Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita – ตอนที่ 20: มันน่าจะเป็นประโยชน์ในสักวันหนึ่ง

“โหยย…….เสต็กแฮมเบิร์กนั่นดูน่ากินจัง! เจ้านี่ฝีมือคาเอเดะจังอย่างงั้นเหรอ? ดูเหมือนของที่เสิร์ฟตามภัตตาคารเลยนะเนี่ย!”

“ขอบใจจ้าอากิโฮะจัง อยากจะลองทานดูบ้างไหมคะ?”

“ได้เหรอ? เย้!”

ขุ่นพระ มันอร่อยเหาะไปเลย!!

ผมก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าจะพูดอะไรกับตัวของโอสึกิซังที่กำลังกินสเต็กแฮมเบิร์กฝีมือของคาเอเดะพร้อมกับกระพริบตาปริบๆไปด้วย

แต่เธอก็ดูน่ารักดีเหมือนกับตัวมาสคอตอะไรสักอย่าง

การพูดคุยโต้ตอบกันของคาเอเดะกับโอสึกิซังราวกับว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกันไม่มีผิด

“นี่ยูยะ เห็นด้วยเลยว่าทั้งฮิโตสึบะซังทั้งอากิโฮะพวกหล่อนหยั่งกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกันจริงๆเลยว่ามะ? ถ้าเป็นแบบนี้ชั้นต้องเรียกนายว่าคุณพี่เขยรึเปล่าเนี่ย?”

“ไม่อยากได้ยินนายมาเรียกชั้นว่าพี่เขยเลยชินจิ”

แล้วไหงชินจิถึงได้รู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ได้ล่ะเนี่ย?

มันแสดงออกผ่านสีหน้าของผมขนาดนั้นเลยเรอะ? ขืนเป็นแบบนี้คงจะเป็นปัญหาแน่เวลาลงสนามคู่แข่งก็คงจะสังเกตุเดาทางการเล็งและจังหวะการกระโดดของผมได้หมดแหงๆ

“ไม่หรอก กับเรื่องฟุตบอลน่ะไม่เป็นไรหรอก ยูยะน่ะเป็นคนละคนไปเลยตอนที่เล่นฟุตบอลน่ะ ไม่ว่าจะเป็นในคาบพละหรือในกิจกรรมชมรม ปกติเขาจะทำตัวเป็นแมวที่เอาแต่นั่งอู้อยู่เฉยๆตรงริมหน้าต่าง แต่พอเล่นฟุตบอลทีไรก็กลายเป็นเหมือนกับ…….เหมือนกับเสือมั้ง? อารมณ์แบบว่า ‘ส่งบอลมาซะหรือจะให้ชั้นฆ่าแกดีล่ะ!’ อะไรทำนองนั้นน่ะ”

นี่ผมมันดูเป็นกองหน้าที่อวดดีขนาดนั้นเลยจริงดิ?

แล้วผมไม่มีช็อตที่เป็นเหมือนเสือดุๆอย่างว่านั่นหรอกนะ

แต่ยังไงซะไอ้เจ้าสเต็คแฮมเบิร์กนี่มันดีงามสุดๆไปเลย

“ส่วนชั้นว่าเจ้ายูยะน่ะเป็นพวกอวดดีพอสมควรเลย ก็ไม่ใช่ว่าชั้นหลับหูหลับตามองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างรอบตัวชั้นหรอกนะ แต่เซ้นส์ของยูยะตอนที่กำลังเล่นบอลอยู่น่ะมันบ้าเกิน……….เพราะงั้นก็เลยยากหน่อยที่จะตามหมอนี่ทัน อุปสรรคในการเล่นกับหมอนี่น่ะมันมีมากเกินไป โฮ่ย…..ชั้นขอชิมสเต็คด้วยสักคำได้มะ?”

นั่นมันคำชมหรือดูถูกกันแน่?

จริงๆแล้วชั้นก็ไม่อยากจะแบ่งให้นายหรอกนะเพราะสเต็กแฮมเบิร์กของคาเอเดะน่ะมันดีย์งามสุดๆไปเลยยังไงล่ะแต่ชั้นจะให้นายลิ้มรสความมหัศจรรย์นี้ด้วยก็ได้

ไหนๆก็เป็นเพื่อนซี้ที่ดีที่สุดคนนึงของชั้นแล้วจะยอมแบ่งมื้ออาหารสุดพิเศษนี้ให้นายสัก 1 ใน 4 ก็แล้วกัน

เอ้า จงลิ้มรสชาติซะสิ!!

“นี่ คาเอเดะจัง โยชิคุงกับชินคุงเองนี่เหมือนกับเป็นพี่น้องกันเลยไม่ใช่เหรอ? แบบว่าเธอไม่คิดบ้างเหรอว่าพวกเขาตัวติดกันเกินไปน่ะ?”

“นั่นสินะคะ ปกติแล้วพวกผู้ชายจะไม่ทำแบบนั้นกันแน่ๆ ชั้นเองก็คิดว่ามันแปลกที่เขายอมป้อนข้าวฮิงุเระคุงทั้งๆที่เขายังไม่เคยทำแบบนั้นกับชั้นเลยด้วยซ้ำน่ะ!!”

“ใช่ม้า…นี่โยชิ! ชินคุงน่ะเขาเป็นของชั้นนะยะ ห้ามเผลอจูบโดยเด็ดขาดนะ! ส่วนชินคุงเองก็อย่าทำหน้าตาดีใจออกนอกหน้าอย่างงั้นสิ! มันทำให้พวกผู้หญิงรอบๆเขาหวั่นไหวกันนะ!”

แล้วคาเอเดะก็เข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าไม่พอใจและโอสึกิซังก็คว้าตัวชินจิไปด้วยหน้าตาหงุดหงิดๆในขณะที่เขากำลังพยายามจะกินสเต็กจากมือของผม

แลเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องมันยุ่งยากผมก็เลยโยนมันเข้าไปในปากของหมอนั่นแทน

“ฟังนะคะยูยะคุง นายต้องหัดห้ามใจตัวเองหน่อยนะคะ ขืนเจ้าลูกหมาน้อยอย่างฮิงุเระคุงแล้วก็นายกำลังจู๋จี๋กันอยู่ล่ะก็ทุกคนเขาจะเข้าใจผิดเอาได้นะคะในทางกลับกันพวกเขายิ่งจะเรียกร้องให้พวกนายทั้งคู่ทำมากยิ่งขึ้นกว่านิ้อีกค่ะ เพราะงั้นช่วยเลิกการกระทำที่ไร้ความคิดแบบนี้ด้วยค่ะ!”

“อ่า….ครับๆ เข้าใจแล้ว จากนี้จะระวังจะไม่ทำอะไรแปลกๆอีกแล้วครับ แต่ว่าเธอรู้อะไรไหมคาเอเดะ? ไอ้คนที่ดูไม่น่าไว้ใจจริงๆน่ะมันเธอต่างหากล่ะ เธอแอบถ่ายคลิปพวกเราในมือถือของเธอไปด้วยใช่ไหมล่ะ? ผมเองก็กลัวที่เธอหอบฟืดฟาดอยู่แบบนี้มันกันนะรู้เปล่า?”

ก็ถ้าเธอจะบ่นอะไรในขณะที่ตัวเองสูดหายใจหอบแฮ่กๆอย่างตื่นเต้นในเวลาเดียวกันแบบนั้นเป็นใครเขาก็กลัวกันหมดนั่นแหละน่า

ดูสิขนาดโอสึกิซังยังเหวอจนถอยกลับเลยนั่น

“…….ชั้นไม่รู้สึกผิดหรอกนะคะ ชั้นก็แค่คิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะเก็บบันทึกมิตรภาพระหว่างยูยะคุงกับฮิงุเระคุงเอาไว้ค่ะเผื่อในอนาคตค่ะ เพราะงั้นชั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆแอบแฝงแถมก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรด้วยค่ะ”

น่าทึ่งสุดๆไปเลยไม่ใช่รึยังไงครับเนี่ย?

เล่นพูดแบบนั้นมาผมก็ต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเธอไม่ได้เลยจริงๆ

แม้ผมเองจะคิดแค่ว่าเธอแค่ถ่ายภาพที่เป็นฉากที่น่าจดจำเผื่อตอนอนาคตเฉยๆ

แต่อันที่จริงแล้วตัวเธอกำลังสนุกกับการถ่ายเพื่อความบันเทิงส่วนตัวซะมากกว่า

“นี่ๆคาเอเดะจังหมายความว่ายังไงเหรอ? ที่ว่ามันจะมีประโยชน์ในสักวันหนึ่งน่ะ? หมายถึงอย่างตอนที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งน่ะเหรอ?”

โอสึกิซังถามคำถามที่เรียบง่ายออกมาซึ่งมันก็จริงของเธอ

เธอไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าไอ้เจ้าคลิปนั่นจะมีประโยชน์ในอนาคตรึเปล่า?

ชินจิเองก็พยักหน้าราวกับว่าก็อยากจะถามคำถามเดียวกัน

ใช่ ผมเองก็อยู่ในจุดเดียวกัน

“สักวันหนึ่งที่ว่าน่ะเหรอ………ก็ตอนที่ตัดสินใจที่จะแต่งงา-“

“มันจะต้องเป็นงานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนแหงอยู่แล้ว! ไม่น่าจะมีเหตุผลอื่นอีกแล้วล่ะเนอะ! เพื่อที่จะได้เอามาแกล้งกัน ใช่ม้า….คาเอเดะซัง!?”

ผมคงจะปล่อยให้หล่อนพูดอะไรต่อไปไม่ได้อีกแล้วล่ะ!

แค่นี้ผมก็ซวยพอแล้วที่มีข่าวลือว่าพวกเราคบกันน่ะและตอนนี้เธอก็เล่นโพล่งออกมาถึงเรื่องแต่งงานอีก

ท่องนะโม 3 จบก็ไม่ช่วยให้ใจสงบแล้วงานนี้

“ไม่นะคะ ยูยะคุง นี่น่ะ-“

“อย่างงั้นเอง…..หรอกเหรอครับ…..คาเอเดะซัง…….”

จะไม่ยอมเปิดช่องให้เธอพูดอีกแล้ว!

ผมเอามือเข้าไปปิดปากเธอและก็ทำหน้าข่มขู่กดดันเธอแบบน่ากลัวที่สุด

คาเอเดะก็พยักหน้าด้วยแก้มที่แดงระเรื่อ

ฟิ้วววว หวุดหวิด…..โล่งอกไปที……..

“นี่ ชินคุง ดูเหมือนว่าโยชิหมอนั่นจะทำสำเร็จนะ แต่นายว่าเขาจะปิดมันได้มิดจริงเหรอ?”

“อากิโฮะ บางครั้งน่ะนะถึงเธอจะคิดอะไรอยู่ก็ตาม เธอก็ไม่ควรที่จะพูดมันออกมาดังๆนะ แต่ถ้าทั้งสองคนนั้นเขาแค่หยอกกันขำๆมันก็ไม่เป็นไรหรอก เราก็แค่เงียบปากไว้ก็พอ”

ได้ยินชัดแจ๋วเลยนะเฮ้ยทั้ง 2 คนน่ะ!

“…….นี่ขอล่ะค่ะช่วยอย่าเข้ามาปิดปากกันกระทันหันอย่างนี้สิคะ นายทำให้ชั้นใจหายหมดเลยนะคะ”

“มันเป็นความผิดของคาเอเดะนะที่พยายามจะพูดอะไรก็พูดออกมาเลยน่ะ เธอไม่คิดเสียใจทีหลังบ้างรึไง?”

“มันก็จริงค่ะที่ชั้น……..ใจร้อนเกินไปสักหน่อยแต่ยังไงๆยูยะคุงถ้ายังจะปิดปากกันอยู่อย่างนี้ นายก็ควรทำให้มันเสร็จๆด้วยปากของนายแทนนะคะรู้ไหม? อันที่จริงชั้นอยากให้นายปิดปากชั้นด้วย…….จูบน่ะค่ะ…….”

คาเอเดะ…….ยัยคนปากพล่อย!!

อีกเดี๋ยวเธอก็คงจะพูดเรื่องรูปสำหรับงานแต่งงานนั่นอีกแหงๆ!

ขืนไม่รีบหยุดเธอเดี๋ยวคนอื่นก็จะพากันคิดว่าเธอก้าวไปตามแบบฉบับของเด็ก ม.ปลายกันพอดี แล้วเธอรู้ไหมว่าบางครั้งที่เห็นคนอื่นโพสต์รูปที่มันไร้ยางอายที่มีอีโมจิหัวใจแล้วเขียนกำกับว่า “พวกเราตัวติดกันเป็นตังเมเลย”

นั่นแหละมันจะลงเอยแบบนั้นแหละ!

“แต่ถ้าเราจะทำกันจริงๆ ชั้นก็อยากจะทำใน……..ค่ำคืนที่มีแค่สองเราก่อนที่พวกเราจะเข้านอนน่ะค่ะ”

“โอเค ช่วยหุบปากไว้ก่อนสักเดี๋ยวนะครับ คือแบบขอล่ะช่วยเงียบทีเถอะ! ผมยอมทำตามทุกอย่างแล้วครับ!!”

“ก็ได้ค่ะ ถ้ายูยะคุงยอมทำทุกอย่างเพื่อชั้น ชั้นจะยอมเงียบก็ได้”

คาเอเดะพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วจากนั้นเธอก็ยอมหยุดพูดไป

ผมถูกทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวอย่างพ่ายแพ้

เดี๋ยว….อะไรนะ……นี่ผมพึ่งพูดออกไปว่าผมจะยอมทำตามที่คาเอเดะต้องการอย่างงั้นเหรอ? เสร็จกัน……

“นี่ๆ ชินคุง บางทีพวกเราก็เห็นแบบนั้นเหมือนกันรึเปล่านะ?”

“ตามนั้นแหละอากิโฮะ ต่อหน้าทุกคนก็เงียบไว้หน่อยก็แล้วกันนะ”

มันควรจะเป็นการพักเที่ยงที่สนุกสนานและผ่อนคลาย

แต่สำหรับผมมันกลับกลายเป็นเหมือนพายุมรสุมซะมากกว่า….

Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita

Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita

Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita

Comment

Options

not work with dark mode
Reset