แล้ววันอาทิตย์วันหยุดสุดสัปดาห์ก็มาถึง โอสึกิซังจะมาที่บ้านของเราเพื่อที่จะทำช็อคโกแลตสำหรับวันวาเลนไทน์กับคาเอเดะ ส่วนผมก็ออกจากบ้านมาแต่เช้าเพราะมีซ้อมบอลทั้งวันในช่วงเช้า
“นี่ค่ะยูยะคุง ข้าวกล่องฝีมือภรรยาสุดที่รักค่ะ”
“จะไม่ขอออกความเห็นที่จู่ๆก็เล่นเปลี่ยนอาชีพจากแฟนสาวไปเป็นภรรยาหน้าตาเฉยเพราะว่าตอนนี้ผมไม่มีเวลาแล้วก็แล้วกัน ว่าแต่เอ๊ะ…นี่เธอทำมื้อเที่ยงให้อีกแล้วเหรอเนี่ย?”
ผมตกใจสุดๆที่คาเอเดะซังเธอเตรียมมื้อเที่ยงให้
3 ใน 5 วันที่ผมไปโรงเรียนผมก็กินอาหารฝีมือของคาเอเดะและเธอก็เป็นคนที่ทำอาหารให้ในช่วงตอนกลางคืนด้วยถึงแม้ว่าจะมีผลัดกันทำแต่เธอก็รู้ดีว่าผมชอบอะไรเพราะงั้นอาหารของเธอมันถึงได้อร่อยถึงแม้ว่าวิธีจัดจานของเธออาจจะไม่ค่อยดูดีนักก็เถอะ
“ชั้นก็ทำแค่ไม่กี่อย่างเองค่ะ ชั้นเอาขนมปังขิงและผัดผักที่เหลือจากเมื่อวานแล้วก็ข้าวที่หุงใหม่ตอนเช้าก็น่าจะอร่อยอยู่นะคะ เรื่องชมรมเองก็พยายามเข้านะคะ”
“อะ-อา……..จะพยายามละกันนะ”
“ฟุๆ แต่อย่างน้อยวันนี้ชั้นก็อยากให้นายกลับบ้านมาพร้อมกับฮิงุเระคุงหน่อยนะคะ แทนที่จะฝึกอยู่คนเดียว ชั้นน่ะอยากจะให้ยูยะคุงได้ทานค่ะ ความ-รู้-สึก ของชั้นน่ะ”
คาเอเดะซังยิ้มอย่างยั่วยวนขณะที่พูดไปด้วยและเอามือมาเขี่ยเขียนเป็นตัวอักษรใกล้ๆตรงหัวใจของผมด้วยนิ้วมือของเธอ เกิดอะไรขึ้นกับเธอครับเนี่ย? มากระตุกจิตกระชากใจกันแต่เช้าเลยเหรอ? ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะเป็นช่วงฤดูหนาวแต่อุณภูมิร่างกายของผมมันก็พุ่งสูงปรี๊ดแถมหัวใจก็เต้นรัวและสัญชาติญาณของตัวเองก็กระซิบอะไรที่มันชั่วร้ายๆกับผมแต่ผมก็ยังห้ามใจตัวเองไว้ได้อยู่
“จริงๆแล้วก็อยากได้จุ๊บบอกลาอยู่นะคะ แต่ก็ชั้นจะอดทนรอค่ะ จะรอจนกว่าวันนั้นจะมาถึงเอง”
คงจะจงใจที่จะทำให้ผมใจเต้นและทำอะไรไม่ถูกไม่ผิดแน่ แต่ผมก็รู้ว่าจริงๆแล้วคาเอเดะซังน่ะเธอกำลังฝืนตัวเองเกินไปเพราะว่าตอนนี้แก้มของเธอมันออกสีแดงออกมาหน่อยๆซึ่งเป็นสัญญาณว่าเธอน่ะเขินแต่ก็ทำเป็นพูดออกมา
นี่แหละถึงเวลาเอาคืนแล้ว ผมจะไม่ปล่อยให้ตัวเองโดนอยู่ฝ่ายเดียวตลอดหรอกน่า!!
“…..งั้นก็ไปก่อนนะ……คาเอเดะ”
“เหะ….”
ผมเรียกเธอว่าคาเอเดะและเปิดหน้าม้าของเธออย่างรวดเร็วแล้วประทับจูบลงไปบนหน้าผากของเธอ
ขณะที่เธอกำลังตะลึงงันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบสายฟ้าแล่บผมก็พูดว่า “ไปก่อนนะ” อีกรอบแล้วออกจากบ้านไป
“จะ-จู….ตะ-ตรงหน้าผาก”
ผ่านตรงช่องว่างของประตูที่กำลังปิดผมก็เห็นคาเอเดะเอามือไปจับตรงหน้าผากแล้วก็ค้างไปเลย
มีแต่คนที่เตรียมใจที่จะใจเต้นเท่านั้นแหละที่จะทำให้คนอื่นใจเต้นได้น่ะคาเอเดะซัง
ขณะรอลิฟท์ผมก็นึกภาพว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิชั่วร้ายอยู่ในใจ
“อร๊ายยยยยยยย โดนยูยะคุงจุ๊บด้วยค๊าาาาาาาาาา”
เสียงปลื้มปิติยินดีที่เหมือนกับเสียงกรีดร้องของคาเอเดะดังก้องไปทั่วทางเข้าเล่นเอาผมตกใจจนไหล่กระตุก
นี่แค่จุ๊บหน้าผากก็ดีใจแล้วเหรอ?
ไม่ใช่ว่าการจุ๊บที่หน้าผากมันก็เหมือนกับการทักทายเฉยๆรึ?
“นี่นายจูบหน้าผากตอนที่พูดว่า ‘ไปก่อนนะ’ อย่างงั้นเหรอ? แบบนั้นมันน่าอายกว่าจูบแบบปกติอีกไม่ใช่รึไง?”
ชัดเลยว่ามันไม่ปกติแน่ๆ
พอผมถามเจ้าชินจิที่ครึ่งนึงก็เป็นคู่รักอีกครึ่งก็เป็นคู่หูของผมในสนามว่าเขาคิดไงกับการจูบตรงหน้าผากแล้วหมอนี่ก็ตอบผมมาแบบนี้
“ชั้นว่ามันก็ถือเป็นเรื่องปกตินะที่คนรักกันจะจูบกันน่ะ พวกชั้นเองก็ทำเหมือนกันแต่พวกชั้นก็ไม่คิดจะจูบกันตรงหน้าผากหรอกนะมันน่าอายจะตายไป”
“หา? ไหงงั้นล่ะ? การจูบแบบปกติมันน่าอายกว่านี่แล้วไอ้การจูบตรงหน้าผากก็เหมือนกับการทักทายเฉยๆไม่ใช่รึยังไง?”
“นั่นมัน……แค่สำหรับนายคนเดียวแล้วล่ะยูยะ ฟังนะการจูบน่ะถือเป็นเรื่องปกติของคู่รักแต่เขาไม่พากันจูบตรงหน้าผากกันหรอกนะ ไม่ค่อยมีใครเขาทำกันเพราะมันน่าอายจะตาย……ที่ทำเรื่องที่ปกติคนเขาไม่ค่อยทำน่ะ ชั้นเองก็ไม่รู้ว่าทำไมนายถึงได้คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติได้ล่ะเนี่ย?”
จริงดิ? ไอ้เจ้าพ่อเฮงซวยของผมเองก็เล่นจูบแม่ของผมตรงหน้าผากแล้วพูดว่า
‘ไปก่อนนะ’ ทุกเช้าเลยแล้วมันก็ทำให้แม่ของผมดีใจสุดๆเลยด้วย
ผมไม่เคยเห็นทั้งคู่จูบกันแบบปกติมาก่อนเลย
“นั่นมันก็ต้องแหงอยู่แล้วน่ะสิยูยะ ชั้นเองก็ยังไม่เคยเห็นพ่อแม่จูบกันมาก่อนแล้วก็ไม่อยากจะเห็นด้วย เฮ้อ……..แล้วฮิโตสึบะซังที่โดนจูบหน้าผากไปเป็นไงบ้างล่ะ”
“ก็ไม่เป็นไงทั้งนั้นแหละก็แค่กรี๊ดออกมาหน่อยแต่แปปๆก็สงบแล้ว เดี๋ยวพอกลับบ้านไปก็เป็นปกติแล้ว”
ปกติก็มีแต่ผมที่โดนเจ้าหล่อนเล่นอยู่ตลอดเลย
ผมเอาคืนโดยการที่ทำให้เธอใจเต้นบ้างไม่ได้เลย
คาเอเดะซังน่ะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองน่ะมีเสน่ห์มากแค่ไหนน่ะ
“เฮ้อ……นี่ยูยะขอถามอะไรอย่างได้มะ?”
“ว่าไงนะขออีกที”
“นายไม่ปฏิเสธว่านายจูบฮิโตสึบะซังตรงหน้าผากตอนที่พูดว่า ‘ไปก่อนนะ’ สินะ? ว่าแล้วเชียวพวกนายอาศัยอยู่ด้วยกันใช่ไหม?”
“อ๊ะ……..จนได้……”