“โหยย…….เสต็กแฮมเบิร์กนั่นดูน่ากินจัง! เจ้านี่ฝีมือคาเอเดะจังอย่างงั้นเหรอ? ดูเหมือนของที่เสิร์ฟตามภัตตาคารเลยนะเนี่ย!”
“ขอบใจจ้าอากิโฮะจัง อยากจะลองทานดูบ้างไหมคะ?”
“ได้เหรอ? เย้!”
ขุ่นพระ มันอร่อยเหาะไปเลย!!
ผมก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าจะพูดอะไรกับตัวของโอสึกิซังที่กำลังกินสเต็กแฮมเบิร์กฝีมือของคาเอเดะพร้อมกับกระพริบตาปริบๆไปด้วย
แต่เธอก็ดูน่ารักดีเหมือนกับตัวมาสคอตอะไรสักอย่าง
การพูดคุยโต้ตอบกันของคาเอเดะกับโอสึกิซังราวกับว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกันไม่มีผิด
“นี่ยูยะ เห็นด้วยเลยว่าทั้งฮิโตสึบะซังทั้งอากิโฮะพวกหล่อนหยั่งกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกันจริงๆเลยว่ามะ? ถ้าเป็นแบบนี้ชั้นต้องเรียกนายว่าคุณพี่เขยรึเปล่าเนี่ย?”
“ไม่อยากได้ยินนายมาเรียกชั้นว่าพี่เขยเลยชินจิ”
แล้วไหงชินจิถึงได้รู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ได้ล่ะเนี่ย?
มันแสดงออกผ่านสีหน้าของผมขนาดนั้นเลยเรอะ? ขืนเป็นแบบนี้คงจะเป็นปัญหาแน่เวลาลงสนามคู่แข่งก็คงจะสังเกตุเดาทางการเล็งและจังหวะการกระโดดของผมได้หมดแหงๆ
“ไม่หรอก กับเรื่องฟุตบอลน่ะไม่เป็นไรหรอก ยูยะน่ะเป็นคนละคนไปเลยตอนที่เล่นฟุตบอลน่ะ ไม่ว่าจะเป็นในคาบพละหรือในกิจกรรมชมรม ปกติเขาจะทำตัวเป็นแมวที่เอาแต่นั่งอู้อยู่เฉยๆตรงริมหน้าต่าง แต่พอเล่นฟุตบอลทีไรก็กลายเป็นเหมือนกับ…….เหมือนกับเสือมั้ง? อารมณ์แบบว่า ‘ส่งบอลมาซะหรือจะให้ชั้นฆ่าแกดีล่ะ!’ อะไรทำนองนั้นน่ะ”
นี่ผมมันดูเป็นกองหน้าที่อวดดีขนาดนั้นเลยจริงดิ?
แล้วผมไม่มีช็อตที่เป็นเหมือนเสือดุๆอย่างว่านั่นหรอกนะ
แต่ยังไงซะไอ้เจ้าสเต็คแฮมเบิร์กนี่มันดีงามสุดๆไปเลย
“ส่วนชั้นว่าเจ้ายูยะน่ะเป็นพวกอวดดีพอสมควรเลย ก็ไม่ใช่ว่าชั้นหลับหูหลับตามองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างรอบตัวชั้นหรอกนะ แต่เซ้นส์ของยูยะตอนที่กำลังเล่นบอลอยู่น่ะมันบ้าเกิน……….เพราะงั้นก็เลยยากหน่อยที่จะตามหมอนี่ทัน อุปสรรคในการเล่นกับหมอนี่น่ะมันมีมากเกินไป โฮ่ย…..ชั้นขอชิมสเต็คด้วยสักคำได้มะ?”
นั่นมันคำชมหรือดูถูกกันแน่?
จริงๆแล้วชั้นก็ไม่อยากจะแบ่งให้นายหรอกนะเพราะสเต็กแฮมเบิร์กของคาเอเดะน่ะมันดีย์งามสุดๆไปเลยยังไงล่ะแต่ชั้นจะให้นายลิ้มรสความมหัศจรรย์นี้ด้วยก็ได้
ไหนๆก็เป็นเพื่อนซี้ที่ดีที่สุดคนนึงของชั้นแล้วจะยอมแบ่งมื้ออาหารสุดพิเศษนี้ให้นายสัก 1 ใน 4 ก็แล้วกัน
เอ้า จงลิ้มรสชาติซะสิ!!
“นี่ คาเอเดะจัง โยชิคุงกับชินคุงเองนี่เหมือนกับเป็นพี่น้องกันเลยไม่ใช่เหรอ? แบบว่าเธอไม่คิดบ้างเหรอว่าพวกเขาตัวติดกันเกินไปน่ะ?”
“นั่นสินะคะ ปกติแล้วพวกผู้ชายจะไม่ทำแบบนั้นกันแน่ๆ ชั้นเองก็คิดว่ามันแปลกที่เขายอมป้อนข้าวฮิงุเระคุงทั้งๆที่เขายังไม่เคยทำแบบนั้นกับชั้นเลยด้วยซ้ำน่ะ!!”
“ใช่ม้า…นี่โยชิ! ชินคุงน่ะเขาเป็นของชั้นนะยะ ห้ามเผลอจูบโดยเด็ดขาดนะ! ส่วนชินคุงเองก็อย่าทำหน้าตาดีใจออกนอกหน้าอย่างงั้นสิ! มันทำให้พวกผู้หญิงรอบๆเขาหวั่นไหวกันนะ!”
แล้วคาเอเดะก็เข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าไม่พอใจและโอสึกิซังก็คว้าตัวชินจิไปด้วยหน้าตาหงุดหงิดๆในขณะที่เขากำลังพยายามจะกินสเต็กจากมือของผม
แลเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องมันยุ่งยากผมก็เลยโยนมันเข้าไปในปากของหมอนั่นแทน
“ฟังนะคะยูยะคุง นายต้องหัดห้ามใจตัวเองหน่อยนะคะ ขืนเจ้าลูกหมาน้อยอย่างฮิงุเระคุงแล้วก็นายกำลังจู๋จี๋กันอยู่ล่ะก็ทุกคนเขาจะเข้าใจผิดเอาได้นะคะในทางกลับกันพวกเขายิ่งจะเรียกร้องให้พวกนายทั้งคู่ทำมากยิ่งขึ้นกว่านิ้อีกค่ะ เพราะงั้นช่วยเลิกการกระทำที่ไร้ความคิดแบบนี้ด้วยค่ะ!”
“อ่า….ครับๆ เข้าใจแล้ว จากนี้จะระวังจะไม่ทำอะไรแปลกๆอีกแล้วครับ แต่ว่าเธอรู้อะไรไหมคาเอเดะ? ไอ้คนที่ดูไม่น่าไว้ใจจริงๆน่ะมันเธอต่างหากล่ะ เธอแอบถ่ายคลิปพวกเราในมือถือของเธอไปด้วยใช่ไหมล่ะ? ผมเองก็กลัวที่เธอหอบฟืดฟาดอยู่แบบนี้มันกันนะรู้เปล่า?”
ก็ถ้าเธอจะบ่นอะไรในขณะที่ตัวเองสูดหายใจหอบแฮ่กๆอย่างตื่นเต้นในเวลาเดียวกันแบบนั้นเป็นใครเขาก็กลัวกันหมดนั่นแหละน่า
ดูสิขนาดโอสึกิซังยังเหวอจนถอยกลับเลยนั่น
“…….ชั้นไม่รู้สึกผิดหรอกนะคะ ชั้นก็แค่คิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะเก็บบันทึกมิตรภาพระหว่างยูยะคุงกับฮิงุเระคุงเอาไว้ค่ะเผื่อในอนาคตค่ะ เพราะงั้นชั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆแอบแฝงแถมก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรด้วยค่ะ”
น่าทึ่งสุดๆไปเลยไม่ใช่รึยังไงครับเนี่ย?
เล่นพูดแบบนั้นมาผมก็ต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเธอไม่ได้เลยจริงๆ
แม้ผมเองจะคิดแค่ว่าเธอแค่ถ่ายภาพที่เป็นฉากที่น่าจดจำเผื่อตอนอนาคตเฉยๆ
แต่อันที่จริงแล้วตัวเธอกำลังสนุกกับการถ่ายเพื่อความบันเทิงส่วนตัวซะมากกว่า
“นี่ๆคาเอเดะจังหมายความว่ายังไงเหรอ? ที่ว่ามันจะมีประโยชน์ในสักวันหนึ่งน่ะ? หมายถึงอย่างตอนที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งน่ะเหรอ?”
โอสึกิซังถามคำถามที่เรียบง่ายออกมาซึ่งมันก็จริงของเธอ
เธอไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าไอ้เจ้าคลิปนั่นจะมีประโยชน์ในอนาคตรึเปล่า?
ชินจิเองก็พยักหน้าราวกับว่าก็อยากจะถามคำถามเดียวกัน
ใช่ ผมเองก็อยู่ในจุดเดียวกัน
“สักวันหนึ่งที่ว่าน่ะเหรอ………ก็ตอนที่ตัดสินใจที่จะแต่งงา-“
“มันจะต้องเป็นงานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนแหงอยู่แล้ว! ไม่น่าจะมีเหตุผลอื่นอีกแล้วล่ะเนอะ! เพื่อที่จะได้เอามาแกล้งกัน ใช่ม้า….คาเอเดะซัง!?”
ผมคงจะปล่อยให้หล่อนพูดอะไรต่อไปไม่ได้อีกแล้วล่ะ!
แค่นี้ผมก็ซวยพอแล้วที่มีข่าวลือว่าพวกเราคบกันน่ะและตอนนี้เธอก็เล่นโพล่งออกมาถึงเรื่องแต่งงานอีก
ท่องนะโม 3 จบก็ไม่ช่วยให้ใจสงบแล้วงานนี้
“ไม่นะคะ ยูยะคุง นี่น่ะ-“
“อย่างงั้นเอง…..หรอกเหรอครับ…..คาเอเดะซัง…….”
จะไม่ยอมเปิดช่องให้เธอพูดอีกแล้ว!
ผมเอามือเข้าไปปิดปากเธอและก็ทำหน้าข่มขู่กดดันเธอแบบน่ากลัวที่สุด
คาเอเดะก็พยักหน้าด้วยแก้มที่แดงระเรื่อ
ฟิ้วววว หวุดหวิด…..โล่งอกไปที……..
“นี่ ชินคุง ดูเหมือนว่าโยชิหมอนั่นจะทำสำเร็จนะ แต่นายว่าเขาจะปิดมันได้มิดจริงเหรอ?”
“อากิโฮะ บางครั้งน่ะนะถึงเธอจะคิดอะไรอยู่ก็ตาม เธอก็ไม่ควรที่จะพูดมันออกมาดังๆนะ แต่ถ้าทั้งสองคนนั้นเขาแค่หยอกกันขำๆมันก็ไม่เป็นไรหรอก เราก็แค่เงียบปากไว้ก็พอ”
ได้ยินชัดแจ๋วเลยนะเฮ้ยทั้ง 2 คนน่ะ!
“…….นี่ขอล่ะค่ะช่วยอย่าเข้ามาปิดปากกันกระทันหันอย่างนี้สิคะ นายทำให้ชั้นใจหายหมดเลยนะคะ”
“มันเป็นความผิดของคาเอเดะนะที่พยายามจะพูดอะไรก็พูดออกมาเลยน่ะ เธอไม่คิดเสียใจทีหลังบ้างรึไง?”
“มันก็จริงค่ะที่ชั้น……..ใจร้อนเกินไปสักหน่อยแต่ยังไงๆยูยะคุงถ้ายังจะปิดปากกันอยู่อย่างนี้ นายก็ควรทำให้มันเสร็จๆด้วยปากของนายแทนนะคะรู้ไหม? อันที่จริงชั้นอยากให้นายปิดปากชั้นด้วย…….จูบน่ะค่ะ…….”
คาเอเดะ…….ยัยคนปากพล่อย!!
อีกเดี๋ยวเธอก็คงจะพูดเรื่องรูปสำหรับงานแต่งงานนั่นอีกแหงๆ!
ขืนไม่รีบหยุดเธอเดี๋ยวคนอื่นก็จะพากันคิดว่าเธอก้าวไปตามแบบฉบับของเด็ก ม.ปลายกันพอดี แล้วเธอรู้ไหมว่าบางครั้งที่เห็นคนอื่นโพสต์รูปที่มันไร้ยางอายที่มีอีโมจิหัวใจแล้วเขียนกำกับว่า “พวกเราตัวติดกันเป็นตังเมเลย”
นั่นแหละมันจะลงเอยแบบนั้นแหละ!
“แต่ถ้าเราจะทำกันจริงๆ ชั้นก็อยากจะทำใน……..ค่ำคืนที่มีแค่สองเราก่อนที่พวกเราจะเข้านอนน่ะค่ะ”
“โอเค ช่วยหุบปากไว้ก่อนสักเดี๋ยวนะครับ คือแบบขอล่ะช่วยเงียบทีเถอะ! ผมยอมทำตามทุกอย่างแล้วครับ!!”
“ก็ได้ค่ะ ถ้ายูยะคุงยอมทำทุกอย่างเพื่อชั้น ชั้นจะยอมเงียบก็ได้”
คาเอเดะพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วจากนั้นเธอก็ยอมหยุดพูดไป
ผมถูกทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวอย่างพ่ายแพ้
เดี๋ยว….อะไรนะ……นี่ผมพึ่งพูดออกไปว่าผมจะยอมทำตามที่คาเอเดะต้องการอย่างงั้นเหรอ? เสร็จกัน……
“นี่ๆ ชินคุง บางทีพวกเราก็เห็นแบบนั้นเหมือนกันรึเปล่านะ?”
“ตามนั้นแหละอากิโฮะ ต่อหน้าทุกคนก็เงียบไว้หน่อยก็แล้วกันนะ”
มันควรจะเป็นการพักเที่ยงที่สนุกสนานและผ่อนคลาย
แต่สำหรับผมมันกลับกลายเป็นเหมือนพายุมรสุมซะมากกว่า….