เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1506 ระเบิดวิญญาณ
แปลโดย iPAT
‘ผู้อมตะของตระกูลฟาง?’ หูของฟางหยวนกระตุกเมื่อได้ยินเสียงของฟางหยุน
แม้ฟางหยวนจะตรวจสอบแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยุน ฟางเล้ง และผีเฒ่าไป่จุนดูเหมือนจะตึงเครียด แต่เขาก็ไม่คาดหวังว่าคนเหล่านั้นจะเป็นศัตรู นอกจากนี้สองผู้อมตะตระกูลฟางยังตกเป็นเชลย
เหตุผลที่ฟางหยวนเคลื่อนไหวทันทีเพราะเขาจำผีเฒ่าไป่จุนได้
คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ด้วยการฆ่าเขา ฟางหยวจะสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์และเพิ่มรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของตน นอกจากนี้เขายังสามารถมอบร่างกายของผีเฒ่าไป่จุนให้กับอิงอู๋เซี่ย
อิงอู่เซี่ยเชี่ยวชาญทักษะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแต่เทพธิดาซุ้ยป๋อบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารี ร่างของนางไม่เหมาะสมกับอิงอู๋เซี่ย
ฟางหยวนเข้าใจทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว
‘ดูเหมือนเมฆมงคลจะนำทางข้ามาพบโชคลาภอย่างแท้จริง ข้าพึ่งคิดที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลฟาง แต่ผู้ใดจะคิดว่าโอกาสจะมาถึงอย่างรวดเร็ว’
‘แน่นอนว่ามันเป็นเพราะโชคของตัวข้าเองเช่นกัน’
ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคก่อนจะมาที่ทะเลทรายผีเขียว เขาไม่ได้ขอให้อิงอู๋เซี่ยใช้แต่เขากระตุ้นใช้งานมันด้วยตนเอง แม้มันจะกลืนกินรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาไปมาก แต่ฟางหยวนในปัจจุบันสามารถรับมือสิ่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์
‘ช่วยผู้อมตะตระกูลฟางและจับผีเฒ่าไป่จุนเป็นเชลย!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
เขาเคยคิดที่จะสังหารทุกคนและยึดครองฝูงอสูรวิญญาณของผีเฒ่าไป่จุน
แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนแผนแล้ว
“ตระกูลฟาง? แม้ข้าจะไม่เคยติดต่อกับตระกูลฟาง แต่พวกเขาก็มีส่วนช่วยในการบ่มเพาะของข้า เอาล่ะ ตั้งแต่พวกเจ้าพบข้า ข้าก็จะช่วยพวกเจ้าเพื่อตอบแทนความเมตตา” ฟางหยวนกล่าวเสียงเย็นแต่ฟางเล้งกับฟางหยุนยังรู้สึกมีความสุขมาก
ฟางหยุนเผยรอยยิ้มกว้างและยักคิ้วให้ฟางเล้งราวกับต้องการกล่าวว่า “ดู เขาเป็นผู้มีพระคุณจริงๆ!”
ฟางเล้งไม่สนใจ เขามองไปที่ฟางหยวนกับผีเฒ่าไป่จุนและขมวดคิ้ว
เขาคิด ‘ผู้อมตะผู้นี้มีต้นกำเนิดที่ลึกลับ ไม่มีบุคคลเช่นนี้อยู่ในความทรงจำของข้า หากเขาต้องการช่วยเราจริงๆ เขาควรซ่อนความตั้งใจเอาไว้และช่วยเราในภายหลัง แต่เขาจงใจกล่าวออกมา มันเป็นการดึงดูดความสนใจของผีเฒ่าไป่จุนหรือเขาต้องการช่วยพวกเราจริงๆ แต่เขาดูมั่นใจในตัวเองอย่างสมบูรณ์ เขามั่นใจว่าเขาสามารถช่วยพวกเราได้ ดังนั้นเขาจึงแจ้งเตือนศัตรูถึงเจตนาของตนเอง’
“ต้องการช่วยพวกเขาไปจากข้า มันจะไม่ง่าย!” ผีเฒ่าไป่จุนโกรธมาก กลิ่นอายที่ทรงพลังปะทุขึ้นจากร่างของเขา
“เป็นความกล้าหาญที่น่ายกย่อง แต่สายตายังสั้นนัก” ฟางหยวนเย้ยหยันขณะที่เขาบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและชี้นิ้วออกไป
ในเสี้ยวพริบตาแสงประหลาดหลายสิบดวงก็ถูกยิ่งไปที่ผีเฒ่าไป่จุนและทำให้ร่างของเขากลายเป็นรูพรุนทันที
ผีเฒ่าไป่จุนพ่นเลือดออกมาขณะที่ร่างกายของเขาค่อยๆสูญสลายไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าตกหลุมพรางของข้าแล้ว!” ร่างที่แท้จริงของผีเฒ่าไป่จุนปรากฏขึ้นอีกด้านหนึ่ง เขาใช้ภาพลวงตาดึงดูดความสนใจของฟางหยวนขณะที่ซ่อนร่างจริงเอาไว้
ผีเฒ่าไป่จุนไม่ได้ลอบโจมตีฟางหยวนแต่เขาเข้าไปหาฟางเล้งและฟางหยุน
ฟางหยวนไม่ได้บอกว่าเขาจะช่วยคนทั้งสองงั้นหรือ? เมื่อเป็นเช่นนั้น ผีเฒ่าไป่จุนจึงวางแผนที่จะใช้สองคนนี้เป็นโล่มนุษย์
นี่เป็นครั้งแรกที่ผีเฒ่าไป่จุนพบฟางหยวน แต่การแลกเปลี่ยนกระบวนท่าก่อนหน้ารวมถึงขนาดของกองทัพอสูรวิญญาณของฟางหยวน มันทำให้ผีเฒ่าไป่จุนตระหนักถึงความแข็งแกร่งของศัตรูและรู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน
ดังนั้นเขาจึงต้องการใช้ฟางเล้งกับฟางหยุนเพื่อข่มขู่ฟางหยวนที่ต้องการช่วยพวกเขา
“อา…” เมื่อเห็นผีเฒ่าไป่จุนเคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ฟางหยุนอุทานออกมาด้วยความตกใจ
แต่ในจังหวะนี้ร่างหนึ่งกลับปรากฏขึ้นด้านหน้าคนทั้งสอง
“ผีเฒ่าไป่จุน ผู้ใดกันแน่ที่ตกหลุมพราง?” มุมปากของฟางหยวนยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้มปีศาจ
“โอ้ ไม่!” หัวใจของผีเฒ่าไป่จุนสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง
เมื่อเขาตระหนักว่าตนเองตกลงสู่หลุมพรางของศัตรู เขาพยายามหลบหนี
แต่มันสายไปแล้ว
อสูรวิญญาณประมาณสิบตัวปรากฏขึ้นและปิดล้อมผีเฒ่าไป่จุนเอาไว้
‘ระเบิด!’ ฟางหยวนออกคำสั่งด้วยความคิด
“บึม บึม บึม…”
อสูรวิญญาณที่ปิดล้อมผีเฒ่าไป่จุนระเบิดตัวเองด้วยพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว
ฟางเล้งและฟางหยุนตกตะลึง
คลื่นกระแทกระเบิดออกไปรอบๆและส่งฝุ่นทรายลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ
ฟางหยวนเคยคิดที่จะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาจับกุมผีเฒ่าไป่จุน
แต่วิธีดังกล่าวมีแนวโน้มที่บางคนจะค้นพบบางสิ่ง
ดังนั้นฟางหยวนจึงเปลี่ยนมาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ
วิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาด้อยกว่าวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเล็กน้อย ท้ายที่สุดเขาก็มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณไม่มาก
แต่เขามีวิธีการระเบิดวิญญาณที่มีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว
ย้อนกลับไปเมื่อฉินไป่เฉิงต่อสู้กับฟงจิวเก้อเป็นครั้งแรก ในเวลานั้นฉินไป่เฉิงยังไม่ฟื้นความทรงจำ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟงจิวเก้อ แต่ฟงจิวเก้อยังต้องระวังการระเบิดวิญญาณของฉินไป่เฉิง สุดท้ายจึงต้องปล่อยฉินไป่เฉิงไป
กระทั่งฟงจิวเก้อยังต้องระวังตัว แน่นอนว่าฟางหยวนเข้าใจความน่ากลัวของวิธีนี้
แต่เขาจะไม่ระเบิดตัวเอง
อย่างไรก็ตามเขาสามารถใช้อสูรวิญญาณ การระเบิดวิญญาณของอสูรวิญญาณจะทำให้แก่นแท้อสูรวิญญาณถูกทำลายไปพร้อมกัน แต่ผลลัพธ์ของวิธีนี้ก็น่าประทับใจมาก
“แค่ก แค่ก”
เมื่อฝุ่นทรายจางหายไป ผีเฒ่าไป่จุนลอยอยู่กลางอากาศด้วยร่างกายที่ขาดหายไปมากกว่าครึ่ง แขนขาของเขาถูกทำลายและเหลือเพียงแขนซ้ายข้างเดียว
“เขายังมีชีวิตอยู่งั้นหรือ?” ฟางเล้งอุทานด้วยความประหลาดใจ
ฟางหยวนเย้ยหยัน มันเป็นเรื่องดีที่ผีเฒ่าไป่จุนยังมีชีวิตอยู่ หากฟางหยวนสามารถจับเป็นคนผู้นี้ เขาจะมอบร่างกายของเป้าหมายให้อิงอู๋เซี่ย
‘แต่ข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นต่อหน้าผู้อมตะตระกูลฟาง’ ความคิดทุกประเภทผุดขึ้นในใจของฟางหยวน ด้วยร่างทารกอมตะและความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาสามารถคิดวิเคราะห์เรื่องต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนกล่าว “เจ้ามีทักษะบางอย่างบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เจ้ายังมีชีวิตอยู่หลังจากตกลงสู่หลุมพรางของข้า เอาล่ะ ลืมมันไปซะ ข้าซวนปู้จินมีกฎคืออย่าเคร่งครัดมากเกินไป ในเมื่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ไปซะ วันนี้ข้าจะไม่ไล่ล่า ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
ผีเฒ่าไป่จุนหอบหายใจอย่างหนักหน่วงด้วยใบหน้าซีดขาว เขาจ้องมองฟางหยวนด้วยสายตาดุร้าย
เขารู้สึกเสียใจ
ศัตรูปลดปล่อยกลิ่นอายของเส้นทางแห่งปัญญาออกมาอย่างชัดเจน แต่ผีเฒ่าไป่จุนกลับวางอุบายกับบุคคลเช่นนี้? แม้เขาจะต้องการวางแผน เขาก็ต้องวางแผนอย่างรอบคอย
การระเบิดตัวเองของอสูรวิญญาณเกินความคาดหมายของเขา
ในเวลานั้นความคิดเดียวที่อยู่ในใจของผีเฒ่าไป่จุนคือรักษาชีวิตรอด
หลังจากการระเบิดหยุดลง ผีเฒ่าไป่จุนรู้สึกมีความสุขมากที่เขายังมีชีวิตอยู่
แต่หลังจากความปิติ มันกลับกลายเป็นความหวาดกลัวและความโกรธ
เขาเกือบตาย!
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยเพลิงแค้นเช่นเดียวกับความหวาดกลัวที่มีต่อฟางหยวน
‘ไม่ หากเจ้าไม่ตาย ข้าก็ต้องตาย!’ ขณะที่ผีเฒ่าไป่จุนคิดเช่นนี้และกำลังจะใช้วิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณ ฟางหยวนกลับต้องการปล่อยเขาไป
โดยธรรมชาติของฟางหยวน เขาจะถอนรากถอนโคนศัตรูทั้งหมด แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ ฟางหยวนต้องการร่างกายของผีเฒ่าไป่จุนและคำนึงถึงตระกูลฟาง ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะปล่อยผีเฒ่าไป่จุนไปเป็นการชั่วคราว
ผีเฒ่าไป่จุนไม่เคยคาดหวังว่าฟางหยวนจะไว้ชีวิตเขาจริงๆ
นั่นทำให้เขารู้สึกสับสนมาก
‘เขาพยายามหลอกให้ข้าลดการระวังตัวหรือไม่?’ ผีเฒ่าไป่จุนเคยถูกหลอกมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงสงสัยทุกสิ่ง
ฟางหยวนเห็นการแสดงออกของฝ่ายตรงข้ามและเข้าใจความคิดของเขา “เจ้ายังอยู่ที่นี่อีกงั้นหรือ!? ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับต้องการตายงั้นหรือ?”
ผีเฒ่าไป่จุนมองฟางหยวนและลืมความโกรธของตนเองไปแล้ว
กระทั่งฟางเล้งกับฟางหยุนก็มองไปที่ฟางหยวน
ฟางหยวนแสดงออกด้วยความมั่นใจ เขาปล่อยศัตรูไปโดยไม่กลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะย้อนกลับมาทำร้าย
ฟางเล้งคิด ‘คนผู้นี้ปลดปล่อยกลิ่นอายราวกับปีศาจร้าย เขามั่นใจและยโส แต่เขาก็มีหลักการของตนเอง มีเพียงบุคคลเช่นนี้ที่สามารถกล่าวว่าจะช่วยพวกเราได้อย่างเปิดเผย’
อย่างไรก็ตามฟางหยุนกำลังเฝ้ามองด้วยความมึนงง
ผีเฒ่าไป่จุนหรี่ตามองด้วยสายตามืดมน
แม้เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่พลังการต่อสู้ของเขายังอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขายังมีวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดเป็นไพ่ตาย
แต่ค่าใช้จ่ายสำหรับวิญญาณอมตะดวงนี้สูงมาก ผีเฒ่าไป่จุนไม่ต้องการใช้มันอย่างฟุ่มเฟือย เดิมทีเขาต้องการต่อสู้เป็นตายกับฟางหยวน แต่ฟางหยวนกลับจะปล่อยเขาไป
‘ไม่ว่าเขาจะปล่อยข้าจริงหรือไม่ข้าก็ต้องพยายามหลบหนีดูก่อน’
‘หากมันเป็นแผนการ ข้าจะหันกลับมาเดิมพันชีวิตกับเขา หากเขาปล่อยข้าไปจริงๆ ข้าก็จะหนีไปอย่างรวดเร็ว’
ผีเฒ่าไป่จุนระวังตัวมาก
แม้ผีเฒ่าไป่จุนจะมีวิญญาณอมตะระดับแปด แต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะฟางหยวนได้หรือไม่ นอกจากนั้นเขายังมีความกังวลอีกประการ นั่นคือหากเขาเปิดเผยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะระดับแปด ฟางหยวนจะเปลี่ยนใจและโจมตีเขาเพื่อยึดครองวิญญาณอมตะระดับแปดหรือไม่?
ความคิดทุกประเภทผุดขึ้นในใจของผีเฒ่าไป่จุนก่อนที่เขาจะเย้ยหยันและจากไป
เขาค่อนข้างรวดเร็ว ร่างกายที่ขาดสะบั้นของเขาบินเข้าไปในเมฆสีดำและหายตัวไปทันที
“ผู้มีพระคุณ ท่านจะปล่อยเขาไปจริงๆงั้นหรือ? เขามีวิญญาณอมตะระดับแปด!” ฟางหยุนมึนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ