ปรากฏว่ามันไม่ใช่แค่ว่าผมได้ไปอาศัยอยู่กับฮิโตสึบะซังเพียงเท่านั้น
เพราะในปีหน้า ผมยังต้องแต่งงานกับเธออีกด้วย !
ได้กลายเป็นลูกเขยของบ้านของเธอ นี่มันไม่มีทางที่พ่อแม่ของผมจะเห็นดีด้วยแน่ๆ
เออ ใช่ซี้ ! พวกเขาก็ต้องเห็นดีด้วยอยู่แล้วแหละ เพราะลายเซ็นต์ของพวกเขามันโชว์หราอยู่นี่ไง !!
ผมล่ะจินตนาการได้เลยถึงภาพของไอ้พ่อเฮงซวยของผมยิ้มหน้าบานไม่หุบ และ แม่ที่ยิ้มพร้อมกับพูดอย่างไร้เยื่อใยว่า ‘เอาล่ะ ยูคุง ขอให้มีความสุขนะจ้ะลูก’
“ไม่ต้องห่วงนะ สำหรับตัวชั้นแล้ว ชั้นพร้อมจะสนับสนุนยูยะคุงอยู่เเล้ว แต่ชั้นก็เชื่อว่าตัวยูยะคุงเองก็มีเจตจำนงที่ยิ่งใหญ่ที่จะไม่ได้ทำให้ชั้นผิดหวังอีกด้วยและหลังจากที่ยูยะคุงได้เป็นสามีของชั้นแล้ว ยูยะคุงเองก็จะได้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่คุณพ่อของชั้น ท้ายที่สุดก็จะได้ขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานของ อิชิโยะ กรุ๊ป และสิ่งนี้ก็ได้ถูกตัดสินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วจ้ะ”
มันเกิดอะไรขึ้นกับพ่อลูกคู่นี้เนี่ย ?
เรื่องของครอบครัวของผมมันไม่มีอะไรสำคัญเลยแท้ๆ แต่ฮิโตสึบะซังน่ะ เธอเป็นคนของครอบครัวของ ฮิโตสึบะกรุ๊ปเชียวนะ !
นี่พวกเขาอนุญาติให้ผมที่เป็นนักเรียน ม.ปลาย ที่ไม่รู้จักหน้าค่าตามาก่อน มาแต่งงานกับลูกสาวคนเดียว ที่มีค่าดั่งไข่ในหินของพวกเขาเนี่ยนะ? แถมตอนนี้ยังตัดสินใจให้ผมเป็นประธานคนต่อไปอีก
“พ่อแม่ของนายกับพ่อแม่ของชั้นน่ะร่วมอวยพรให้พวกเรา ด้วยการที่พวกเขาอนุญาตินี่แหละ แล้วก็นะยูยะคุง น่าเสียดายนะ ที่นายไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ คงจะรู้ใช่ไหมว่าถ้าปฏิเสธจะเกิดอะไรขึ้นน่ะ หืม?”
“อ่า ก็พอจะเข้าใจที่เธอจะสื่อ ชั้นแน่ใจว่าชั้นคงจะต้องตกเป็นทาสแรงงานของ ฮิโตสึบะ กรุ๊ป หรือ ถูกเฉดหัวไปเป็นแรงงานนรกที่ทำงานใต้ดินไม่เห็นดาวเห็นเดือนจนวันตาย เหมือนในโลกมังงะ”
“อื้มๆ กะแล้วว่า ยูยะคุงนี่อารมณ์ขันดีนะคะ ถ้ายูยะคุงปฏิเสธล่ะก็ ยูยะคุงก็จะต้องอยู่เคียงข้างชั้นไปชั่วชีวิตอยู่ดี แต่ว่าในฐานะของพ่อบ้านส่วนตัวของชั้นค่ะ และเนื่องจากยูยะคุงเป็นพ่อบ้าน ชั้นจะไม่แม้แต่จะจูบนายแล้วนับประสาอะไรกับเรื่องที่จะเล่นซุกซนด้วยกันอีก นั่นแหละคือการที่นายจะได้สัมผัสกับนรกที่แท้จริง ที่นายจะไม่สามารถที่จะแตะต้องตัวชั้นได้แม้แต่ปลายเล็บ ถึงแม้ว่าตอนนั้นร่างกายของชั้นจะเปิดเผยหรือไร้การป้องกันใดๆก็ตาม”
เออ นั่นมันก็ฟังเหมือนตกนรกจริงๆแฮะ…แค่นรกคนละขุมเท่านั้นเอง
ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าจะได้ยินคำว่า “จูบและการทำเรื่องอย่างว่า” ออกมาจากปากของฮิโตสึบะซัง แต่จริงๆแล้วตอนนี้หน้าของเธอมันเป็นสีแดงก่ำเลยทีเดียว มันบ่งบอกได้ว่าตอนนี้เธอกำลังคะยั้นคะยอมากเกินตัว แต่ว่าการที่ต้องรู้สึก “ตกหลุมรักกับความรักต้องห้าม” ในขณะที่ต้องคอยรับใช้หญิงสาว ไอ้แบบนั้นมันก็ฟังดูแย่ชะมัดเลยไม่ใช่รึยังไงกัน?
แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดถึงเรื่องนั้น ฮิโตสึบะซังจู่ๆก็ถอนคำพูดของเธอเอง
“โอ๊ะ ! ไม่สิ ไม่ๆ ตัวชั้นน่ะไม่ชอบ รักต้องห้ามค่ะ คือว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอกนะคะ แต่ คือ…. หลังจากนี้น่ะ……… ชั้นน่ะยังคง……ชอบความรักแบบบริสุทธิ์มากกว่าค่ะ …….แบบว่าอยากจะอยู่กับนายอย่างเปิดเผยน่ะค่ะ……”
อะไรของผู้หญิงคนนี้กัน ! น่ารักชิบเป๋ง ! อยู่ที่โรงเรียน ฮิโตสึบะซังมักจะดูน่ารักเสมออยู่แล้ว แต่ตอนนี้เธอช่างดูสวยใสบริสุทธิ์เหลือเกิน
“โอเคๆ งั้นผมก็จะขอรับข้อเสนอนั้นไว้ก็แล้วกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ผมจะต้องปฏิเสธแถมมันเป็นข้อเสนอที่น่าอัศจรรย์สำหรับผมอีกต่างหาก เป็นดั่งปาฏิหาริย์สำหรับผมชัดๆเลยกับการที่ได้แต่งงานและอาศัยอยู่ร่วมกันกับคนอย่างฮิโตสึบะซัง แบบนี้มันก็ราวกับว่าฝันที่เป็นจริงเลย”
ผมพยายามเต็มที่ ที่จะทำตัวร่าเริงเข้าไว้ ผมรีบกระดกชาจากถ้วยของผมให้หมด เพื่อที่จะได้ทำให้ลำคอที่แห้งกร้านของผมนั้นมันชุ่มชื้นขึ้นหน่อย รวมถึงทำให้ใจที่เต้นรัวๆของผมสงบลงอีกด้วย
อืม แล้วผมจะพูดอะไรดีล่ะ? ผมเองก็จะปล่อยให้แรงผลักดันอันมหาศาลนี้ผลักดันตัวผมไปเองเลยตามเลยเพื่อที่ตัวผมจะได้อะไรที่ดียิ่งกว่า และ แน่นอนว่าแทบไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังอะไรเลยที่ผมจะตอบตกลงที่จะเป็นสามีของเธอหลังจากเราได้ใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว
แต่ว่านะ… มันไม่เป็นอะไรหรอก…….
ผมน่ะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับหญิงสาวที่งดงามไร้ที่ติ อย่างฮิโตสึบะซังได้
ได้แต่งงานกับเธอ และท้ายที่สุดก็ได้กลายเป็นประธาน ดังนั้น ไม่เป็นอะไรหรอก ผมไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวเลย………….
“อ๊ะ เอ๊ะ ! ยะ-ยูยะคุง เป็นอะไรไปคะ ? บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ?”
“….อะ-ฮะ? อะไรหรอ ฮิโตสึบะซัง ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดตรงไหนเลยสักนิ-“
“ถ้างั้น ทำไมนายถึงร้องไห้ออกมาล่ะคะ ยูยะคุง?”
ผมจับแก้มของตัวเอง นิ้วมือของผมมันสัมผัสได้ถึงความเปียกชุ่มและความเย็นจากบนแก้ม
นี่มันแปลก…..
ทำไม ผมถึงร้องไห้กันล่ะ?
ตอนนี้ผมเป็นอิสระจากพ่อแม่เฮงซวยไปแล้วนี่
ทำไมมันถึงรู้สึกเจ็บปวดมากขนาดนี้กันล่ะ?
ราวกับว่าหน้าอกมันจะถูกฉีกแยกออกจากกัน ทำไมกันล่ะ?
“โอ๋ๆ….ไม่เป็นไรนะยูยะคุง ชั้นนะอยู่ข้างๆยูยะคุงนะคะ อยู่เคียงข้างนายเสมอเลยค่ะ”
ก่อนที่ผมจะรู้ตัว ตัวผมก็ถูกสวมกอดโดยฮิโตสึบะซัง เธอโอบกอดแผ่นหลังของผมอย่างอ่อนโยนราวกับเธออ่อนโยนกับเด็กตัวเล็กๆ น้ำเสียงของเธอมันเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจอย่างท้วมท้น
ผมอดไม่ได้จริงๆที่จะโอบกอดเอวของเธอกลับ
“มันคงจะยากสำหรับนายสินะคะ จากนี้ไปมามีความสุขกันนะคะ ยูยะคุง”
โอบกอดของเทพธิดามันช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายเหลือเกิน ผมปรารถนาที่จะอยู่อย่างนี้ตลอดไป….
“ถ้าหากว่าสงบใจได้แล้วล่ะก็ ก็รบกวนช่วยเก็บข้าวของเลยนะคะ เราจะทุบบ้านหลังนี้ค่ะ”
ตัวผมที่อยู่ในอารมณ์ผ่อนคลายจนกระทั่งคำพูดของเธอก็กระชากผมกลับมาอยู่ในความเป็นจริง
เดี๋ยวนะ นี่บ้านหลังนี้จะหายไปอย่างงั้นหรอ? เธอหมายความว่าอย่างนั้นใช่ไหม?
“เราจะเคลียร์ที่ดินตรงนี้แล้วสร้างบ้านหลังใหม่ปล่อยให้เช่าค่ะ เพื่อที่จะได้เป็นรายได้เข้ากระเป๋าของพวกเราค่ะ แต่ว่าเรื่อง “รังรัก” ของพวกเราน่ะไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ชั้นจัดแจงไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ โชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์พอดี ไม่มีคาบเรียน ดังนั้นแล้วไปซื้อของด้วยกันนะคะ!”
ผมสูดหายใจและพยักหน้าตอบรับ ฮิโตสึบะซังก็ยิ้มและเอามือมาลูบหัวของผม
ผมไม่ขอเข้าใจว่าต่อไปนี้จะเกิดบ้าอะไรขึ้นอีกต่อไปแล้ว…….
ดูเหมือนว่าเลือดของไอ้พ่อเฮงซวยมันก็ยังคงไหลเวียนอยู่ในร่างกายของผมอยู่
แล้วดูเหมือนผมเองได้ตัดสินใจเรื่องสำคัญบางอย่าง อย่างหุนหันพลันแล่นไป
ซึ่งการตัดสินใจในครั้งนี้ มันอาจจะส่งผลต่อชีวิตของตัวผมเอง…..