล้ว ด้วยกำลังคนของเราในเวลานี้ เราแทบไม่สามารถดูแลพวกมัน นี่เป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า ตอนนี้ถึงเวลาพักฟื้นและบ่มเพาะผู้อมตะรุ่นต่อไปแล้ว”
“ทราบแล้ว ข้าจะทำตามการตัดสินใจของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง” วูเจิ้นกล่าวด้วยความเคารพ
ชื่อเสียงของวูหยงในปัจจุบันทำให้เขาได้รับการสนับสนุนจากผู้อมตะทั้งหมดของตระกูล
“อย่างไรก็ตามเราจะไม่ปล่อยคนที่กล้าท้าทายตระกูลวูของเราไปอย่างง่ายดาย แม้เราจะไม่ขยายอาณาเขต แต่เราจะต้องได้รับทรัพยากรเป็นค่าชดเชย” วูหยงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของวูเจิ้นพุ่งพล่านขึ้นทันที “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งฉลาดมาก!”
…..
ทะเลทรายตะวันตก ฐานทัพใหญ่ของตระกูลถัง
“วังสวรรค์ช่างน่ากลัวนัก” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของตระกูลถังกล่าวด้วยความกังวล
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลถังชำเลืองมองเขาอย่างเฉยเมย เขาเข้าใจความหมายของคนผู้นี้
ก่อนหน้านี้เมื่อพวกเขากล่าวถึงความร่วมมือกับนิกายเงา ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เมื่อข่าวเรื่องวังสวรรค์สามารถจับกุมเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกเผยแพร่ออกมา ผู้อมตะตระกูลถังจึงรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก
“วังสวรรค์จะกล่าวโทษพวกเราเพราะความร่วมมือกับนิกายเงาหรือไม่?’ ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองถอนหายใจ
“หากพวกเขาทำแล้วอย่างไร? หากพวกเขาไม่ทำแล้วอย่างไร?” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งยิ้ม
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองขมวดคิ้ว “หากพวกเขาไม่โทษพวกเรา มันย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดี เราสามารถร่วมมือกับนิกายเงาต่อไป แต่หากพวกเขาต้องการเอาความกับพวกเรา เราต้องร่วมมือกับกองกำลังอื่นเพื่อต่อต้านวังสวรรค์ แน่นอนว่าเราต้องรักษาความลับเอาไว้และไม่เปิดเผยหลักฐานใดๆ มิฉะนั้นวังสวรรค์จะมีข้ออ้างขณะที่พวกเราจะไม่สามารถขอกำลังเสริม”
“นอกจากนั้นหากไม่ได้ผลเราจะเสียสละถังฟางหมิงและถังหลานเค่อเพื่อตระกูล”
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า ดู เจ้ารู้วิธีจัดการกับสถานการณ์อยู่แล้ว เช่นนั้นเจ้าจะตื่นตระหนกเพื่อสิ่งใด?”
“ฮืม!”
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งหัวเราะก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หากตระกูลถังต้องการลุกขึ้น เราต้องเสี่ยงเท่านั้น หากเราไม่สามารถทำความเข้าใจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เราจะได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ได้อย่างไร? สำหรับถังฟางหมิงและถังหลานเค่อ พวกเขาเข้าใจเรื่องนี้อยู่แล้ว การเสียสละเพื่อตระกูลถือเป็นเกียรติของพวกเขา”
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองถอนหายใจ “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งช่างฉลาดหลักแหลมนัก”