Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1505 โจมตีโดยตรง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1505 โจมตีโดยตรง

แปลโดย iPAT  

กองทัพอสูรวิญญาณฝูงใหญ่เคลื่อนตัวผ่านทะเลทรายผีเขียวและทำให้ฝุ่นทรายลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ

ด้านหน้าของกองทัพอสูรวิญญาณ ก้อนเมฆสีขาวกำลังลอยไปอย่างช้าๆ

เมฆสีมงคลสีขาวเกิดจากท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนที่ของฟางหยวน มันจะนำฟางหยวนเคลื่อนที่ไปพบกับโชคลาภด้วยตัวของมันเอง

ในช่วงเวลาที่ผ่านมามันทำให้ฟางหยวนสามารถรวบรวมอสูรวิญญาณได้เป็นจำนวนมาก

‘ตอนนี้ถึงขีดจำกัดแล้ว’ ฟางหยวนคิด

การควบคุมอสูรวิญญาณจำนวนมากทำให้ฟางหยวนถึงขีดจำกัด

ด้านหนึ่งการควบคุมอสูรวิญญาณต้องพึ่งพารากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ อีกด้านหนึ่งฟางหยวนมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณน้อยเกินไป เขามีเพียงวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณระดับเจ็ดและวิญญาณอมตะล้างใจระดับหกเท่านั้น

วิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณเป็นไพ่ตายสำหรับการสลับวิญญาณและไม่สามารถใช้งานได้โดยง่าย สำหรับวิญญาณอมตะล้างใจ มันมีประโยชน์มากมาย นอกจากมันจะสามารถใช้เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนและช่วยในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ ตอนนี้ฟางหยวนยังใช้มันในการควบคุมอสูรวิญญาณ แต่ประสิทธิภาพของมันยังไม่น่าพอใจนัก

‘ข้าต้องการวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ’

การหลอมรวมวิญญาณเป็นเรื่องยาก

แม้มันจะดึงดูดใจแต่ฟางหยวนขาดทรัพยากรและไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่าย ท้ายที่สุดเขาก็ลงทุนไปกับหลายสิ่งหลายอย่างในช่วงเวลาที่ผ่านมา ในแง่ของรายได้ เพียงธุรกิจปลามังกรยังไม่เพียงพอ

‘ข้ามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอยู่มากมาย ข้าสามารถใช้พวกมันทดแทนโดยการดัดแปลงท่าไม้ตาย หลังจากกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ข้าจะใช้แสงแห่งปัญญาเพื่อแก้ไขท่าไม้ตายที่เหมาะสม’

ฟางหยวนยังวางแผนของเขาต่อไป

สมาชิกนิกายเงาช่วยควบคุมกองทัพอสูรวิญญาณอยู่ทั้งสี่มุม

ทะเลทรายผีเขียวมีอสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน อสูรวิญญาณเป็นทรัพยากรที่ฟางหยวนต้องการในเวลานี้

‘ตอนนี้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าอยู่ในระดับเก้าสิบล้าน แก่นแท้อสูรวิญญาณที่เก็บเกี่ยวได้ในครั้งนี้เพียงพอที่จะยกระดับจิตวิญญาณของข้าสู่ระดับหนึ่งร้อยล้าน’

‘แต่กระทั่งหนึ่งร้อยล้าน มันก็ยังห่างไกลจากจุดสูงสุดตามบันทึกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ’

ในอดีตจิตวิญญาณหลักร้อยล้านคือจุดสูงสุดที่มนุษย์จะสามารถบ่มเพาะได้ แต่หลังจากเทพปีศาจบัวแดงทำลายวิญญาณชะตากรรม ขีดจำกัดนี้จึงถูกทำลาย

มนุษย์สามารถบ่มเพาะจิตวิญญาณได้ต่อไป

เมื่อเทพปีศาจจิตวิญญาณสร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เขาสร้างแนวคิดใหม่เกี่ยวกับระดับของจิตวิญญาณด้วยความสำเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณระดับปรมาจารย์สูงสุดของเขา

ตามบันทึกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ จิตวิญญาณที่เหนือกว่าหลักร้อยล้านคนคือระดับจิตวิญญาณเดียวดาย

หลักร้อยล้านคือระดับจิตวิญญาณมนุษย์ แม้มันจะทำให้ดวงวิญญาณของพวกเขากลายเป็นร่างกายภาพ แต่มันก็ยังเปราะบาง

นี่คือข้อบกพร่องของมนุษย์

มนุษย์เป็นจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและมีสติปัญญาสูงที่สุด แต่ร่างกายและจิตวิญญาณของพวกเขายังด้อยกว่าสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่น

อย่างไรก็ตามเมื่อมนุษย์บ่มเพาะจิตวิญญาณและก้าวข้ามหลักร้อยล้านสู่หลักพันล้าน พวกเขาจะบรรลุระดับจิตวิญญาณเดียวดาย ด้วยวิธีนี้จิตวิญญาณของพวกเขาจะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับสัตว์อสูรเดียวดาย

การบ่มเพาะระดับจิตวิญญาณเดียวดายมีขีดจำกัดเช่นกัน นั่นคือจิตวิญญาณเดียวดายหลักร้อยล้าน

นี่เป็นระดับสูงสุดของการบ่มเพาะจิตวิญญาณและเป็นขีดจำกัดของโลกใบนี้

ฟางหยวนเคยเห็นระดับนี้มาก่อน มันคือดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่มีสามเศียรพันกร

การบรรลุถึงระดับนี้หมายถึงพลังการต่อสู้ระดับเก้า ดวงวิญญาณสามารถต่อต้านภัยพิบัติได้โดยตรง มันสามารถท้าทายสวรรค์ เหยียบย่ำปฐพี สังหารทวยเทพ และทำให้โลกตกตะลึง

ดังนั้นฟงหยวนจึงต้องการวิญญาณความเด็ดเดี่ยวจำนวนมหาศาล

แก่นแท้อสูรวิญญาณที่เขาได้รับจากการเดินทางในทะเลทรายผีเขียวสามารถผลักดันให้เขาบรรลุระดับจิตวิญญาณมนุษย์หนึ่งร้อยล้าน แต่หลังจากนั้น?

หากฟางหยวนต้องการบ่มเพาะต่อไป เขาต้องการมากกว่านั้นและต้องจัดหาแก่นแท้อสูรวิญญาณอย่างไม่หยุดยั้ง

‘วิธีที่ดีที่สุดคือการยึดครองทะเลทรายผีเขียวแห่งนี้’

การยึดครองพื้นที่คือการทำให้ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่เหล่านั้นกลายเป็นทรัพย์สินของตนเอง เพื่อบรรลุเรื่องนี้ พลังการต่อสู้เป็นสิ่งจำเป็น

ด้วยพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของฟางหยวน เขามีคุณสมบัติที่จะยึดครองสถานที่แแห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทะเลทรายผีเขียวเป็นดินแดนที่ไร้เจ้าของ

แต่ยังมีปัญหา

‘หากข้าเปิดเผยตัวตนและเข้ายึดครองสถานที่แห่งนี้ มันจะเหมือนกับการขอให้วังสวรรค์โจมตีข้า’

‘เกราะหวนคืนไม่สามารถลอกเลียนแบบ หมื่นมังกรก็เช่นกัน ข้าทำได้เพียงปิดบังตนเองและใช้พลังการต่อสู้ระดับเจ็ดเพื่อยึดครองสถานที่แห่งนี้เท่านั้น’

‘หลังจากยึดครองทะเลทรายผีเขียว ข้าจะให้อิงอู๋เซี่ยประจำการอยู่ที่นี่และให้เขาจัดหาแก่นแท้อสูรวิญญาณให้ข้า’

ท่ามกลางผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมด อิงอู๋เซี่ยเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด

‘เพื่อทำสิ่งนี้ ข้าต้องการวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณมากขึ้นและต้องยกระดับจิตวิญญาณของอิงอู๋เซี่ยเช่นกัน’

‘จุดสำคัญคือตระกูลฟาง’

‘พวกเขาเป็นกองกำลังใหญ่ที่อยู่ใกล้ทะเลทรายผีเขียวมากที่สุด หากข้ายึดครองสถานที่แห่งนี้ ตระกูลฟางจะทำให้ข้าไม่สามารถเคลื่อนไหวไปรอบๆ’

การกำจัดตระกูลฟางไม่สามารถทำได้

ในปัจจุบันฟางหยวนสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด แต่การเอาชนะเป็นเรื่องยาก นอกจากนั้นไม่เพียงผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฟางจะเป็นผู้อมตะระดับแปดแต่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของตระกูลฟางยังเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่มีชื่อเสียง ฟางตี้เฉิงเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญาที่นิกายเงายังต้องจับตามอง

ดังนั้นฟางหยวนจึงมีเพียงวิธีเดียว

‘ปลอมตัวเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลฟาง…’

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยึดครองแหล่งทรัพยากร มีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณา โชคดีที่ทะเลทรายผีเขียวค่อนข้างพิเศษ เนื่องจากผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกไม่มีวิธีเก็บเกี่ยวทรัพยากร ดังนั้นฟางหยวนจึงมีโอกาสค่อนข้างมาก

อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่ตั้งใจยึดครองสถานที่แห่งนี้

‘หือ มีคนอยู่ข้างหน้า?’ การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน วิธีตรวจสอบของเขาไม่เหมือนก่อนหน้า เขาสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของผีเฒ่าไป่จุนและคนอื่นๆได้อย่างรวดเร็ว

‘ผู้มีพระคุณกำลังมา’ ฟางหยุนรู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ

ฟางเล้งก็คาดหวังเช่นกัน

สายตาของผีเฒ่าไป่จุนกลายเป็นเย็นชา เมื่อเขาตระหนักถึงเมฆสีขาว เขาเริ่มระวังตัวมากขึ้น

ในไม่ช้าผู้อมตะทั้งสามก็รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนของพื้นทราย

จากนั้นกองทัพอสูรวิญญาณก็ปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของพวกเขา

อสูรวิญญาณจำนวนมหาศาลทำให้การแสดงออกของผู้อมตะทั้งสามเปลี่ยนแปลงไป

“นี่!” ผีเฒ่าไป่จุนรู้สึกพูดไม่ออก เขาคิดว่าฝูงอสูรวิญญาณของเขาใหญ่โตมากแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับค้นพบว่ามันไม่แม้แต่จะสามารถเปรียบเทียบกับกองทัพอสูรวิญญาณของฟางหยวน

ผู้อมตะนิกายเงาเข้าไปในมิติช่องว่างของฟางหยวนขณะที่เขาเปลี่ยนอัตลักษณ์ของตนเอง

เขาอยู่ในรูปลักษณ์ของชายวัยกลางคนผอมเพรียว ผมขาว นัยต์ตาสีดำที่เต็มไปด้วยประสบการณ์และความทะเยอทะยาน สายตาของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความน่าเกรงขาม

ฟางหยวนสวมชุดคลุมดำและยืนมือไพล่หลังอยู่บนแผ่นหลังของอสูรวิญญาณพร้อมทั้งปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา

ร่างกายของผีเฒ่าไป่จุนและอีกสองคนสั่นเทา พวกเขากลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว

ฟางเล้งมองฟางหยุนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขาคิดว่าเหตุใดผู้มีพระคุณถึงให้ความรู้สึกน่ากลัวยิ่งกว่าผีเฒ่าไป่จุน

ฟางหยุนกลอกตา ความหมายของเขาคือเจ้าถามข้าแล้วข้าจะไปถามผู้ใด? บางทีเราอาจไม่สามารถตัดสินผู้คนจากรูปลักษณ์ภายนอก บางทีเขาอาจเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเพื่อปลอมตัว ดังนั้นมันจึงไม่มีข้อบกพร่อง

ผีเฒ่าไป่จุนรู้สึกถึงกลิ่นอายที่น่ากลัวของฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงเริ่มทักทาย “ยินดีที่ได้พบ ไม่ทราบว่าท่านคือผู้ใด?”

สายตาของฟางหยวนกวาดมองผู้อมตะทั้งสาม หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านขึ้น เขาไม่ตอบแต่โบกมือ

“โฮก…”

กองทัพอสูรวิญญาณคำรามเสียงดัง

จากนั้นพวกมันก็พุ่งเข้าไปหากลุ่มของผีเฒ่าไป่จุนราวกับคลื่นยักษ์

คำกล่าวที่ขัดหูเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เกิดการต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย แต่ฟางหยวนไม่ได้กล่าวสิ่งใดเลย เขาโจมตีด้วยเจตนาสังหารทันที

หัวใจของผู้อมตะทั้งสามจมดิ่งลง

ฟางเล้งมองฟางหยุนราวกับต้องการตะโกนว่า “ผู้มีพระคุณของเจ้ากำลังจะปลิดชีพพวกเรา!”

ฟางหยุนมองฟางเล็งอย่างไร้เดียงสาราวกับต้องการตอบกลับไปว่า “เหตุใดจึงกล่าวโทษข้า? ข้าก็ไม่รู้เรื่องราวเช่นกัน!”

ผีเฒ่าไป่จุนตกตะลึงและโกรธจัด

เขาคิดว่า ‘ข้ากำลังใช้วิธีที่สันติเพื่อไม่สร้างปัญหาให้กับแผนการของนายท่าน แต่ข้าไม่คิดว่าคนบ้าผู้นี้จะโจมตีโดยไม่แม้แต่จะพูดคุย! เขามาจากที่ใด? เขาไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะถูกกลั่นแกล้งได้โดยง่าย!’

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ผีเฒ่าไป่จุนก็คำรามและบินออกไป

“มาสู้กัน!” เขายกฝ่ามือขึ้นและส่งคลื่นแสงสีดำสองสายพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนราวกับอสรพิษสีดำ

ฟางหยวนชี้นิ้วออกไป

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาความคิดอุกกาบาตเพลิง!

“บึม!”

คลื่นแสงสีดำไม่สามารถต่อต้านความคิดอุกกาบาตเพลิงและแตกสลายไปในอากาศ

พลังอำนาจของความคิดอุกกาบาตเพลิงลดลงครึ่งหนึ่งแต่มันยังตกกระแทกพื้นและทำให้ฝูงอสูรวิญญาณของผีเฒ่าไป่จุนได้รับบาดเจ็บล้มตายและตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช

ผีเฒ่าไป่จุนตกใจมาก “แข็งแกร่งนัก!”

“เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญางั้นหรือ?” ฟางเล้งประหลาดใจ

“อย่าฆ่าเรา เราเป็นผู้อมตะตระกูลฟาง เราเป็นศัตรูของผีเฒ่าไป่จุนผู้นั้น เขาไม่ใช่สหายของเรา!” ฟางหยุนตะโกนเสียงดัง

 ——————

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset