“งอนงี่งาย เงางมหง้าง้างึ้น งูเง่งากเงยง่า! [ตอนที่นายเอาผมหน้าม้าขึ้นดูเท่มากเลยค่า]”
ปากของคาเอเดะบู้บี้ไปมาในขณะที่พูดอะไรเข้าใจยากๆออกมา
นี่คุณอยากให้ผมแปลให้งั้นเหรอ? อย่าบ้าไปหน่อยเลยเพราะผมเองก็ไม่เข้าใจเธอเหมือนกันนั่นแหละน่า
“จะคุยก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่อย่างน้อยก็ช่วยกลืนไอ้ที่อยู่ในปากก่อนเถอะ ไม่เห็นจะเข้าเลยสักนิดว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่น่ะ”
พอเราออกจากโรงเรียนมาก็พากันจูงมือไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อวัตถุดิบมาทำหม้อไฟกันและพวกเราก็จัดเตรียมทำอาหารเสร็จอย่างรวดเร็วและตอนนี้ก็กำลังกินมื้อเย็นที่ค่อนข้างจะเลยเวลาไปแล้วอยู่หน่อยๆ
คาเอเดะหล่อนยืนกรานว่าจะทำเป็นหม้อไฟกิมจิ ผมก็เลยผัดกระเทียมและขิงที่สับละเอียดลงไปผัดกับน้ำมันงาแล้วก็ค่อยเติมส่วนผสมที่พึ่งซื้อมาลงตามไป
ซึ่งขั้นตอนนี้มันช่วยเพิ่มรสชาติให้กับตัวอาหารให้อร่อยยิ่งขึ้น
เพราะว่ามันก็ดึกแล้วผักกาดขาวมันก็เลยหมดซึ่งมันก็ถือเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบหลักแต่ผมก็เลือกโยนกิมจิลงไปแทนและผลลัพธ์ที่ได้ก็ดีเยี่ยมและประหยัดงบดีด้วยและพอตัวกิมจิมันเข้าไปเพิ่มรสชาติให้เข้มข้นขึ้นหลังจากนั้นเราก็ใส่ถั่วงอก,เห็ด,เต้าหู้,เนื้อหมู ก็เป็นอันเสร็จพิธี
มันเป็นจานที่ทำง่ายและอิ่มท้องอีกอย่างยังเป็นจานเพื่อสุขภาพเพราะได้รับสารอาหารจากพวกผักซึ่งปกติเราจะไม่ได้รับสารอาหารตรงนี้เวลาเอามันไปต้ม
และนั่นก็คือทั้งหมดของหม้อไฟ
“งั่มๆ อืม….ฮ่า……….ว่าแล้วเชียวหม้อไฟมันมันทำให้อุ่นขึ้นดีจริงๆเลยค่ะ แต่ชั้นก็ต้องขอโทษด้วยนะคะยูยะคุงทั้งที่น่าจะเหนื่อยอยู่แท้ๆแต่ก็ยังจะต้องมาจัดเตรียมหม้อไฟให้ชั้นอีกไว้เดี๋ยวชั้นจะจัดการเรื่องเก็บกวาดเองเพราะงั้นก็เชิญไปพักผ่อนได้เลยนะคะ”
“มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรขนาดนั้นหรอกแล้วว่าแต่เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะตอนที่กำลังกินข้าวกันอยู่น่ะ? พอดีผมฟังไม่ออก”
“อ๋า ใช่สิ! ตอนที่ยูยะคุงเอาผมหน้าม้าขึ้นน่ะมันเท่และสุดยอดมากๆเลยล่ะค๊า! งื้อ~~สู่ขิตแล้วค่า”
คาเอเดะเงยหน้ามองขึ้นฟ้าแล้วเอามือทาบอกส่วนผมก็ได้แต่มองเธออยู่นิ่งๆ
แล้วอะไรคือการที่ผมจัดผมหน้าม้าใหม่แล้วมันไปกระตุกต่อมอะไรเธอกัน?
ไม่เข้าใจเรื่องที่คาเอเดะซังอยากจะสื่อเลยจริงๆ
“ไม่ใช่นะคะ! เจ้านี่ไม่ใช่จุดอ่อนของชั้นหรอกนะคะ คือมันอาจจะเป็นจุดอ่อนทั่วไปสำหรับพวกผู้หญิงทุกคนตอนที่มีผุ้ชายที่พยายามอย่างหนักแล้วพูดออกมาว่า ‘เอาล่ะ คงได้เวลาเอาจริงแล้วสินะ’ แล้วก็เสยผมขึ้นแบบนั้นมันแบบดีงามสุดๆเลยล่ะค่ะ! และถ้าเขาได้ตำแหน่งสำคัญในเกมด้วย ก็ยิ่งโดนตกง่ายเข้าไปใหญ่!”
“อา…..ครับ…..อย่างงั้นเองเหรอ….”
นี่เข้าใจบ้างรึเปล่าครับเนี่ย?
ตอนนี้เธอจ้องมาหาผมด้วยสายตาที่เขร่งขรึมแต่ให้บอกตามตรงเลยตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจจริงๆ มันก็จริงที่เหตุผลที่ผมเสยผมหน้าม้าขึ้นเพื่อที่จะเปิดสวิตซ์ของตัวเอง
แบบว่าคาเอเดะซังเนี่ยสุดยอดไปเลยนะที่จับสังเกตุทุกอิริยาบถของผมได้หมดแถมยังเข้าใจถึงสภาวะจิตใจของผมได้อีกต่างหาก
“ฟุๆ มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่รึยังไงกันคะ? ก็ชั้นเฝ้ามองดูยูยะคุงเล่นฟุตบอลมาโดยตลอดเลยนี่คะ? ชั้นก็ต้องรู้จักสัญญาณตอนที่นายกำลังเอาจริงเอาจังอยู่แล้ว”
“……อย่างนั้นเองหรอกเหรอ?”
“ก็ตามนั้นแหละค่ะแล้วนายเองก็ไม่อยากที่จะเข้าใจคนที่นายชอบบ้างเหรอคะ? ชั้นน่ะอยากจะรู้จักยูยะคุงให้มากขึ้นกว่านี้ค่ะ และชั้นเองก็จะดีใจมากๆเลยถ้าหากว่านายเองก็รู้สึกเหมือนกันค่ะ”
ก็เข้าใจอยู่แล้วล่ะที่ว่าผมไม่อาจจะห้ามความรู้สึกตัวเองที่มีแต่คาเอเดะซังไม่ได้แล้ว
แต่นี่มันก็แค่ 3 วันเองระหว่างที่ได้ใช้เวลาร่วมกับคาเอเดะซังผมก็ได้เห็นและได้รู้จักแง่มุมที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนของเธอมากขึ้นเรื่อยๆและยิ่งผมรู้จักเธอมากขึ้นเท่าไหร่ผมก็ยิ่งหลงไหลในตัวเธอมากขึ้นเท่านั้น
“นั่นสินะ……ผมเองก็อยากจะรู้เกี่ยวกับคาเอเดะให้มากกว่านี้เหมือนกัน คิดว่านะ”
“ถ้างั้นก็! วันนี้เราก็เข้าไปอาบน้ำด้วยกันเถอะค่ะ! วิธีที่ดีที่สุดในการทำความรู้จักกันมันก็ต้องเปลื้องผ้าด้วยกันนี่ล่ะค่ะ! เดี๋ยวชั้นจะถูหลังยูยะคุงให้เองนะคะ!!”
ทำไมยัยผู้หญิงคนนี้ถึงได้พยายามสรรหาทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้อาบน้ำกับผมให้ได้เลยล่ะเนี่ย!? อย่าบอกนะว่าหล่อนเป็นพวกชอบโชว์อะไรทำเทือกนั้นน่ะ? ในฐานะลูกผู้ชายคนนึงก็คงจะดีใจที่เจอคนแบบเธอแต่ว่ามันก็ยังคงกระตุกกระชากใจเกินไปอยู่ดีนั่นแหละ
ผมควรที่จะยื่นปฏิเสธคำขาดไป ไม่สิ…….เดี๋ยวนะแล้วถ้าเกิดว่าผมตามน้ำไปด้วยแล้วจะเป็นยังไงต่อล่ะ?
“อ่า นั่นสินะ……..หนทางที่เร็วที่สุดในการทำความรู้จักกันก็คือการเปลือยสินะ เอาล่ะ งั้นก็เสร็จนี่ก็ไปอาบน้ำด้วยกันเถอะ แล้วนี่เธอก็จะถูหลังให้ผมด้วยสินะ?”
ไงล่ะ แล้วจะทำยังไงต่อล่ะคาเอเดะ!!!
“เอ๋!! จริงนะคะยูยะคุง!? จะเข้าไปอาบน้ำกับชั้นจริงๆใช่ไหมคะ!!”
ขอบคุณสำหรับปฏิกิริยาลนลานพร้อมกับหน้าที่แดงก่ำเป็นลูกแอปเปิ้ลนะครับ
ก็ถ้าอายก็อย่าฝืนตัวเองให้พูดออกมาสิแต่ตอนที่คาเอเดะลนลานทำอะไรไม่ถูกเอามือไปตบหน้าของตัวเองมันช่างน่ารักจริงๆเลย
ตัดสินใจถูกแล้วที่ไม่บอกเธอไปทันทีว่า “ผมแค่พูดเล่นเฉยๆน่ะ”
หลังจากนั้นพอผมบอกหล่อนไปว่าแค่พูดเล่นเฉยๆหล่อนก็อ้าปากค้างและโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วพูดว่า “อย่ามาแกล้งกันเล่นสิคะ!!!” แต่ผมก็มีความสุขที่จะพูดรายงานว่ามันก็เป็นอะไรที่น่ารักน่าชังเลยทีเดียว