ฮิโตสึบะ คาเอเดะ ผมไม่คิดว่าจะไม่มีใครในโรงเรียน ม.ปลาย เมวะได ที่ไม่รู้จักเธอ
ถ้าหากว่าไม่รู้จักละก็ ก็คงจะเป็นพวกที่ไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยอะไรทำนองนั้น
เธอพึ่งชนะการประกวดเมื่อ เดือนธันวาคม ของปีที่ผ่านมา
แรกเริ่มเดิมที ฮิโตสึบะซัง ก็เป็นสาวสวยที่สุดในโรงเรียนอยู่แล้ว
ด้วยลักษณะและสัดส่วนที่ดูเป็นผู้ใหญ่ เหนือเด็กนักเรียนมัธยมปลายทั่วๆไป
ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่บางครั้ง ก็ราวกับเป็นรอยยิ้มของเทพธิดา
ทุกๆคน ไม่ว่าจะ ชาย,หญิง ก็ต่างหลงไหลเธอ แน่นอนว่าผมเอง ก็ชื่นชมในตัวเธออยู่เช่นกัน
“มีอะไรหรอ? โยชิสุมิคุง หน้าของนายแดงไปหมดแล้วนะ หรือว่าเป็นหวัดหรอคะ !?
แย่แล้วสิ ! นายต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้-“
“มะ-ไม่ใช่ ! ไม่เป็นอะไร ! ผมไม่มีไข้หรอก ผมสบายดี สบายดีสุดๆเลยครับ!”
“งั้นหรอกหรอคะ? ถ้างั้น ชั้นขอตรวจดูหน่อยนะ”
“เฮือกกก !”
ผมร้องเสียงหลงออกมา อย่างช่วยไม่ได้ นั่นก็เพราะ ฮิโตสึบะซัง เธอถอดถุงมือของเธอออก และ ยื่นมือที่เรียวงาม ของเธอมาจับที่หน้าผากของผม
ผมสัมผัสได้ถึงความเย็นของร่างกายของผมเอง และผมก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากฝ่ามือของเธอเช่นกัน
อุณหภูมิร่างกายของผมมันพุ่งทะยาน สูงขึ้นทันที
ตอนนี้ผมรู้สึกราวกับตัวเองโดนเผา ซึ่งมันไม่ใช่แค่ที่แก้มของผมเท่านั้น แต่มันรู้สึกทั่วทั้งร่างกายของผมเลยล่ะ !
เธอไม่สนใจ ถึงของกังวลใจของผมเลยแม้แต่น้อย และหลังจากช่วงเวลาสั้นๆนั้น
เธอก็พยักหน้า ด้วยท่าทางน่ารักๆของตัวเธอเอง แต่แก้มของเธอนั้นก็พอง ตุ้บป่องออกมาเหมือนกับปลาปักเป้า ดังนั้น จึงทำให้ความน่ารักของเธอนั้นเพิ่มพลังทำลายล้างเป็นสองเท่า !!!
“หืม….หน้าผากของนายมันก็อุ่นๆอยู่นี่นา ไปโรงพยาบาลสักหน่อยน่าจะดีกว่านะ”
“มะ-ไม่หรอก ผมโอเค เธอแค่คิดไปเองหน่า…. ดูสิๆ มันเป็นเพราะ ผมอยู่ในห้องที่มันอุ่น ไงล่ะ แล้วยิ่งกว่านั้น ไหงเธอถึงได้มาที่บ้านของผมกันล่ะ? แล้วก็หมายความว่ายังไงที่ว่า “มาช่วย” น่ะ?”
“โอ้ ! นั่นสิๆ โยชิสุมิคุง ชั้นขอเข้าไปที่ห้องนายหน่อยได้ไหม?”
ไอ้ผมก็อยากจะปฏิเสธแบบสุภาพๆไปอยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้มันดันมีเหล่าชายฉกรรจ์นั่งเรียงกันอยู่ในห้อง นั่นก็รวมถึง ทากะซังด้วย ซึ่งใส่ชุดสูท พร้อมกับออร่าความกดดันน่ากลัวๆอีกด้วย
ถึงแม้ว่าผมจะรู้ดีว่าภายนอกที่เขาดูน่ากลัวโครตๆ แต่เนื้อในนั้นเป็นคนที่จิตใจดีมากๆก็เถอะ
แต่ถ้าใครได้เจอเขาแบบนั้นในครั้งแรกมีหวังได้ประสาทกินเอาแน่ๆ
และนั้นแหละคือ ว่าทำไมผมถึงได้อยากจะหยุดเธอที่อยากจะเข้าไป ด้วยพลังทั้งหมดที่ผมมี….
“เฮ้ย ! ยูยะ มีแขกเรอะ ? โทษทีนะแต่ช่วยมาวันหลังละกัน พอดีพวกเรากำลังจะออกไปแล้ว…”
ไอ้เวลาที่โครตเหมาะเจาะขนาดนี้ มันอะไรกันวะครับเนี่ย !!
ไหงคุณมาที่ทางเข้าเอง ในตอนช่วงเวลาสำคัญแบบนี้กันนะ?
ผมแค่อยากจะขอให้เธอจากไปดีๆ เพราะไม่อยากให้ ฮิโตสึบะซัง ได้เจอคุณไงเล่า !
แต่ว่า ฮิโตสึบะซังนั้นถึงแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับ ทากะซังที่มีบุคลิกภายนอกที่ดูหน้ากลัวๆแล้วก็ตาม เธอก็ไม่ลังเลที่ จะเผยรอยยิ้มดั่งเทพธิดาออกมา ต่อหน้าเขา
“มาได้จังหวะ เหมาะเจาะพอดีเลยนะคะ ชั้นอยากจะพูดคุยกับคุณ สักหน่อยน่ะค่ะ โอมิจิ ทาคาชิ ไม่สิ คงจะดีกว่าถ้าเรียกว่า โอมิจิซัง หัวหน้าหนุ่ม ของแก๊งค์ฮาราสึ สินะคะ”
เจ้าหล่อนเล่นทิ้งระเบิดลูกใหญ่ออกมาทันทีที่ได้เจอทากะซัง
แล้วไหงเธอถึงได้รู้เกี่ยวกับกลุ่มแก๊งค์ที่ทากะซังสังกัดอยู่ได้ล่ะ? แม้แต่เรื่องตำแหน่งในแก๊งค์ก็ด้วย?
นี่เธอคงไม่คิดจะย่างกรายเข้ามาในโลกที่เต็มไปด้วยการนองเลือดนี่ใช่ไหม?
ถึงแม้ว่าทากะซังที่เป็นคนที่ใจดีมาโดยตลอดคนนั้น ตอนนี้ในแววตาของเขานั้นแฝงด้วยเจตนาของการฆ่าอยู่
เขาจ้องไปที่เธอด้วยเจตนาเช่นนี้
“ทะ-ทากะซัง ใจเย็นก่อนครับ ! อย่าทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นสิครับ จำได้ไหมครับ ตอนเราทำงานที่ซุ้มยากิโซบะด้วยกันที่งานเทศกาลตอนนั้น ที่เด็กๆเห็นคุณมองด้วยสายตาน่ากลัวๆแล้วก็พากัน ร้องไห้ และ เผ่นแน่บกันไปหมดนั่นน่ะคงยังไม่ลืมใช่ไหมครับ? และหลังจากนั้น คุณก็บอกว่า คุณอยากจะเป็นคนดีนี่นา !”
“โทษทีนะ ยูยะ แต่เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกัน….. เฮ้ย ! แม่หนู ดูเหมือนเธอจะใส่ชุดนักเรียนเหมือนกันกับยูยะนี่ บอกชั้นมาว่าเธอคือใคร?”
พี่ทากะของผม ผู้ที่แสนใจดี จนกระทั่งถึงเมื่อกี้นั้น ได้หายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ…
และที่อยู่ตรงนี้นั้น คือ โอมิจิซัง หัวหน้าแก๊งหนุ่ม ซึ่งเขาได้เอ่ยปากถาม ฮิโตสึบะซัง ด้วยแรงกดดันแบบเดียวกันกับที่เขาใช้กับพ่อของผมที่ได้หักหลังเขาไป
แต่ว่าเธอนั้นกลับไม่มีท่าทาง ตัวหดเลยแม้แต่น้อย และ ตอบกลับมาว่า
“ชื่อของชั้นคือ ฮิโตสึบะ คาเอเดะ โอ้….เอาตามจริงคุณไม่จำเป็นต้องจำชื่อชั้นไว้ก็ได้นะคะ
เพราะชั้นไม่คิดว่าคนอย่างคุณจะสามารถจำมันได้หรอกค่ะ เพราะฉะนั้นโปรดลืมๆมันไปเถอะค่ะ”
“โฮ่…..นี่เธอ คิดว่าชั้นโง่นักเรอะ?”
“อืม….แล้วนี่ชั้นควรพูดอะไรที่เกี่ยวกับคุณอีกดีนะ? คุณดูเหมือนสิ่งมีชีวิตที่มีสมองเซลล์เดียว ที่คิดว่าการที่คุณมองคนอื่นอย่างนั้นแล้วพวกเขาจะต้องกลัวคุณน่ะ อ้อ….แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะหยาบคายนะคะ แต่การที่เปรียบเทียบคุณกับสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวแล้วเนี่ย คงจะเป็นการดูหมิ่นเหล่าสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้จริงๆนั่นแหละค่ะ อุ๊ปส์ ! ขอโทษด้วยนะคะ และจะว่าไปแล้ว เน็คไทต์ของคุณเนี่ยมันช่างดูไร้รสนิยมสิ้นดีเลยค่ะ”
ไหงเธอถึงได้หัวเราะพร้อมกับกวนได้ขนาดนี้กันเล่า ฮิโตสึบะซัง !!!
ทากะซัง เขาเป็นคนทำงานเก่ง จนได้กลายเป็น หมายเลข 2 ของแก๊งค์ นับแต่อายุยังน้อยเลยทีเดียว แต่ได้โปรดอย่าถามต่อละว่าเขาทำงานอะไร เพราะผมเองก็ไม่อยากรู้เหมือนกัน….
“ฮ่าๆๆๆๆ เห็นอย่างนี้ปากจัดใช้ได้เลยนะแม่หนู ในเมื่อเธอไม่ใช่คนรู้จักของยูยะ แล้วล่ะก็ เธอคงรู้สินะว่าชั้นจะลงโทษเธอยังไงก็ได้น่ะ? แต่ชั้นจะขอทนกับคำพูดของเธอไปสักครั้งนึงก็แล้วกัน”
แม้ว่าคำพูดของทากะซัง จะเอ่ยออกมาแบบนั้น แต่ทากะซังก็เริ่มมีน้ำตาซึม และ ใบหน้าก็เริ่มดูมืดมนลงอย่างเห็นได้ชัด ผมเกรงว่า จริงๆแล้ว เขาคงไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับภาพลักษณ์ของเขาที่เขาได้วาดไว้สินะ
แน่นอน เมื่อคุณได้เจอสาวสวยที่พึ่งได้เจอหน้ากันครั้งแรกเรียกคุณว่า “ไอ้สมองนก” และ สุดท้ายก็สร้างความอัปยศ กับการที่คุณมีรสนิยมสวมเน็คไทต์สีม่วงๆน่าเกลียดๆ ที่คุณคิดว่ามันเหมาะกับตัวคุณมาตลอดและตามเทรนชาวบ้านอีกด้วย
แน่นอนเป็นใครโดนแบบนี้ก็อยากจะร้องไห้อ่ะถูกมะ?
ใช่ ผมเองก็จะร้องแล้วตอนนี้….
“เฮ้ย ! ยูยะ นายเองก็คิดว่าชั้นเป็นไอ้โง่ด้วยใช่มะ? ชั้นเห็นหน้านายนะเว้ย !”
หน้าของผมมันบอกอย่างนั้นเรอะ? ไม่ๆๆ ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับคุณเลย จริงๆแล้วผมเคารพคุณมากเลยต่างหากล่ะ !
“หา… ฮิโตสึบะ คาเอเดะ นั่นคือชื่อของเธอสินะ ? เธอนี่มันกวนประสาทเอาเรื่องเลยนี่หว่า แต่เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของชั้นเลยนะ ชั้นจะถามอีกรอบก็แล้วกัน เธอเป็นใครวะ?”
“ฮิโตสึบะ โยอิจิโร่ ชื่อนี่ฟังดูคุ้นหูนายไหมล่ะ?”
ผมไม่ได้รู้สึกเอะใจกับชื่อๆนั้นเลย แต่ผมมีลางสังหรณ์ว่า คงจะเป็นพ่อ หรือไม่ก็เครือญาติคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับเธอ แต่ดูเหมือนทากะซังจะรู้จักคนๆนั้น เพราะตอนนี้ใบหน้าของเขาแดงเรื่อ ซึ่งมันเต็มไปด้วยโทสะ และ ความหงุดหงิด
“ผู้อำนวยการสำนักสอบสวนคดีอาญาของหน่วยงานตำรวจแห่งชาติ เป็นพ่อของเธองั้นเรอะ ?”
“ไม่ล่ะ โยอิจิโร่ซังน่ะเป็นคุณลุงของชั้นเอง , แต่เหมือนกับว่าพ่อของชั้น เขาจะรักชั้นมากๆซะด้วยสินะคะ ชั้นแน่ใจเลยว่า เขาเต็มใจที่จะใช้อำนาจในทางมิชอบของเขานิดๆหน่อยๆ ถ้าชั้นขอให้เขาช่วยล่ะนะคะ”
“เดี๋ยวนะ ! แล้วนี่เธอต้องการอะไรจากพวกเรากันล่ะ?”
“ง่ายๆค่ะ แค่ปล่อยโยชิสุมิคุงไปซะ แน่นอนว่าไม่ได้ฟรีๆหรอกนะคะ ยอดรวมเบ็ดเสร็จ 36,067,977 เยน รวมดอกเบี้ยที่พ่อแม่ของโยชิสุมิคุง ยืมคุณมาน่ะ พวกเขาจะโอนให้คุณหลังจากนี้ค่ะ ดังนั้นอย่าได้เสนอหน้ามายุ่งเกี่ยวกับ โยชิสุมิคุง อีกนะคะ”
เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย ! ผมที่เอาแต่ฟังอยู่เงียบๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนเรื่องราวมันจะซีเรียสขึ้นมาแล้วนะเฮ้ย ! มันเป็นไปได้หรอ ที่คุณลุงของฮิโตสึบะซัง คนที่เป็นคนสำคัญของหน่วยตำรวจแห่งชาติ และ ฮิโตสึบะซัง จะชดใช้หนี้ก้อนมหาศาลที่พ่อผมก่อไว้ให้?
ผมสับสนไปหมด คิดอะไรไม่ออก คิดออกได้แค่ ผมที่กำลังสิ้นหวังที่พ่อแม่บินหนีไปต่างประเทศ และ ผมต้องเริ่มทำงานโดยการเข้าแก๊งค์ ที่อายุเพียงแค่ 16 ปี เพื่อชดใช้หนี้คืน
และ เพื่อนร่วมชั้นของผม ผู้ซึ่งเป็นคนที่ได้รับการโหวตว่าเป็น นักเรียน ม.ปลายที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่นก็เยือนที่บ้านของผม ด้วยใบหน้าที่เย็นชา พร้อมกับ เผชิญหน้า อาละวาด กับหัวหน้าแก๊งค์ และ เธอก็เสนอว่าจะจ่ายหนี้ทั้งหมดให้ผม
แต่ว่านั้นมันยังไม่จบ เพราะว่ามีคนอื่นโผล่มาด้วยยังไงล่ะ…
“นี่….คาเอเดะ บอกแล้วไงว่าไม่ต้องนำหน้ามาก็ได้”
ครั้งนี้แม้แต่เสียงออด ที่ยังไม่ทันได้ดังผมก็ได้เปิดประตูอีกครั้งนึง และ ได้พบกับหญิงสาวรูปงาม ที่เธอดูเหมือน ฮิโตสึบะซัง ใน เวอร์ชั่น ผู้ใหญ่ ! เธอคงจะรีบล่ะนะ เพราะตอนนี้พึ่งจะเป็นช่วงกลางฤดูหนาวๆอยู่แท้ๆ แต่หน้าผากของเธอนั้นชุ่มเหงื่อเต็มไปหมด
“ขอโทษด้วยนะคะ ชื่อของชั้นคือ ฮิโตสึบะ ซากุราโกะ ชั้นเป็นแม่ของฮิโตสึบะ คาเอเดะเองค่ะ และก็เป็น ทนายความอีกด้วย”
คนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นพี่สาวเธอ แต่ไหงกลายเป็นแม่ของเธอไปซะอย่างงั้น !!!