มิติช่องว่างจักรพรรดิ ทะเลตะวันออกน้อย ทะเลเกล็ดมังกร
ผู้อมตะลอยอยู่กลางอากาศและกำลังมองลงไปที่ทะเลเบื้องล่าง
ใบหน้าของเขาดูไม่ธรรมดา ดวงตาลึกราวกับบ่อน้ำที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
มันคือผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ฟางหยวน
ตอนนี้ทะเลกำลังปั่นป่วน คลื่นน้ำสาดซัด แต่ไม่มีลม
‘มิติช่องว่างจักรพรรดิไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ ไม่มีลมหรือก้อนเมฆอยู่ที่นี่ เหตุผลที่ทะเลเกล็ดมังกรมีคลื่นน้ำเพราะร่างหลักของข้าสร้างมันขึ้นมาด้วยค่ายกลวิญญาณ’
ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนคิด
ตอนนี้ทะเลเกล็ดมังกรเป็นพื้นที่ทะเลอันดับหนึ่งในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ปัจจุบันฟางหยวนกำลังพัฒนาสถานที่แห่งนี้ด้วยเงินทุนจำนวนมหาศาล
ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลามองไปรอบๆ ปลามังกรจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังแหวกว่ายอยู่อย่างหนาแน่น
ฟางหยวนทุ่มเงินทุนไปมากมายพร้อมกับเพิ่มความเร็วของเวลาและใช้วิธีการบนเส้นทางอาหาร นั่นทำให้ปลามังกรเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากปลามังกรทั่วไปยังมีปลามังกรทองแดง ปลามังกรเหล็กไหล และปลามังกรเงินอีกเล็กน้อย
ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลามองลึกลงไปใต้ทะเล
ในไม่ช้าใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นความยินดี เขาพบเป้าหมายแล้ว
มันคือปลามังกรทอง มันมีเกล็ดสีทองและดวงตาแหลมคมแตกต่างจากดวงตาที่ดูไร้ชีวิตของปลามังกรทั่วไป
เปรียบเทียบกับปลามังกรตัวอื่นๆ มันมีขนาดเล็กที่สุด มันมีขนาดเท่ากับฝ่ามือมนนุษย์เท่านั้น
แต่ร่างแยกของฟางหยวนสัมผัสได้ว่าปลามังกรทองตัวนี้มีเพียงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางอาหารอยู่บนร่างกายเท่านั้น มันไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสายอื่นอยู่เลย
แม้มันจะตัวเล็ก แต่มันปลดปล่อยกลิ่นอายของสัตว์อสูรบรรพกาลที่แท้จริงออกมา
ปลามังกรสายพันธุ์อื่นสามารถเข้าถึงระดับสัตว์อสูรเดียวดายเท่านั้น แต่ปลามังกรทองสามารถบรรลุระดับสัตว์อสูรบรรพกาล
สิ่งนี้ไม่สามารถมองข้าม มันหมายความว่าปลามังกรทองได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของสายพันธุ์ดั่งเดิมเข้าสู่ระดับใหม่อย่างสมบูรณ์
“ปลามังกรทองคือขีดจำกัดในการพัฒนามันแล้ว” ร่างแยกของฟางหยวนถอนหายใจ
ปลามังกรทองบรรพกาลว่ายอยู่ในทะเล ไม่ว่าจะเป็นปลามังกรทั่วไป ปลามังกรเดียวดาย ปลามังกรทองแดงเดียวดาย ปลามังกรเหล็กไหลเดียวดาย หรือปลามังกรเงินเดียวดาย พวกมันต้องเปิดทางให้กับปลามังกรทองบรรพกาล
ปลามังกรทองบรรพกาลคือราชาของปลามังกร เมื่อมันปรากฏขึ้น ปลามังกรชั้นล่างทั้งหมดต้องติดตามและปกป้องมัน
“แม้ข้าจะเป็นเจ้าของปลามังกรทั้งหมด อิทธิพลของข้าก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับปลามังกรทองบรรพกาล”
อาจกล่าวได้ว่าฟางหยวนและปลามังกรทองบรรพกาลได้ต่อสู้กันเพื่อควบคุมปลามังกรเหล่านี้ แต่สุดท้ายเป็นฟางหยวนที่พ่ายแพ้
สัตว์อสูรบรรพกาลจะได้รับความภักดีจากฝูงของมันโดยธรรมชาติ
“แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ปลามังกรทองบรรพกาลควบคุมปลามังกรขณะที่ข้าควบคุมปลามังกรทองบรรพกาลอีกทีหนึ่ง โชคไม่ดีที่ปลามังกรไม่มีพลังการต่อสู้ กระทั่งพลังการต่อสู้ของปลามังกรทองบรรพกาลก็ยังอยู่ในระดับล่างเมื่อเทียบกับสัตว์อสูรบรรพกาลชนิดอื่น ดังนั้นปลามังกรเหล่านี้จึงสามารถใช้เป็นสินค้าเท่านั้น”
ครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
โหยว่ชานมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก
แม้นางจะประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ปลามังกรเงิน แต่นางก็ต้องขอความช่วยเหลือจากฉินไป่อี้และวังสวรรค์รวมถึงปลามังกรเงินของฟางหยวน
ดังนั้นแม้นางจะสามารถผลิตปลามังกรเงิน แต่ในแง่ของปริมาณการผลิต นางยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับฟางหยวน
ธุรกิจปลามังกรของฟางหยวนกำลังก้าวนำหน้านางในสวรรค์สีเหลือง
ปลามังกรเงินมีประโยชน์มากเกินไปและเนื่องจากฟางหยวนไม่ได้ขึ้นราคามากนัก ปลามังกรของผู้อื่นจึงไม่สามารถแข่งขัน
นอกจากนั้นฟางหยวนยังขายปลามังกรเงินได้มากกว่าโหยว่ชาน
ความแตกต่างของทั้งสองเห็นได้ชัดมาก
อย่างไรก็ตามโหยว่ชานยังไม่ยอมแพ้ นางยังพยายามสู้ต่อไป
ทะเลกระเรียนขาว
ฉินไป่อี้หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าก็ผ่านส่วนที่ยากลำบากที่สุดไปได้ ด้วยวิธีนี้เราจะสามารถผลิตปลามังกรเงินได้มากขึ้น!”
ใบหน้าของโหยว่ชานซีดขาวแต่ยังสามารถมองเห็นความสุขในดวงตาของนาง
นางทำงานร่วมกับฉินไป่อี้มาเป็นเวลาครึ่งเดือนโดยไม่ได้หยุดพักด้วยการพึ่งพาข้อมูลจากวังสวรรค์
“แต่…แม้จะได้ผลลัพธุ์เช่นนี้ ผลผลิตของเราก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับฝ่ายตรงข้าม” โหยว่ชานถอนหายใจ
“เสี่ยวชาน อย่ากังวล ตราบเท่าที่เราร่วมมือกัน เราจะสามารถแก้ปัญหานี้ ปลามังกรเงินไม่ใช่วิญญาณความเด็ดเดี่ยว เมื่อเวลาผ่านไปผลผลิตของเราจะทัดเทียมกับเขา” ฉินไป่อี้ค่อนข้างมองโลกในแง่ดี
“แต่มันก็ทำให้เราเท่าเทียบกับเขาเท่านั้น มันยากเกินไปที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เราไม่มีความแข็งแกร่งมากพอ นั่นหมายความว่าเราสามารถทำได้ดีที่สุดคือเทียบเท่าเขาและนี่อยู่ภายใต้ข้อสันนิษฐานว่าเขาจะไม่ผลิตปลามังกรสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาอีก” โหยว่ชานส่ายศีรษะ
ฉินไป่อี้ต้องการปลอบโยนโหยว่ชานแต่นางกลับไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมา
ความจริงก็คือผลลัพธ์ค่อนข้างชัดเจนแล้ว
โหยว่ชานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน นางทำได้เพียงทำตัวเงียบๆและพยายามตามเขาให้ทันเพื่อรักษาสมดุลเท่านั้น
พวกนางไม่มีทางชนะ เว้นเพียงพวกนางจะได้รับความช่วยเหลือจากภายนอก
ตัวอย่างเช่นวังสวรรค์
พวกเขามีมรดกบนเส้นทางอาหารอยู่มากมาย
แต่เหตุใดเทพธิดาจื่อเว่ยต้องช่วยฉินไป่อี้และโหยว่ชานโดยปราศจากเงื่อนไข?
ทั้งสองฝ่ายอยู่ต่างภูมิภาค ฉินไป่อี้และโหยว่ชานตื่นตัวมากเมื่อทำงานร่วมกับวังสวรรค์
แต่ความตั้งใจของเทพธิดาจื่อเว่ยคือการล่อลวงให้คนทั้งสองกลายเป็นตัวหมากเบี้ยของวังสวรรค์เพื่อแทรกซึมเข้าสู่โลกผู้อมตะของทะเลตะวันออก
สงครามห้าภูมิภาคกำลังจะเริ่มขึ้น วังสวรรค์ต้องเตรียมตัวก่อนที่ยุคที่ยิ่งใหญ่จะมาถึง
“ข้าเกรงว่าคนขายปลามังกรผู้นี้จะเป็นฟางหยวน”
“ข้าสามารถใช้เขาเพื่อทำให้โหยว่ชานและฉินไป่อี้กลายเป็นตัวหมากเบี้ยของวังสวรรค์”
“แต่…”
ในวังสวรรค์เทพธิดาจื่อเว่ยให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับสวรรค์สีเหลือง
สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือฟางหยวนไม่ได้ทำสิ่งใดเลย หลังจากวางขายปลามังกรเงิน เขาก็หยุดเคลื่อนไหว
สถานการณ์นี้ทำให้เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกไม่สบายใจ
นางรู้ว่าฟางหยวนไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ
“หากนั่นคือฟางหยวนจริงๆ เขาต้องมีไพ่ตายบางอย่าง”
“เขาเป็นคนโหดเหี้ยม เขาจะไม่เหลือทางออกให้ผู้อื่น สถานการณ์ปัจจุบันของธุรกิจปลามังกรไม่ใช่สิ่งที่เขาจะยอมรับได้”
ขณะที่เทพธิดาจื่อเว่ยกำลังคิดเรื่องนี้ การแสดงออกของโหยว่ชานแห่งทะเลตะวันออกก็เปลี่ยนแปลงไป
“เสี่ยวชาน เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฉินไป่อี้ถามด้วยความห่วงใย
“โอ้ ไม่ ทะเลปลามังกรของข้ากำลังถูกโจมตี! ค่ายกลวิญญาณของข้าถูกทำลาย ข้าต้องกลับไป!” โหยว่ชานกรีดร้องด้วยความกังวล
แม้มิติช่องว่างของนางจะมีปลามังกรอยู่มากมาย แต่ปลามังกรส่วนใหญ่ของนางอยู่ที่ทะเลปลามังกร
ทะเลปลามังกรเป็นรากฐานของนาง ทรัพย์สินทั้งหมดของนางอยู่ที่นั่น แล้วนางจะปล่อยให้บางคนทำลายมันได้อย่างไร?
ฉินไป่อี้ตระหนักถึงความรุนแรงของปัญฆา นางจับมือโหยว่ชาน “ไม่มีเวลาแล้ว ข้าจะไปกับเจ้า อย่ากังวล ข้าอยากเห็นว่าผู้ใดจะกล้ายโสต่อหน้าพวกเรา!”
พวกนางบินออกจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะราวกับรุ้งกินน้ำ เทพธิดาทั้งสองแบกรับความโกรธเอาไว้ขณะเดินทางไปยังทะเลปลามังกร
ทะเลกระเรียนขาวและทะเลปลามังกรอยู่ไม่ไกลกันมากนัก นี่คือเหตุผลที่โหยว่ชานสามารถพักอยู่ที่บ้านของฉินไป่อี้โดยไม่กังวล
ด้วยเหตุนี้เมื่อพวกนางมาถึงทะเลปลามังกร ผู้บุกรุกจึงยังไม่จากไป
ค่ายกลวิญญาณของโหยว่ชานถูกทำลายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ผู้บุกรุกยังนำปลามังกรเข้าสู่มิติช่องว่างของเขาอย่างต่อเนื่อง
“ช่างกล้าหาญนัก!” แม้โหยว่ชานจะเป็นคนสุภาพ แต่นางก็โกรธมากเมื่อเห็นปลามังกรของนางถูกปล้นชิงไปต่อหน้า
“เจ้าคือผู้ใด? เจ้ากล้าโจมตีสถานที่ของผู้หญิงของข้า วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!” ฉินไป่อี้ตะโกน
“เสี่ยวชาน ระวัง คนผู้นี้ค่อนข้างแปลก เขาจับปลามังกรเก่งมาก!”
แม้ฉินไป่อี้จะโกรธ แต่นางก็ไม่สูญเสียเหตุผล นางประเมินและเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันอย่างชัดเจน
หัวใจของโหยว่ชานเต้นเร็วขึ้น
ผู้อมตะลึกลับไม่ได้ใช้วิธีการอมตะใดๆ เขาควบคุมสัตว์อสูรบรรพกาลเพียงตัวเดียวแต่ฝูงปลามังกรของโหยว่ชานกลับว่ายเข้าไปในมิติช่องว่างของคนผู้นั้นด้วยความตั้งใจของพวกมันเอง
โหยว่ชานตกใจมาก “เกิดสิ่งใดขึ้น? สัตว์อสูรบรรพกาลที่มีเกล็ดสีทองตัวเล็กๆนั่นคือปลามังกรงั้นหรือ? ปลามังกร…ทอง? อย่าบอกว่าคนผู้นี้คือคู่ต่อสู้ของข้าในสวรรค์สีเหลือง? ตามคำกล่าวของวังสวรรค์ คนผู้นี้น่าจะเป็นฟางหยวน!?”
โหยว่ชานรู้สึกโกรธมาก
“ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่ ความพยายามของข้าไม่สูญเปล่าจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าชื่อฟางหยวน จำไว้ให้ดี!”
“สามารถรู้ชื่อข้าก่อนตาย นี่ถือเป็นความเมตตาจากข้า”
ฟางหยวนกล่าวขณะที่โลกทั้งใบเกิดการเปลี่ยนแปลง
ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ!
โหยว่ชานและฉินไป่อี้ตกลงสู่กับดัก
ฉินไป่อี้และโหยว่ชานตกตะลึง พวกนางมองหน้ากันด้วยใบหน้าซีดเผือด
ฟางหยวนเป็นปีศาจร้ายที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่เหตุใดเขาถึงอยู่ที่นี่?
เขาไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ในที่รกร้างบางแห่งเพื่อหลบหนีจากการไล่ล่าของวังสวรรค์งั้นหรือ?
เหตุใดเขาถึงกล้าหาญนัก? เหตุใดเขาถึงกล้าออกมา?
และเหตุใดเขาถึงหยิ่งยโสและโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้? เขากล้าบุกโจมตีอาณาเขตของผู้อมตะคนอื่นในเวลากลางวันอย่างโจ้งแจ้งงั้นหรือ!?