“ถึงเวลา……..สำหรับเซสชั่นพิเศษกับการทำอาหารครั้งแรกของยูยะคุงแล้วค๊า! ลุยกันเลย! ลุยกันเล๊ย!”
ในตอนที่พวกเรากลับมาถึงบ้านหลังจากซื้อข้าวของจากซูเปอร์มาร์เก็ตเสร็จมันก็เป็นเวลาเกือบจะ 3 ทุ่มแล้ว
ถึงแม้ว่ามันจะดึกเกินไปหน่อยสำหรับมื้อเย็นแต่ว่ามันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
ผมกังวลมากกว่าที่ฮิโตสึบะซังเธอดูจะตื่นเต้นมากกว่าตอนที่เราไปช้อปปิ้งด้วยกันซะอีก
แต่ยังไงก็มาเริ่มทำอาหารกันเลยละกัน
“เชฟยูยะคุงคะ เมนูวันนี้คืออะไรคะ?”
“วันนี้ผมกำลังคิดว่าผมจะทำเปเปโรชิโน่น่ะครับ ปกติแล้วผมจะชอบซอสมะเขือเทศหรือไม่ก็ซอสเนื้อซะมากกว่า แต่เนื่องจากมันจะต้องใช้เวลาเคี่ยวอยู่พอสมควร ก็เลยไว้ครั้งหน้าแทนก็แล้วกัน”
(TL NOTE : เปเปโรชิโน มันคือพริกอิตาเลี่ยนชนิดหนึ่งและในตรงนี้ยูยะคิดจะทำจานพาสต้าง่ายๆอย่างพาสต้าสปาเก็ตตี้เปเปโรชิโน่ที่ประกอบด้วย เส้นพาสต้า,น้ำมันมะกอก,กระเทียมและพริกเปเปโรชิโน่และสุดท้ายพาสต้าและสปาเก็ตตี้มันก็คืออย่างเดียวกันนะครับพาสต้าเป็นคำที่ใช้เรียกโดยรวมถึงประเภทอาหารอิตาลีชนิดนี้ แต่บ้านเราก็นิยมเรียกเจ้าเส้นพาสต้ากันว่าเส้นสปาเก็ตตี้กันนั่นล่ะ)
ขั้นแรกก็เอาหม้อใบใหญ่ใส่น้ำเกลือลงไปเล็กน้อยแล้วจากนั้นก็เอาไปต้มน้ำทิ้งไว้
แล้วในระหว่างนี้ก็ให้เตรียมส่วนผสมอื่นๆอย่างสับกระเทียมเป็น 2 กลีบ,เอาเมล็ดพริกออกจากตัวพริกและก็หั่นใบผักชีฝรั่ง
พอน้ำเดือดก็ให้ใส่เส้นพาสต้าลงไปแล้วปล่อยให้เส้นมันเกือบจะสุกสำหรับเส้นสปาเก็ตตี้ราวๆ 1 นาทีด้วยวิธีนี้จะทำให้เส้นพาสต้ามีเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนพอดิบพอดีเมื่อมันถูกนำไปผสมกับตัวซอสแล้วตัวพาสต้าก็จะมีความสม่ำเสมอที่กำลังดี
พอตัวเส้นพาสต้าเกือบจะสุกได้ที่แล้วก็ให้ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอกแล้วใส่กระเทียมและพริกที่พึ่งหั่นเป็นชิ้นๆลงไปแล้วค่อยๆเจียวด้วยไฟอ่อน หัวใจสำคัญคือการที่คอยเขย่ากระทะตลอดเพื่อไม่ให้มันไหม้แล้วถ้าหากกระเทียมเริ่มส่งกลิ่นหอมๆออกมาก็ให้ใส่ผักชีฝรั่งตามลงไปเพื่อปรุงรสชาติ
จากตรงนี้ก็เป็นเรื่องของเวลาแล้ว
ปิดเตาแล้วก็เติมน้ำที่ต้มไว้จนเดือดแล้วลงในกระทะแล้วก็เปิดไฟแรงและผสมน้ำเปล่าและน้ำมันมะกอกลงไปจากนั้นก็ใส่เส้นพาสต้าจากนั้นก็คลุกเคล้า
“อ่า ได้ที่แล้ว”
ความเค็มนั้นสมบูรณ์กำลังดี
ผมวางจานที่พวกเราพึ่งซื้อมาและเหยาะพริกไทยและใส่พริกที่ผมซื้อมาเพิ่มลงไป
แล้วก็เสร็จเรียบร้อย
“ว้าว ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะยูยะคุง ทักษะช่ำชองแถมเตรียมอาหารก็เก่งอีก เป็นชั้นทำอะไรแบบนี้ไม่ได้หรอกนะคะ เพราะงั้นก็เลยค่อนข้างที่จะอิจฉาเลยล่ะค่ะ อันที่จริงแล้วนายน่าจะทำอาหารได้เก่งกว่าชั้นอีกไม่ใช่รึยังไงกันคะเนี่ย?”
“……ก็นะ พอดีว่าแม่ของผมเธอทำอาหารเก่งน่ะส่วนผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไรกับการทำอาหารขนาดนั้น ก็มีทำเองบ้างเป็นครั้งคราวแต่ยังไงผมก็ตั้งหน้าตั้งตารอจะได้เชยชมอาหารที่เธอเป็นคนทำเองอยู่นะฮิโตสึบะซัง”
พวกเรานั่งหันหน้าเข้าหากันที่โต๊ะเพื่อทานมื้อเย็นกัน
กลิ่นของตัวน้ำมันมะกอกและกระเทียมกระตุ้นความอยากอาหารของผม
เครื่องปรุงรสที่ใส่ไปมันค่อนข้างบ้านๆไม่มีอะไรมากผลที่ได้ก็คืออาหารที่มีรสชาติติดเค็มพอสมควรและก็ไม่ได้เรียบจนเกินไปเพราะพริกที่ผมโรยไปตอนปิดท้ายก็ช่วยเพิ่มเนื้อสัมผัสด้วย
“อื้มม อร่อย!! กลิ่นหอมของกระเทียมผสมผสานกับความสดของผักชีฝรั่งทำให้ทานง่ายขึ้นแล้วรสชาติของพริกไทยก็จัดว่าดีเลยค่ะ! นี่เป็นอัจฉริยะรึเปล่าคะเนี่ยยูยะคุง?”
“……..ถ้าอะไรแบบนี้สามารถเรียกว่าอัจฉริยะได้ ผมว่าเชฟทุกคนบนโลกก็จัดว่าเป็นเทพเจ้าแล้วล่ะครับแล้วยิ่งคนที่ได้ดาวมิชลินด้วยก็คงจะถือเป็นผู้สร้างอะไรสักอย่างแหงๆ”
“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย สำหรับชั้นเชฟมีแค่คนเดียวนั่นก็คือยูยะคุงค่ะ ต่อให้ใครจะพูดอะไร อาหารของยูยะคุงก็อร่อยอยู่ดีค่ะ”
ผมเกาแก้ม
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเสิรฟ์อาหารให้กับใครคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่
เพราะงั้นผมก็เลยรู้สึกดีใจมากจริงๆที่ได้ยินฮิโตสึบะซังพูดว่ามันอร่อยออกมาด้วยรอยยิ้มกว้างๆบนใบหน้าของเธอ ชวนให้ผมรู้สึกเขินมากกว่าเดิมอีก
“แต่ว่าชั้นเองก็จะแพ้ไม่ได้เหมือนกันค่ะ พรุ่งนี้ชั้นจะเป็นคนทำอาหารบ้าง ช่วยตั้งตารอทีนะคะ ชั้นจะทำอะไรที่นายชอบให้เองนะคะยูยะคุง!!”
“เธอรู้เหรอว่าผมชอบอะไรน่ะ?”
“แน่นอนค่ะ! สิ่งที่ยูยะคุงชอบที่สุดก็คือแฮมเบอร์เกอร์ยังไงล่ะคะ! นายชอบกินพวกขนมปังแต่ในวันที่ได้ไปที่โรงอาหารก็จะทานแฮมเบอร์เกอร์ประจำเลย ว่าไงคะ? ชั้นพูดผิดรึเปล่า?”
“ปะ-เปล่า ก็ถูกแหละ……ว่าแต่เธอรู้ได้ยังไงว่าชั้นกินแต่แฮมเบอร์เกอร์เวลาที่ไปโรงอาหารของโรงเรียนน่ะ?”
คือก็ต้องขอโทษที่ต้องพูดออกไปนะครับ
แต่มันก็น่ากลัวอยู่หน่อยๆนะครับเนี่ยฮิโตสึบะซัง
แล้วเธอได้ข้อมูลพวกนี้มาจากไหนกัน? ถ้าคนมีชื่อเสียงอย่างเธอจะสืบข้อมูลของผมหรือจะตามติดผมล่ะก็แป๊ปเดียวก็คงจะรู้หมด
“หะ-หา? อะ-เอ่อ….แหมๆ ยูยะคุงนี่ล่ะก็ แหล่งข่าวมันก็ไม่ได้จำกัดแค่วงนักเรียนแค่นั้นนี่คะ คนที่ให้ข้อมูลนี้กับชั้นก็คือคนที่ทำงานในโรงอาหารของโรงเรียนนั่นแหละค๊า~!”
แล้วทำไมถึงไปเล่าเรื่องของผมให้คนอื่นฟังกันเล่าคุณนายโรงอาหาร!
แต่เป็นงั้นหรอกเหรอ?
เธอรู้ดีว่าผมหิวจากการทำกิจกรรมชมรมและเธอก็ชอบแอบเอาของที่มันเหลือมาให้ผมบ้างเป็นบางครั้ง
“แล้วก็แน่นอนว่า มีทั้งเรื่องยูยะคุงชอบอะไรไม่ชอบอะไร เธอยังบอกกับชั้นด้วยว่านายชอบคุยเรื่องอะไรบ้างกับเพื่อนของนาย ตอนนี้ชั้นก็รู้ด้วยว่าปัจจุบันยูยะคุงติดเกมแฟนตาซีที่พึ่งเปิดตัวมาไม่นานนี้ใช่ไหมคะ? และเรื่องที่ชั้นจะบอกว่ารู้หรือไม่รู้ดีคือเรื่องที่นายเคยพูดถึงตัวนางเอกที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่มีหน้าอกเบิ้มๆนั้นมีเสน่ห์ที่สุดน่ะค่ะ…..”
แล้วไหงถึงได้ยินแล้วจำทุกบทสนทนาได้แม่นขนาดนี้วะครับเนี่ยคุณป้า!!!!
นี่ซ่อนกล้องหรือเครื่องดักฟังไว้ที่ไหนสักที่รึเปล่าเนี่ย?
ตอนนี้ชักจะกลัวที่จะไปโรงอาหารแล้วเนี่ย!
“ชั้นมั่นใจว่าคุณนายที่อยู่ในโรงอาหารเองก็มีความลับของเธออยู่ นอกจากนี้เอง…..ชั้นก็เป็นคนวานให้เธอเตรียมอาหารที่เหลือจากโรงอาหารให้ยูยะคุงเองค่ะ อ๊ะ แล้วก็ห้ามถามเด็ดขาดเลยนะคะว่าชั้นทำเรื่องอะไรแบบนั้นได้ยังไงน่ะ? ห้ามถามเด็ดขาดเลยนะคะ!”
หัวใจของผมเต้นตึกตัก ‘อึกกก’ เมื่อเธอเอานิ้วชี้มาแตะที่ปากของผม
อีกอย่างสิ่งที่เธอพูดออกมาพร้อมกับความน่ารักที่เธอแสดงออกมามันก็เหมือนกับตัวละครสักตัวในไลท์โนเวลที่เป็นตัวละครแนวเงอะงะที่มีหน้าอกหน้าใจเบิ้มๆ
นี่มันเยี่ยมยอดจริงๆ
“มันดูเหมือนเธอจะรู้เนื้อเรื่องนั้นดีเลยนะครับ ฮิโตสึบะซัง”
“ค่ะ เนื้อเรื่องมันก็โด่งดังอย่างไม่น่าเชื่อเลยนี่คะ ชั้นเองก็ได้อ่านมาเหมือนกัน แต่ชั้นชอบตัวละครที่เป็นเด็กสาวนิสัยเงียบๆที่อยู่ในชมรมวรรณกรรมคนนั้นมากกว่าแม่ตัวละครหน้าอกโตแถมเงอะงะอีกค่ะ”
แปลกใจจริงๆที่ได้รู้ว่าฮิโตสึบะซังเองก็อ่านไลท์โนเวลเรื่องนั้นด้วยแล้วก็ยังน่าแปลกไปอีกที่ผมก็ยังชอบตัวละครแนวใบ้มากกว่าตัวละครหลัก ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นกันนะ?
คงเป็นเพราะผมคิดว่ามันคงจะเป็นอะไรที่ดีมากๆกับการที่เด็กสาวที่เวลาปกติจะไร้อารมณ์แล้วค่อยๆกลายเป็นคนคลั่งรักอะไรอย่างนั้นสินะ?
พวกเราสนุกสนานไปกับมื้อดึกขณะที่กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆ