ถ้าถามผมว่าอีเว้นท์อะไรที่ใหญ่ที่สุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ผมก็คงจะตอบได้แค่อย่างเดียว
ใช่….มันก็คือวันวาเลนไทน์
มันคืออีเว้นท์ที่พวกผู้ผลิตช็อคโกแลตและลูกอมทั้งหลายพากันสุมหัวสมรู้ร่วมคิดกันขึ้นมาและเป็นวันแห่งการนองเลือดสำหรับเหล่าชายชาตรีที่ไม่ได้รับอะไรสักอย่างจากใครเลย
มันเป็นช่วงเวลาพักเที่ยงของช่วงกลางสัปดาห์ซึ่งมันก็ปาเข้าไป 3 วันแล้วที่ผมเริ่มมาโรงเรียนพร้อมกับคาเอเดะและตอนนี้พวกเรา 4 คนก็กำลังกินมื้อเที่ยงกันในห้องเรียนพร้อมกับชินจิและโอสึกิซังที่ตอนนี้ได้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว
ก็อีหรอบเดิมเนื่องจากข่าวลือมันก็จะลือกันไปได้ราวๆสัก 75 วันผมจึงสัมผัสและรับรู้ได้ถึงเสียงพึมพัมหึ่งๆและสายตาที่อยากเผือกรวมถึงอิจฉาริษยาที่อยู่รอบตัวเอง
แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่เอะใจถึงเรื่องนี้
“ดูเหมือนว่าจะมีแต่แฟนๆของยูยะคุงเต็มไปหมดเลยนะคะเนี่ย พวกนักเรียนหญิงหลายคนก็พากันมองมาที่นายกันหมดเลย………”
“ผมว่าเธอน่าจะแค่คิดไปเองมากกว่านะ? ผมน่ะค่อนข้างเป็นพวกที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรใช่ไหมละ?”
ไอ้ผมมันก็แค่นักฟุตบอลที่ชุ่มเหงื่อเปื้อนโคลน ตอนอยู่ในห้องผมก็เอาแต่เล่นอยู่แต่กับเจ้าชินจิเพราะงั้นก็เลยห่างไกลจากพวกกลุ่มผู้หญิงอื่นๆ ผู้หญิงคนเดียวที่รู้จักก็มีแค่โอสึกิซังแค่นั้นและถึงจะบอกว่ารู้จักก็รู้จักผ่านเจ้าชินจิเนี่ยแหละแล้วอีแบบนี้ผมจะเป็นหนุ่มฮอตได้ยังไงกันล่ะครับ? ล้อกันเล่นรึเปล่าครับ?
“จริงเหรอคะ………ถึงว่าล่ะ……..ยูยะคุงเองก็ควรที่จะระวังอย่าไปโปรยเสน่ห์ใส่ใครเพิ่มมากกว่านี้ก็แล้วกันนะคะ ฟังนะคะที่ยูยะคุงเป็นอยู่ตอนนี้น่ะมันวิเศษมากแล้วค่ะกับการที่นายทุ่มเทให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การที่นายพยายามอย่างหนัก การที่นายไม่เคยคิดจะยอมแพ้กับเรื่องอะไรก็ตามและบางครั้งก็เผยความใจดีออกมาให้เห็นมันไม่เกี่ยวกับหน้าตาหล่อๆหรืออะไรแบบนั้นแต่ตัวตนภายในของยูยะคุงน่ะมันวิเศษมากๆเลยล่ะค่ะ
ยังไงก็ช่วยตระหนักถึงตรงนี้ด้วยนะคะว่ามีสาวๆหลายคนเลยที่โดนตกเพราะอะไรแบบนั้นน่ะ”
“ครับๆ…….เข้าใจแล้วครับ”
เธอเล่นเทศนายกใหญ่พร้อมชี้นิ้วมาหาผม แล้วนี่มันเป็นอย่างที่เธอว่าจริงๆงั้นเหรอ?
แต่เพราะคาเอเดะพูดมาแบบนั้นเอาเป็นว่าผมก็ว่าเธอพูดถูกของเธอก็แล้วกัน
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ค่อนข้างอายเลยแฮะที่ได้ยินเธอพูดออกมาแบบนั้น
ทำเอาอดไม่ได้ที่จะเบือนหน้าหนีมองออกไป
“ฮึ่ม…ไหงถึงได้หลบตาล่ะคะ? ชั้นกำลังพูดเรื่องสำคัญอยู่แท้ๆช่วยมองตากันด้วยสิคะ”
อย่ามาจับหัวกันแล้วบังคับให้หันไปมองตาเธอเซ่!!
ผมพยายามขัดขืนเกร็งคอไว้แต่คาเอเดะก็ยิ่งรั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
แก้มของเธอป่องขึ้นมาขณะที่พยายามที่จะหันหน้าผมไป
ช่วยทีชินจิม่อน!!
(**TL NOTE : ก็เรียกเจ้าชินจินั่นแหละแค่เติมม่อนเข้าไปให้อารมณ์ตอนเรียกโปเกม่อน,ดิจิม่อนมาช่วย**)
“เน่ ไหงชินคุงไม่ไปห้ามเธอหน่อยล่ะ? ดูท่าโยชิน่าจะกำลังแย่เลยไม่ใช่เหรอนั่น?”
“ไม่ล่ะ มันก็ดูน่าสนุกดีนี่นาเพราะงั้นก็ปล่อยไปเถอะ แล้วอากิโฮะเองก็ไม่อยากเห็นปฏิกิริยาของฮิโตสึบะซังตอนเธอดึงสติกลับมาได้แล้วหรอกเหรอ?”
“อา……ก็อยากเห็นอยู่นะ คาเอเดะจังน่ะไม่รู้ว่ากล้าหรือว่าทึ่มกันแน่แต่การที่เธอเป็นตัวของตัวเองได้ก็สุดยอดเลยเนอะ”
เฮ้ย ไอ้พวกคู่รักงี่เง่า! อย่ามัวเอาแต่ดูอยู่ข้างสนามเซ่! เออ ผมเองก็อยากจะเห็นคาเอเดะหน้าแดงในตอนที่เธอดึงสติกลับมาได้อยู่หรอกแต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาตั้งตารอเรื่องอะไรแบบนั้นสักหน่อย!!
“ยะ-อย่า…..ขัดขืน……สิคะ!! หรือว่ายูยะคุงจ้องตาและพูดกับชั้นไม่ได้งั้นเหรอคะ?……..ไม่อยากจะคุยกับชั้นงั้นเหรอคะ……”
“ไม่ใช่สักหน่อย! มันก็แค่…..แบบว่าคาเอเดะ….เธอช่วยเลิกดึงหน้าผมให้หันไปสักทีจะได้ไหม? คือจะว่าไงดีล่ะ…….คือมันน่าอายน่ะ”
ขณะที่คาเอเดะทำเสียงสะอื้นเหมือนจะร้องไห้ผมก็มองเข้าไปในแววตาของเธอและมันก็ทำให้เธอตกใจถึงแม้ว่ากว่าเจ้าหล่อนรู้ตัวตอนนี้มันก็แทบจะไม่เหลือระยะห่างระหว่างใบหน้าของผมกับของเธอแล้ว
“อะ….คือว่า…..นี่น่ะ…..คือ…..คือว่า…..”
“ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบที่ได้สบตากับเธอหรืออะไรหรอกนะ ผมก็แค่อายที่จู่ๆเธอก็พูดยอผมว่าดีสารพัดและอะไรอีกหลายๆอย่าง อย่าได้เข้าใจกันผิดสิ”
“คะ-ค่ะ……เข้าใจแล้วค่ะ”
เจ้าชินจิ…ที่นายพึมพัมว่าคู่รักอีกคู่ถือกำเนิดแล้วน่ะชั้นได้ยินนะเฟ้ย!
พวกเราน่ะยังไม่ทันได้คบกันเลยเฟ้ย!
“จ้าๆ ช่างมันเถอะโยชิ นี่ๆคาเอเดะจัง! ว่าแต่คิดไว้แล้วรึยังว่าสัปดาห์หน้าจะทำอะไรในวันวาเลนไทน์น่ะ?”
“แน่นอนค่ะ ก็วางแผนว่าจะทำเค้กช็อคโกแลตให้ยูยะคุงทานในช่วงสุดสัปดาห์นี้ค่ะ”
ที่จริงเราคุยกันแล้วตั้งแต่เมื่อคืนนี้ คาเอเดะเธอมาถามผมว่าอยากได้อะไร? ผมก็เลยพูดพึมพัมว่าเค้กออกไปส่งๆเรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละ
แล้วว่าแต่ไอ้เจ้าเค้กเนี่ยมันทำกันได้ง่ายๆเลยอย่างนั้นรึ?
“เห…..ชั้นเองยังทำเค้กไม่เป็นเลย สุดยอดไปเลยนะคาเอเดะจัง”
“ไม่หรอก ก็ยูยะคุงบอกว่าอยากทานชั้นก็แค่อยากจะทำตามความต้องการของเขาค่ะ แถมนี่ก็เป็นครั้งแรกของชั้นด้วยก็เลยกังวลอยู่ว่าอาจจะล้มเหลวก็ได้…….”
ผมก็บอกคาเอเดะไปแล้วนะว่าไม่ต้องฝืนทำเค้กก็ได้แต่คาเอเดะก็ยังปฏิเสธโดยบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างคือความท้าทายเพราะงั้นสิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็คือรอกินเค้กฝีมือเธอนั่นก็คือวิธีที่ผมจะสามารถตอบแทนสำหรับความพยายามของคาเอเดะได้
“ยูยะเนี่ยเป็นที่รักน่าดูเลยนะ”
หนวกหูเฟ้ย! เอ็งจะทำชั้นของขึ้นแล้วนะถ้าขืนพูดแบบนั้นน่ะ
แบบนั้นสินะอารมณ์แบบนายเป็นรุ่นพี่ที่มีแฟนแล้วน่ะ?
หรือแค่อยากจะประชดกันเพราะชั้นไม่เคยมีแฟนเลยล่ะ?
“ใช่สิ! สุดสัปดาห์นี้เรามาทำช็อคโกแลตที่บ้านของคาเอเดะด้วยกันไหมล่ะ? เราจะไม่ทำช็อคโกแลตแบบที่ให้ตามประเพณีหรือแบบที่ให้เพื่อนเพราะงั้นมันจะดีกว่าไหมนะถ้าจะกินมันวันนั้นในวันที่เราทำเลยน่ะ!”
ไม่เห็นด้วยครับ!! โอสึกิซังอย่าพูดแบบนั้นออกมาเซ่! ถ้าเธอบอกกำลังจะไปบ้านของคาเอเดะเพื่อที่จะทำช็อคโกแลตนั่นก็หมายความว่าเรื่องที่ว่าผมกำลังอาศัยอยู่กับเธอก็ความแตกกันพอดีน่ะสิ!! ก็หวังว่าคาเอเดะจะรู้ตัวแล้วนะแต่ก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี
ผมก็เลยหันไปสบตากับคาเอเดะ
[เข้าใจอยู่สินะคาเอเดะซัง? จะปฏิเสธไปใช่ไหม?]
[เข้าใจอยู่แล้วล่ะค่ะยูยะคุง เชื่อมือชั้นได้เลยค่ะ!]
[ฟู่วว เท่านี้ก็วางใจได้แล้ว]
“ก็ดีเลยนะคะทำช็อคโกแลตด้วยกันเนี่ย งั้นมาทำด้วยกันเถอะค่ะ!”
“เย้! สมแล้วคาเอเดะจัง! เธอนี่เข้าใจชั้นจริงๆเล๊ย!”
อ่าวเฮ้ย! ไหงเป็นงี้ไปได้เนี่ย!! ตรงนี้เธอต้องบอกปฏิเสธไปสิเฮ้ย!! แล้วไหงเธอถึงได้ยกนิ้วโป้งให้ผมพร้อมกับทำหน้าเหมือนกับว่าทำได้ดีมากอะไรแบบนั้น
ไม่ใช่แล้ว เข้าใจผิดแล้วครับ คาเอเดะซัง!!!
“ก็ถ้าเป็นงั้นชั้นก็ขอไปบ้านของฮิโตสึบะซังด้วยคนจะได้รึเปล่าล่ะ? บางทีพวกเราก็อาจจะได้…….กินมื้อเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากันไง?”
“ค่า! ค่า! อยากกินแฮมเบิร์กอีกค่า! อยากจะกินแฮมเบิร์กฝีมือของคาเอเดะจังค่า!”
“ฟุๆ เข้าใจแล้วค่ะ”
แล้วการพูดคุยก็ไหลต่อไปเรื่อยๆไม่มีที่ว่างให้ผมเข้าไปแทรกเลย
อา…..จบสิ้นแล้ว
อีกไม่นานพวกเขาก็จะรู้แล้วว่าพวกเราอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน
“ตั้งตาคอยเลยเนอะยูยะ”
“อ่า นั่นสินะ”
รอยยิ้มที่มั่นใจของเพื่อนซี้ของผมมันน่าหงุดหงิดชะมัดเลย