12
คณะจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย C
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไป๋อวี้ถังก็ขับรถพาจั่นเจามายังประตูทิศเหนือของมหาวิทยาลัย C
ทั้งสองลงจากรถ ไป๋อวี้ถังสังเกตลักษณะพื้นที่บริเวณรอบๆ ประตูทิศเหนืออย่างละเอียด
“นี่! เจ้าหนู! ฉันต้องไปสอนแล้ว เชิญนายตามสบาย” จั่นเจาถือแผนการสอนกำลังจะเดินเข้าไปด้านใน
“เดี๋ยวก่อน!” ไป๋อวี้ถังดึงเขาไว้ “ฉันจะเข้าไปกับนาย!”
สะดุ้ง!
“นายคิดจะทำอะไร”
ไป๋อวี้ถังส่งยิ้มใสซื่อ “นายสอนวิชาการวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรใช่ไหม ฉันคือนักสืบ จะไปสอนนักศึกษาของนายด้วย”
จั่นเจาหรี่ตามองไป๋อวี้ถัง “นายกําลังสงสัยนักเรียนของฉันงั้นเหรอ”
“หึ ๆ …” ไป๋อวี้ถังยิ้ม แต่ไม่ตอบอะไร เขาเอื้อมมือโอบไหล่ของจั่นเจาแล้วเดินเข้าไปด้านในกับเขา “โดยทั่วไปแล้ว คนที่ดูไม่เหมือนคนร้ายมากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสเป็นคนร้ายมากที่สุด!”
“ใช้สัญชาตญาณของนายอีกแล้วเหรอ ตำรวจอย่างพวกนายไม่ได้ดูหลักฐานเป็นหลักหรอกเหรอ ฉันอ้างอิงจากวิทยาศาสตร์! ไม่ใช่นักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวน!” ว่าแล้วก็ปัดมือของไป๋อวี้ถังออกไป “เอาอุ้งเท้าของนายออกไปนะ!”
ไป๋อวี้ถังกับจั่นเจาทะเลาะกันมาตั้งแต่เด็กจึงไม่ได้รู้สึกว่าแปลกอะไร แต่ในสายตาของคนอื่น พวกเขาทั้งสองดูเหมือนยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ ไป๋อวี้ถังหัวเราะร่าในขณะที่จั่นเจาจ้องมองด้วยความโกรธ …
“ดอกเตอร์จั่นครับ!”
จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกดังขึ้นที่ด้านหลังพวกเขาทั้งสอง “คุณมีอะไรให้ ช่วยไหมครับ”
จั่นเจากับไป๋อวี้ถังหันกลับไปก็พบกับนักศึกษาชายใส่แว่นท่าทางเรียบร้อยกําลังหอบหนังสือยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา มองไป๋อวี้ถังอย่างระแวดระวัง
ไป๋อวี้ถังยิ้ม บอกว่าไม่เป็นไร
จั่นเจาเห็นก็จําได้ว่าเขาคือหลี่เฟยฝาน นักศึกษาคณะจิตวิทยาของเขาจึงรีบโบกมือแล้วอธิบายว่า “เอ่อ…ไม่ใช่อย่างนั้น พวกเราเป็นเพื่อนกันน่ะ”
“อ๋อ…” หลี่เฟยฝานพยักหน้า แต่ยังคงมองไป๋อวี้ถังด้วยความสงสัยก่อนจะเดินไปทางห้องเรียน
“นักศึกษาของนายเหรอ” ไป๋อวี้ถังมองตามหลังหลี่เฟยฝานที่รีบเดินออกไปก่อนถามจั่นเจา
“อืม” จั่นเจาพยักหน้า “เขชื่อหลี่เฟยฝาน เป็นหัวหน้าชั้นเรียนของคณะจิตวิทยา เรียนเก่งมากและยังได้รับทุนการศึกษาอีกด้วย” ไป๋อวี้ถัง พยักหน้าอย่างคลุมเครือ
“ทำไมเหรอ เขามีอะไรผิดปกติ” จั่นเจาถาม
“ฮ่า ๆ” ไป๋อวี้ถังหัวเราะแล้วโน้มตัวเข้ามากระซิบที่ข้างหูจั่นเจาว่า “เขาจับตามองพวกเราตั้งแต่ตอนที่ลงมาจากรถแล้ว เป็นเวลาสิบนาทีพอดีคงรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่าเราจะมาพร้อมกัน?”
“…!…” จั่นเจาจ้องมองไป๋อวี้ถังอย่างประหลาดใจ “จริงเหรอ”
ไป๋อวี้ถังยักไหล่ “อันที่จริงนอกจากเขาแล้วก็มีคนมองเราอยู่มากมาย
“…?…”
ขณะที่จั่นเจากำลังทำความเข้าใจกับประโยคนี้ของเขา ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวมาจากชั้นบนของอาคาร ทําให้เขาเงยหน้าขึ้นมองทันทีด้วยความตกใจ…ก่อนจะเห็นบรรดานักศึกษาหญิงเบียดเสียดกันอยู่ตรงบานหน้าต่าง โผล่หน้าออกมามองเขากับไป๋อวี้ถังที่อยู่ชั้นล่างด้วยความตื่นเต้น
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ผู้หญิงหนึ่งคนเทียบได้กับเป็ดสองร้อยตัวนั้น ดังนั้นในอาคารนี้จึงมีเป็ดอย่างน้อยเกือบล้านตัว ซึ่งกําลังกรีดร้องในเวลาเดียวกัน ดึงดูดสายตาจากผู้คนทั้งมหาวิทยาลัย…
“อาจารย์คะ…แฟนของอาจารย์หล่อจัง…”
หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่นักศึกษาหญิงสาขาจิตวิทยาตะโกนออกมาเสียงดังที่สุด
อย่างชัดเจน สีหน้าของจั่นเจาก็พลันขาวซีดด้วยความโกรธ ที่น่าโมโห ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ไป๋อวี้ถังที่ยืนอยู่ด้านข้างยังถอดแว่นตากันแดดออกมา เงยหน้าส่งรอยยิ้มอันน่าหลงใหลไปยังบรรดานักศึกษาหญิงที่อยู่ชั้นบน
“อ๊าย!” เสียงกรีดร้องสูงขึ้นอีกสองอ็อกเทฟ[1]…
จั่นเจาลากไป๋อวี้ถังที่กําลังวัดเรตติ้งอยู่เข้าไปภายในอาคารคณะจิตวิทยา
“ฮ่า ๆ …” ไป๋อวี้ถังที่เข้ามาในอาคารแล้วขําจนน้ำตาเล็ด “เจ้าแมวนักศึกษาของนายนี่สร้างความสั่นสะเทือนให้วงการจริง ๆ”
“หุบปาก!” ใบหน้าของจั่นเจาแดงก่ำ “เจ้าหนูขาว! นายจะไปไหนก็ไป! แล้วต่อไปจะให้ฉันมาสอนที่นี่ได้ยังไงล่ะ”
“ฮ่า ๆ …นายอย่ามาสอนวิชานี้อีกเลย” นึกขึ้นมาเมื่อไรก็รู้สึกว่ามันน่าขันทุกที ไป๋อวี้ถังขำจนหอบ “นักศึกษาหญิงพวกนั้นน่ากลัวกว่าพวก คนไข้ของนายเสียอีก …”
จั่นเจาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ขณะที่กำลังคิดจะเอื้อมมือไปควักปืนออกมาก็ได้ยินเสียงตำหนิอย่างเคร่งขรึมและเย็นชาดังมาจากทางด้านหลังของเขา “ดอกเตอร์จั่น!”
พอได้ยินเสียงนี้เขาก็ขมวดคิ้ว จั่นเจาหันหลังกลับมา ก่อนจะเห็นว่ามีชายสองคนยืนอยู่ด้านหลัง
“ศาสตราจารย์สวี่ ดอกเตอร์จาง” จั่นเจาทักทายทั้งสองท่านด้วยอาการประหม่า
ไป๋อวี้ถังมองไปที่สองคนนั้น ศาสตราจารย์สวี่เป็นชายชราอายุประมาณห้าสิบกว่า ศีรษะล้าน แลดูเป็นนักวิชาการคร่ำครึ ดวงตาเล็กๆ คู่หนึ่งที่อยู่หลังแว่นสายตาสั้นหนาเตอะจ้องมองจั่นเจาเขม็ง ใบหน้าผอมแห้งของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ในขณะที่ชายที่ดูอ่อนวัยกว่าเล็กน้อยคือดอกเตอร์จาง อายุประมาณสี่สิบกว่า ใบหน้าจิ้มลิ้มเหมือนตุ๊กตา แลดูมีมิตรไมตรี พอเห็นจั่นเจา ทักทาย เขาก็รีบยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ดอกเตอร์จั่น” ก่อนจะพยักหน้าให้ไป๋อวี้ถัง อย่างสุภาพ
“ดอกเตอร์จั่นคงยังไม่ลืมใช่ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน” ศาสตราจารย์สวี่ ที่บุ้ยปากอยู่ตลอดเอ่ยปากถามอย่างดุดัน
จั่นเจายิ้มอย่างอึดอัดใจ แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับ ในขณะที่สีหน้าของไป๋อวี้ถังเริ่มเปลี่ยนไป
ดอกเตอร์จางที่ยืนอยู่ด้านหลังของศาสตราจารย์สวี่รีบบอกว่า “ดอกเตอร์จั่น ชั้นเรียนของคุณคงใกล้จะเริ่มแล้วสิ”
“ใช่ครับ” จั่นเจาเอ่ยคำพูดว่า “แล้วพบกัน” ก่อนกำลังจะปลีกตัวไป แต่ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์สวี่จะไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ เขากล่าวเชิงตำหนิว่า “ในฐานะที่เป็นอาจารย์นั้น นอกจากต้องมีวิชาความรู้แล้ว ยังต้องมีความ ประพฤติและคุณธรรมที่ดีด้วย อย่ามาทําในสิ่งที่เป็นการเสื่อมเสียเกียรติ ของผู้มีการศึกษาในห้องเรียนซึ่งเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์อีก!”
เดิมทีจั่นเจากำลังดึงไป๋อวี้ถังที่เริ่มมีสีหน้าไม่ดีให้เดินออกมา แต่หลังจากที่ได้ยินคําพูดเหล่านี้ของศาสตราจารย์สวี่ เขาก็หยุดเดินในทันที แม้จั่นเจาจะอ่อนโยนสักแค่ไหน แต่เมื่อได้ยินคำพูดสบประมาทเช่นนี้แล้วก็ทนไม่ไหวเช่นกัน
ในขณะที่กําลังจะโต้ ก็ได้ยินไป๋อวี้ถังที่ยืนอยู่ข้างลับ ๆ ถามขึ้นมา อย่างกะทันหันว่า “ศาสตราจารย์สวี่ครับ อะไรคือรูปธรรมของ ‘การทำให้ เสื่อมเสียเกียรติของผู้มีการศึกษา’ ที่คุณกำลังพูดถึงอยู่เหรอครับ”
ศาสตราจารย์สวี่ชะงักไป
ไป๋อวี้ถังกล่าวต่อว่า “ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่คุณกําลังพูดถึงคืออะไรแบบ หรือเปล่า” ว่าแล้วเขาก็โอบจั่นเจาที่กําลังงุนงงอยู่ข้าง ๆ เข้ามา ก่อนจะ ก้มหน้าลงจูบเขา
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องสนั่นหวั่นไหวของบรรดานักศึกษาสาว จูบอันดูดดื่มตามมาตรฐานสไตล์ฝรั่งเศสของไป๋อวี้ถังก็ประสบความสําเร็จในการทําให้ความดันของศาสตราจารย์สวี่พุ่งกระฉูดจนโรคหัวใจกำเริบ…
[1] Octave หมายถึงช่วงของระดับเสียง 1 อ็อกเทฟจะมี 8 โน้ต ได้แก่ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด