ร่างกายมันล้าไปหมดเพราะทุ่มสุดตัวไปกับไอ้เจ้าเกมสีแดงขาวเมื่อกี้นี้
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ยอมอู้การฝึกยิงประตูที่ฝึกเป็นประจำ
กองหน้าที่เก่งที่สุดในโลก [ลิโอเนล เมสซิ] และ [คริสเตียโน โรนัลโด] ทั้งคู่ต่างก็เป็นกองหน้าแถมระดับเทพด้วยเพราะงั้นผมถึงได้ชอบอยู่ซ้อมเตะบอลอยู่คนเดียวหลังชมรมเลิกอยู่ทุกวัน
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะทำอะไรเลย
ผมออกจากประตูโรงเรียนมาเพื่อที่จะกลับบ้านแล้วก็มาคนเข้ามาตบบ่าผม
พอหันกลับไปก็เจอกับนิ้วเรียวสวยเข้ามาจิ้มแก้มของผม
ใบหน้าของคาเอเดะเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
“ทำได้ดีมากเลยค่ะ ยูยะคุง วันนี้ก็ยังเท่เหมือนเคยนะคะ”
ลมหายเธอพ่นออกมาเป็นสีขาวแต่ว่าแก้มของเธอกลับเป็นสีแดงสดและเสียงของเธอก็มีความตื่นเต้นปนลงไปด้วย
นี่เธอยังไม่หายตื่นเต้นจากไอ้เกมสีแดงขาวนั่นอีกเหรอ?
แล้วนี่เธอก็มายืนรอท่ามกลางอากาศหนาวด้วย?
แบบนั้นมือของเธอก็เย็นกันพอดีน่ะสิ
“ชั้นอาจจะทำมื้อเย็นดึกหน่อยนะคะ แต่ยังไงก็อยากจะกลับบ้านพร้อมกับยูยะคุงจริงๆนั่นแหละค่ะ มันไม่ดีเหรอคะ?”
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกนะ แต่เธอก็ไม่เห็นจะต้องมายืนรอผมข้างนอกเลยนี่นาถูกไหม? ไปรอผมในห้องเรียนก็ได้แล้วค่อยส่งข้อความมาเดี๋ยวผมจะไปรับเธอเอง….”
ผมค่อยๆเอามือของผมไปจับกับมือของคาเอเดะเบาๆพลางรู้สึกผิดที่ต้องปล่อยให้หญิงสาวมาคอยท่าอยู่คนเดียวในค่ำคืนของเดือนกุมภาพันธ์ที่ยังห่างไกลจากฤดูใบไม้ผลินัก
และอย่างน้อยๆก็เพื่อเป็นการชดใช้ ผมก็ให้ความอบอุ่นกับมือของเธอ
“อ่ะ…อื้อ……ยูยะคุง? จู่ๆมีอะไรคะ?”
“เงียบไปเลย นี่เธอตัวเย็นมากเลยนะ นี่เป็นการลงโทษที่ฝืนตัวเองมารอผมข้างนอกท่ามกลางอากาศหนาวยังไงล่ะ”
ใช่แล้ว ถึงจะอยู่ตรงหน้าประตูโรงเรียนมันก็อันตรายที่สาวสวยอย่างคาเอเดะจะมายืนรอคนเดียวเปลี่ยวๆในตอนกลางคืนแบบนี้และถึงแม้เธอจะใส่เสื้อโค้ทอยู่แต่ท่อนล่างก็ยังใส่เป็นกระโปรงอยู่ดีและถ้ายืนอยู่นิ่งๆแบบนี้ก็คงจะหนาวแย่
แล้วนี่จะเป็นยังไงถ้าเกิดว่าเธอเป็นหวัดขึ้นมาน่ะ?
คาเอเดะคร่ำครวญขณะที่ถอยร่นออกไปแต่ถึงจะประท้วงยังไงผมก็ไม่สน
ผมจะไม่ยอมปล่อยมือนี้จนกว่าอุณภูมิของเธอจะเป็นปกติ
“ถะ-ถ้าเกิดว่าชั้นเป็นหวัดขึ้นมา……..ยูยะคุงจะคอยอยู่ดูแลชั้นไหมคะ?”
“ก็ต้องดูแลอยู่แล้วน่ะสิ ถ้าเกิดคาเอเดะมาเป็นหวัดเพราะผม ผมก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่มันก็แค่อาจจะเป็นเท่านั้นแหละ ผมก็ได้แต่หวังว่าเธอจะไม่เป็นหวัดเข้าจริงๆนะ”
ใช่เพราะผมกังวลว่าถ้าเกิดผมมาโรงเรียนแล้วปล่อยให้คาเอเดะนอนซมอยู่บนเตียงคนเดียว ผมก็ไม่เป็นอันเรียนหรือทำกิจกรรมชมรมกันพอดีเพราะผมจะคอยพะวงว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ตอนที่อยู่ที่บ้านน่ะ
“เอ้านี่ ใช้นี่สิ…..วันนี้รีบกลับบ้านไปกินมื้อเย็นกันเถอะ เดี๋ยวแวะซุปเปอร์ซื้อพวกผักและเนื้อแล้วไปทำหม้อไฟกัน แล้วพรุ่งนี้ก็กินส่วนที่เหลืออยู่และก็ข้าวต้ม เธอคิดว่าไง?”
ระหว่างทางเราก็คุยกันเรื่องเมนูสำหรับมื้อเย็นนี้แล้วผมก็ถอดถุงมือออกแล้วยืนให้เธอ
ผมรู้สึกได้ถึงอากาศหนาวที่กัดผิวหนังของผมและนิ้วของผมก็ชาไปหมด
ผมเอามือเข้าไปในเสื้อโค้ทแต่มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยจริงๆ
แทบจะรอไม่ไหวที่จะไปทิ้งตัวแช่อ่างน้ำอุ่นที่บ้านแล้วเนี่ย
“เดี๋ยวก่อนสิคะยูยะคุง! ให้ชั้นยืมถุงมือมันก็ดีอยู่หรอกแต่ว่ามือของนายล่ะคะ!”
“ไม่เป็นไรหรอก ผมเอามือซุกในกระเป๋าเอาก็ได้ รีบกลับบ้านไวๆแล้วค่อยคุยกันเถอะ ผมไม่อยากจะอดมื้อเย็นนะ”
“ฮึ่ม…..ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นก็มาทำแบบนี้”
คาเอเดะจู่ๆก็คว้ามือผมไปอย่างรวดเร็วแล้วเอาไปซุกในกระเป๋าเสื้อโค้ทของเธอเอง
นิ้วของเราประสานกันตามที่เขาเรียกกันว่าการสานสัมพันธ์ของคู่รัก
และแก้มของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีได้อย่างกับใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง
อย่าว่าแต่เธอเลยผมเองก็ด้วย
“แบบนี้ มือของยูยะคุงก็หายเย็นแล้วใช่ไหมล่ะคะ? ชั้นว่าทำแบบนี้ก็ดีเพราะคนอื่นจะได้ไม่เห็นเราจับมือกันเวลาที่อยู่ข้างนอกไงคะ ยูยะคุงคิดว่าไงคะ?”
‘คิดไงน่ะเหรอ?’ อย่าจ้องกันด้วยตาเป็นประกายแบบนั้นเซ่!
ผมรู้สึกว่าตัวเองตื่นเต้นเกินไปเพราะกะอีแค่ได้จับมือกับเธอ
แถมตอนนี้เธอก็ยังเอามือของเราไปซุกไว้ในกระเป๋าเสื้ออีก
ตัวเธอเองน่ะไม่เห็นหรอกแต่ว่าแบบนี้น่ะรอบข้างเขาเห็นชัดเลยว่าเรากำลังจับมือกันอยู่น่ะ!!
ผมคิดว่าแบบนี้มันค่อนข้างที่จะแสดงออกให้เห็นกันจะๆเลยว่าพวกเราตัวติดกันแค่ไหน!
“….ก็เป็นยูยะคุงเองนี่คะที่เป็นคนเข้ามาจับมือชั้นไว้จนถึงเมื้อกี้นี้น่ะ ป่านนี้จะมาพูดจาโน้มน้าวอะไรชั้นเพราะว่านายตื่นเต้นก็ไม่ได้แล้วนะคะ”
“ก็จริงอยู่แต่……….คืออันที่จริงมันค่อนข้างที่จะ…….น่าอายน่ะ……”
“หรือว่ายูยะคุงรังเกียจที่ได้จับมือกันกับชั้นงั้นเหรอคะ? หรือนายติดปัญหาอะไรกับการที่คนอื่นเห็นพวกเรารึเปล่าคะ?”
ก็ถ้าถามว่าไม่ชอบรึเปล่าผมเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกนะแต่ไอ้วิธีการจับมือประสานกันแบบนี้มันเป็นแบบเดียวกับพวกคู่รักเค้าทำกันและถ้าเกิดว่าเป็นคาเอเดะ
ป่านนี้น่าจะร้องไห้ด้วยความปิติยินดีไปแล้วสิ
ตลกดีนะ…..ที่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองผูกพันกับยัยนี่ไปซะแล้วน่ะ
“ไปกันเถอะค่ะ เราต้องรีบไปกันแล้วไม่งั้นซุปเปอร์มาร์เก็ตจะปิดซะก่อนนะคะ เร็วเข้า!!”
ผมก้าวตามคาเอเดะไปขณะที่เธอเริ่มออกวิ่ง
ในสภาพอากาศหนาวเหน็บพวกเรากลับถึงบ้านโดยสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากฝ่ามือของกันและกัน