ฆาตกรหมายเลข 10 เบาะแส
10
เบาะแส
เช้าวันรุ่งขึ้น จั่นเจาเดินเข้ามายังกรมตำรวจด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง พร้อมกับไป๋อวี้ถังที่กำลังหาวหวอด ๆ
“จริงสิ ทําไมเมื่อคืนนายถึงลงไปนอนกับพื้นล่ะ” จั่นเจาถาม ไม่เข้าใจ
ไป๋อวี้ถังโมโห…
เมื่อพวกเขาไปถึงประตูทางเข้าก็ได้พบกับจางหลง หวังเฉา และ หม่าฮั่นที่กำลังหอบเอกสารกองใหญ่เข้ามา
“หัวหน้า!” จางหลงเงยหน้าขึ้นมาเห็นไป๋อวี้ถังและจั่นเจา “เป็นยังไงบ้าง” ทั้งสองรับเอกสารจากพวกเขามาบางส่วน ทุกคนเดินไปที่ลิฟต์
“ฮู้…” จางหลงส่ายศีรษะ “ข้อมูลกองเบ้อเริ่ม เหยื่อแต่ละรายมีความแตกต่างกัน ดูไปดูมาก็ยังไม่พบอะไรผิดปกติ แต่ข้อมูลทั้งหมด ผมได้นำกลับมาหมดแล้ว ขอเวลาดูอีกสองวัน”
“หวังเฉา นายได้เอกสารพวกนั้นจากบ้านของอู๋เฮ่ามาบ้างไหม” จั่นเจาถาม
“ฮ่า…” หวังเฉายิ้มอย่างขมขื่นแล้วตอบว่า “น่าแปลก ตอนที่พวกเรา ไปถึง ก็เจอกับรถดับเพลิงกำลังดับไฟไหม้พอดี!”
“อะไรนะ” จั่นเจากับไป๋อวี้ถังอุทานพร้อมกัน “บ้านของอู๋เฮ่าไฟไหม้งั้นเหรอ”
“ใช่ครับ ดับอยู่ครึ่งชั่วโมงกว่าเพลิงจะสงบลงได้ พวกเราเขาไปดูแล้ว เอกสารถูกไฟไหม้หมดเลย”
“นายกำลังบอกว่า มีแค่เอกสารที่ถูกเผางั้นเหรอ” ไป๋อวี้ถังถาม
“หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางเพลิงตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุแล้วก็แจ้งว่า มันคือการจงใจวางเพลิงอย่างชัดเจน! ซึ่งเป้าหมายหลัก ของการวางเพลิงคือสถานที่ที่ใช้เก็บเอกสารต่าง ๆ อย่างเช่นชั้นวางหนังสือ ตู้ และโต๊ะทํางาน” หวังเฉายักไหล่ “ต่อมาพวกเราก็เข้าไปตรวจสอบ อีกรอบหนึ่ง พบเศษกระดาษจำนวนหนึ่ง และ…ขี้เถ้า…อีกจำนวนหนึ่ง” ว่าแล้วเขาก็เอากล่องกระดาษในมือโชว์ให้จั่นเจาและไป๋อวี้ถังดู “นี่เป็น ของขวัญสำหรับเจี่ยงผิง”
ไป๋อวี้ถังกับจั่นเจามองหน้ากันแล้วยิ้ม “สิ่งเหล่านี้เพียงพอที่จะให้ เจี่ยงผิงเล่นต่อจิ๊กซอว์ตลอดช่วงบ่ายนี้เลยละ”
พอออกจากลิฟต์ พวกเขาก็รีบจ้ำอ้าวไปยังสำนักงานของ S.C.I. “เจ้าหู่ล่ะ” ไป๋อวี้ถังมองไปรอบ ๆ สํานักงาน แต่ไม่เห็นแม้เงาของ
เจ้าหู่ “ที่ฉันให้เขาไปตรวจสอบรถยนต์ฮอนด้าสีดำคันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง” “ตรวจสอบพบแล้วครับ มันเป็นรถที่ถูกขโมยมา” เจี่ยงผิงที่ก้มหน้าก้มตาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เงยหน้าขึ้นมา “เมื่อครู่ทางหน่วยจราจรโทร.มาแจ้ง เขาลงไปเอาเอกสารแล้วครับ…”
ประตูสํานักงานเปิดออก กงซุนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าหม่นหมอง เมื่อจั่นเจากับไป๋อวี้ถังเห็นสีหน้าของเขาก็รู้ในทันทีว่าเขาต้องชันสูตรศพตลอดทั้งคืนแน่
“เป็นยังไงบ้าง” ไป๋อวี้ถังถามแล้วส่งกาแฟที่ตนเองยังไม่ทันได้ดื่มให้เขา
“ฮ่า…” กงซุนยิ้มเยาะแล้วรับกาแฟมา “เจ้หมอนี่มันโรคจิตขนานแท้ เลยละ!” เขากล่าวแล้วยื่นรายงานผลการชันสูตรหนาปึ้กให้ไป๋อวี้ถัง
“พี่น้องทุกคน! ได้เวลาประชุมแล้ว” ไป๋อวี้ถังเรียกทุกคนให้ไปที่ห้องประชุม
กงซุนชี้แจงสาเหตุการตายของอู๋เฮ่าเป็นอันดับแรก “การตรวจสอบ เบื้องต้นจากในเรือนจำเมื่อวานนี้สันนิษฐานว่าเขาถูกวางยาพิษ เนื่องจาก หัวใจของเขาหยุดการทำงานภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปกติ แต่อย่างไรก็ตาม ฉันไม่พบยาพิษใด ๆ ในกระเพาะอาหารหรือกระแสเลือดของเขา แต่ฉัน กลับเจออะไรบางอย่าง”
กงซุนเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “เพทิดีนไฮโดรคลอไรด์” 1 …? …ไป๋อวี้ถังและทุกคนงงงวย “มันคืออะไร”
“เพทิดีน” จั่นเจาขมวดคิ้วมองกงซุนทันที “มันส่งผลและกลไกต่อร่างกายเช่นเดียวกับมอร์ฟีน แต่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดและทำให้เกิดอาการชาด้อยกว่ามอร์ฟีน เทียบเท่ากับ 1 ใน 10 ส่วน ถึง 1 ใน 8 ส่วนของมอร์ฟีน มันเป็นยาบรรเทาปวดชนิดที่ถูกควบคุมพิเศษ” กงซุนพยักหน้า
“ยาเสพติดงั้นเหรอ” ไป๋อวี้ถังมองกงซุน “อู๋เฮ่าไม่มีประวัติการใช้ยาเสพติด ยิ่งไปกว่านั้น ประสิทธิภาพของเพทิดีนก็ค่อนข้างน้อย ทำไมถึง เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตายได้”
กงซุนพยักหน้า “ดังนั้นฉันถึงบอกว่าเจ้าหมอนี่มันโรคจิต” จากนั้น เขาก็หยิบภาพถ่ายอีกใบออกมาวางลงตรงหน้าทุกคน “นี่เป็นภาพถ่ายหน้าอก ด้านซ้ายของศพ ตรงตำแหน่งหัวใจ ลองดูสิ!”
ทุกคนโน้มตัวเข้ามาดูใกล้ ๆ อย่างละเอียด เห็นตรงตำแหน่งด้านบน ของหัวใจที่หน้าอกข้างซ้ายของศพมีจุดสีแดงเล็ก ๆ ปรากฏอยู่
“นี่มันอะไรกัน” จางหลงหาคำตอบไม่ได้
“รอยเข็มฉีดยา” กงซุนตอบ
“เข้าใจแล้ว… ไป๋อวี้ถังมองไปยังจั่นเจา” “เจ้าแมว นายยังจําเจ้าบ้าที่อยู่ห้องขังหมายเลข 2 พูดไว้ได้ไหม คนที่ถือเข็มฉีดยาอยู่ในมือ” จั่นเจาพยักหน้า ไป๋อวี้ถังจึงถามกงซุนต่อ “ฆาตกรใช้เข็มฉีดยา Pethidine Hydrochloride เป็นยาแก้ปวดที่จัดอยู่ในกลุ่มยาโอปิ ยาจะออยด์กฤทธิ์ ต่อระบบประสาทและสมอง โดยลดกลไกที่ก่อให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดแทงเข้าไปที่หัวใจของอู๋เฮ่า แล้วฉีดเพทิดีนเข้าไปใช่ไหม” กงซุนใช้นิ้วดันแว่นตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ถูกต้อง! แค่ฉีดเข้าไปเพียงเข็มเดียว ก็จะเกิดอาการหัวใจล้มเหลว เสียชีวิตภายในเวลา ห้านาที”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
จั่นเจาหยิบรูปภาพขึ้นมา “คนคนนี้อาจจะเป็นหมอจริง ๆ ก็ได้”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกั กงซุน” เห็นด้วย “ถึงแม้จะไม่ใช่หมอแต่อาชีพของเขาก็น่าจะสามารถเข้าถึงยาชาที่ได้รับการควบคุมชนิดนี้ได้ บวกกับตำแหน่งและวิธีการที่เขาลงเข็ม เขาต้องได้รับการฝึกฝนมาโดยเฉพาะ แน่นอน”
ทันใดนั้นประตูของห้องประชุมก็ถูกเปิดออก เจ้าหู่รีบวิ่งเข้ามา “หัวหน้า รายงานมาแล้วครับ”
ว่าแล้วเขาก็ยื่นรายงานให้ไป๋อวี้ถังกับมือ
ไป๋อวี้ถังเปิดเอกสารออกดู พบว่าเป็นบันทึกรายชื่อรถที่ถูกขโมยจำนวนหนึ่ง เขาก้มหน้าอ่านชั่วครู่ก่อนสีหน้าจะเคร่งเครียดขึ้นมาทันที “มีอะไรเหรอ หรือว่ารถคันนี้มีปัญหา?” จั่นเจาเห็นสีหน้าไป๋อวี้ถังไม่สู้ดีนักจึงรีบถาม
“รถไม่ได้มีปัญหาอะไร” ไป๋อวี้ถังส่ายศีรษะ “แต่บริเวณที่รถคันนี้
ถูกขโมยไปมันค่อนข้างล้ำลึก”
…? …
“ล้ำลึก? หมายความว่ายังไง” จั่นเจามองเขาด้วยความงุนงง ไป๋อวี้ถังหันมาจ้องมองจั่นเจา พูดด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจังที่ไม่ค่อย
ได้ใช้เท่าไร “ประตูทิศเหนือของมหาวิทยาลัย C”
…! …
“เจ้าแมว ฉันจำได้ว่านายต้องไปสอนนักศึกษาจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัย C ทุกสัปดาห์ใช่ไหม”
“…” จั่นเจาพยักหน้า “ประตูทิศเหนืออยู่ทางด้านหน้าอาคารของสาขา จิตวิทยา…”
ไป๋อวี้ถังปิดรายงานลง แสดงความวิตกกังวลเล็กน้อย “รถถูกขโมยใกล้กับสถานที่ที่นายสอน เมื่อวานสะกดรอยตามนายทั้งวัน เมื่อคืนวานยังพยายามขับรถชนนาย”
จั่นเจาฝืนยิ้มอย่างจนปัญญา “ดูท่า…น่าจะพุ่งเป้ามาที่ฉันโดยตรง…”