S.C.I. ทีมพิฆาตทรชน ตอนที่ 13 ฆาตกรหมายเลข 13 โศกนาฏกรรม

ฆาตกรหมายเลข 13 โศกนาฏกรรม
สำนักพิมพ์โรส

13
โศกนาฏกรรม

หลังการจูบอันแสนเร่าร้อนยาวนานได้จบลง ไป๋อวี้ถังก็ปล่อยตัวจั่นเจาที่กำลังเกิดไฟฟ้าลัดวงจรอยู่ในสมอง ศาสตราจารย์สวี่ก็เอามือกุมหน้าอกแทบจะยืนไม่อยู่ ดอกเตอร์จางที่มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกรีบหยิบยาในกระเป๋าของเขาออกมาให้ศาสตราจารย์สวี่กิน “ศาสตราจารย์สวี่ครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปพักผ่อนที่ห้องพยาบาล….” ว่าแล้วเขาก็พยักหน้าให้จั่นเจากับไป๋อวี้ถังก่อนจะประคองศาสตราจารย์สวี่ออกไปอย่างลุกลี้ลุกลน
ไป๋อวี้ถังเห็นทั้งสองรีบร้อนเดินออกไปอย่างจนตรอกก็รู้สึกได้ระบายความโกรธ เพียงแต่…ทําไมรู้สึกว่ามีแรงอาฆาตจากทางด้านหลังนะ?!
ลมแรงพัดโจมตีเข้ามาวูบหนึ่ง ไป๋อวี้ถังรู้สึกเย็นวาบข้างหลังท้ายทอยจึงก้มศีรษะลงด้วยสัญชาตญาณ รอดพ้นจากแผนการสอนและหนังสือที่ถูกเขวี้ยงใส่ศีรษะอย่างเฉียดฉิว!
ภยันตรายเพิ่งผ่านไป ก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลพุ่งเข้ามาปะทะทางด้านหน้าอีกครั้ง จึงเอื้อมมือไปคว้าไว้ด้วยสัญชาตญาณ ก่อนจะ พบว่านี่คือกําปั้นของจั่นเจา…
“แมว…เจ้าแมว?”
จั่นเจาโกรธจนตัวสั่น มือข้างหนึ่งถูกไป๋อวี้ถังจับไว้แน่น ขณะที่อีกข้างหนึ่งพยายามเช็ดริมฝีปากอย่างเอาจริงเอาจัง กัดฟันเค้นเสียงว่า “ไป๋…อวี้…ถัง!”
…! …
เมื่อมองจั่นเจาที่มีสีหน้าเต็มไปด้วยแรงอาฆาต ไป๋อวี้ถังก็กลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว “ใจ…ใจเย็นก่อน…ฉัน…ฉันก็แค่…คิดรอบด้าน…”
“ไร้สาระ!” จั่นเจาโกรธจัดจนลืมไปแล้วว่าเขาเป็นปัญญาชนระดับสูง “วันนี้ฉันจะต้องฆ่านายให้ได้ เพื่อปกป้องประชาชนจากความเลวร้าย!”
…น่าสะพรึงกลัว…
ไป๋อวี้ถังเห็นจั่นเจากําลังง้างขาจะเตะเขา จึงรีบกระโดดหลบไป อีกทาง “…เจ้าแมว นายอยากให้ตระกูลไป๋ของฉันไร้ผู้สืบสกุลเหรอ”
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ในสมองของจั่นเจามีแต่คําว่า ‘ฆ่าเขาซะ’ สาม คำนี้เท่านั้น
“ยังมีพี่ชายของนายอีกคน ไม่ต้องกลัวสูญสิ้นสกุลหรอก!” ว่าแล้ว เขาก็เหวี่ยงหมัดเข้าใส่อีก หลายกระบวนท่าของจั่นเจาล้วนเป็นสิ่งที่ไป๋อวี้ถังสอนเขาเมื่อมีเวลาว่าง ดันั้นจึงไม่สามารถทำอะไรไป๋อวี้ถังได้เลย
เมื่อเห็นเจ้าหนูขาวหลบซ้ายหลบขวาต่อยไม่ถูกเสียที เลยทําให้จั่นเจา ทั้งโกรธและร้อนใจมากขึ้นไปอีก ขณะที่ความโกรธกำลังพลุ่งพล่าน ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเขามีเรมิงตันกระบอกนั้นที่ไป๋อวี้ถังให้เขาไว้เมื่อตอนเช้าอยู่ในกระเป๋าเสื้อ จึงเก็บหมัดลง
ไป๋อวี้ถังเห็นจั่นเจาดูเหมือนจะค่อย ๆ สงบลงแล้วก็รู้สึกโล่งใจ ก่อนที่เขาจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการทำให้ผ่อนคลาย ก็พลันเห็นจั่นเจายิ้มอย่างเย็นชาและค่อย ๆ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูท
และของที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของเขาก็น่าจะเป็น …
ไป๋อวี้ถังที่ตกใจจนหน้าถอดสีรีบก้าวเข้าไปข้างหน้าและโอบตัวจั่นเจาไว้เพื่อไม่ให้เขาชักปืนออกมา จั่นเจาที่มือแตะปืนได้แล้ว แต่กลับถูกไป๋อวี้ถังจับล็อกไว้ อย่างไรก็ไม่สามารถชักปืนออกมาได้ เขาโกรธจัดพยายามง้างเท้าเตะเข้าไปที่น่องของไป๋อวี้ถัง “ปล่อยฉันนะ! ในกระบอกปืน มีลูกกระสุนอยู่ 7 นัด และในกระเป๋าของฉันยังมีอีก 7 นัด!”
“ทําไมนายต้องพกกระสุนไว้มากมาย จะไปรบเหรอ” ไป๋อวี้ถังอุ้มจั่นเจาออกไปยังทางเดินนอกอาคาร จนออกมาจากห้องโถงที่มีผู้คน มากมายได้ในที่สุด
“ทั้งหมดเอาไว้ใช้กับนาย! ฉันจะยิงนายให้พรุนเหมือนตะแกรงเลย!” จั่นเจายังคงไม่คล้อยตาม ดิ้นรนสุดชีวิต
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก…มันก็แค่จูบเท่านั้นไม่ใช่เหรอ… รู้สึกว่าเสียเปรียบ ฉันจะให้นายจูบฉันกลับก็ได้!” ไป๋อวี้ถังราดน้ำมันเข้า กองเพลิง
“ใครจะไปอยากจูบ…ไอ้เวร! แล้วต่อไปฉันจะมาสอนที่นี่อีกได้ยังไ ฉันจะเลิกคบกับนาย!”
“ฉันกําลังช่วยนายแก้แค้นอยู่นะ!”
“แก้บ้านนายสิ! นายทําให้ฉันโมโห!”
“ฉันยังมีเหตุผลอื่นอีกนะ!”
“เหตุผลอะไร”
“เอาเป็นว่ามีเหตุผลก็แล้วกัน”
“บอกมาเดี๋ยวนี้”
“งั้นนายเอาปืนคืนฉันมาก่อน”
“นายต้องบอกก่อน!”
“เอาปืนมาก่อน!”
“พูด!”
“ปืน!”

“ไม่เอา! ถ้าฉันไม่ได้ฆ่านาย ฉันคงลบความเกลียดชังในใจไม่ได้”
“ความวู่วามคือปีศาจนะเจ้าแมว!”
“นายวู่วามได้ แต่ฉันวู่วามไม่ได้เหรอ?!”
“ฆ่าคนมันผิดกฎหมายนะ!”
“ฉันแค่กำจัดศัตรูพืช!”
“นี่ฉันโดนลดขั้นจากหนูไปเป็นศัตรูพืชแล้วเหรอเนี่ย”
“นายไม่สมควรเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมด้วยซ้ำ!”

ก่อนที่การทะเลาะอย่างไม่มีจุดจบจะดําเนินต่อไปเรื่อยๆ บางสิ่งบางอย่าง ก็ร่วงหล่นลงมาจากข้างนอกหน้าต่างและกระทบเข้ากับพื้นเสียงดังสนั่น
พวกเขาทั้งสองสะดุ้ง ลืมการต่อสู้ไปทันที
“ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า” ไป๋อวี้ถังมองไปทางจั่นเจา
จั่นเจาส่ายศีรษะอย่างไม่เชื่อสายตา
เสียงบรรดานักศึกษากรีดร้องด้วยความหวาดกลัวดังมาจากด้านนอก
พวกเขาทั้งสองรีบวิ่งออกจากอาคารเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ ถึงแม้เมื่อครู่จะเป็นเพียงชั่วพริบตาเดียว แต่พวกเขาก็มองเห็นอย่างชัดเจนว่า…มีคนตกลงมาจากอาคาร
เมื่อพวกเขาวิ่งมาถึงด้านนอก ก็พบว่ามีคนนอนอยู่บนพื้นที่โล่งด้านหน้าของอาคาร สภาพร่างกายบิดเบี้ยวผิดรูปเกือบทั้งร่าง แต่จากเสื้อผ้าและหน้าตายังพอระบุได้ว่า…ผู้ตายคือหลี่เฟยฝานที่เพิ่งทักทายพวกเขาทั้งสองตรงบริเวณประตูมหาวิทยาลัยเมื่อครู่นี้เอง
การได้พบศพของคนแปลกหน้ากับศพของคนที่รู้จักกันดีมันให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จั่นเจารับไม่ได้ไปชั่วขณะเมื่อรู้ว่าผู้ตายเป็นนักศึกษาของเขา เขาอ้าปากค้างแต่พูดอะไรไม่ออก
ไป๋อวี้ถังให้ยามที่วิ่งเข้ามาโทร.แจ้งความและปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุ จากนั้นเขาจึงเงยหน้ามองดูชั้นบนสุดของอาคารคณะจิตวิทยา
ตึกของคณะจิตวิทยามีความสูงมากกว่า 10 ชั้น แต่ไป๋อวี้ถังผู้ซึ่งมีสายตาอันยอดเยี่ยมของนักบินก็มองเห็นว่ารั้วกั้นรอบดาดฟ้านั้นยื่นอออกมาด้านนอก
เขาหมุนตัวและวิ่งเข้าไปในอาคาร รอลิฟต์ไม่ไหวจึงก้าวเท้าสวบๆวิ่งขึ้นตึกไป เพียงพริบตาเดียวเขาก็วิ่งขึ้นไปถึงชั้นบนสุดแล้ว
ประตูของชั้นบนสุดถูกล็อกจากด้านนอก เขาจึงชักปืนออกมาอย่างระแวดระวัง ไป๋อวี้ถังยกขาถีบประตูเหล็กของชั้นดาดฟ้าให้เปิดออก ก่อนจะก้าวเข้าไปยังบริเวณระเบียงดาดฟ้าอย่างระมัดระวัง ประสบการณ์หลายปีของการเป็นทหารได้หล่อหลอมให้ประสาทสัมผัสของเขาเฉียบคมเป็นอย่างมาก ทันทีที่เหยียบบริเวณระเบียงดาดฟ้า เขาก็รับรู้ได้ในทันทีว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนี้ ก่อนจะเดินสำรวจไปรอบ ๆ และพบว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ …
เขาเก็บปืนลง แล้วเดินไปตรวจสอบรั้วกั้นที่แตกหัก
เห็นรอยแตกหักของรั้วนั้นเรียบเสมอกัน…เป็นการกระทําของมนุษย์! นั่นหมายความว่าการตายของหลี่เฟยฝานไม่ใช่การฆ่าตัวตายและอุบัติเหตุ แต่เป็นการฆาตกรรม เขาน่าจะเป็นคนล็อกประตูเอง แต่ในช่วงเวลาเช่นนี้เขาไม่ได้เข้าเรียน แล้วมาทําอะไรบนดาดฟ้า
ในระหว่างที่กําลังครุ่นคิดและปวดหัวกับปัญหาอยู่นั้น ก็เห็นจั่นเจากําลังเดินเข้าไปข้างศพ แล้วใช้กระดาษทิชชูหยิบมือถือออกมาจากมือของผู้ตายที่กำไว้แน่นตลอดเวลา
แม้ว่าจะอยู่ไกล แต่ไป๋อวี้ถังก็ยังสัมผัสได้ถึงความไม่สบายใจของจั่นเจา
เขารีบควักโทรศัพท์มือถือออกมาและโทร.หากงซุนขอให้เขาพาทีมเข้ามา ก่อนจะวิ่งลงบันได
จั่นเจานั่งอยู่ข้างแปลงดอกไม้ไม่ไกลจากศพ ก้มหน้ามองไปที่โทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นในมืออย่างครุ่นคิด
ไป๋อวี้ถังเดินเข้ามาใกล้ “นายเป็นไงบ้าง”
จั่นเจายื่นโทรศัพท์ออกไป ไป๋อวี้ถังก้มลงมอง เห็นบนหน้าจอมือถือมีตัวเลขสามตัว คือ 1 3 และ 5
ส่วนภาพพื้นหลังของหน้าจอมือถือเป็นภาพของจั่นเจา มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นรูปแอบถ่าย จั่นเจาในภาพกำลังลงมาจากรถด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข …
ไป๋อวี้ถังเห็นจั่นเจาบุ้ยปาก สายตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและ สับสน
เขาเอื้อมมือดึงจั่นเจาเข้ามา ให้เขาเอนกายพิงตนเอง พร้อมกับตบไหล่ ของเขาเบา ๆ เพื่อเป็นการปลอบโยน
“ไม่เป็นไรนะ เจ้าแมว! ไม่เป็นไร!”

S.C.I. ทีมพิฆาตทรชน

S.C.I. ทีมพิฆาตทรชน

S.C.I. ทีมพิฆาตทรชน, SCI 谜案集
Score 8.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2005 Native Language: Chinese
อ่าน S.C.I. ทีมพิฆาตทรชน เรื่องย่อ S.C.I. : หน่วยสืบสวนคดีอาชญากรรมพิเศษคือทีมที่รวมเจ้าหน้าที่ระดับหัวกะทิจากแต่ละแผนกในกรมตำรวจมารวมกันเพื่อปิดคดีที่ยังไม่คลี่คลาย เมื่ออธิบดีกรมตำรวจสั่งตั้งหน่วยสืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรมพิเศษและโยกย้ายเจ้าหน้าที่ระดับหัวกะทิจากแต่ละแผนกในกรมตำรวจมารวมกัน ทำให้ไป๋อวี้ถังผู้มีความกล้าหาญทั้งยังมีทักษะเชี่ยวชาญ แต่มีนิสัยแปลกประหลาดไม่เหมือนคนอื่น ต้องมาทำงานร่วมจั่นเจา ดอกเตอร์ด้านอาชญาวิทยาที่มีชื่อเสียงในนานาประเทศ ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นค่อนข้างลึกซึ้ง จนเรียกได้ว่าทั้งสองไม่ถูกชะตากันมาตั้งแต่ออกจากท้องแม่แล้ว! ในสายตาของไป๋อวี้ถัง จั่นเจาไม่ได้สุภาพเรียบร้อยอย่างที่ใครๆ พูด เขาเป็นแค่แมวเจ้าเล่ห์ไร้สัจจะตัวหนึ่ง! ในสายตาของจั่นเจา ไป๋อวี้ถังนั้น ช่างห่างไกลจากภาพลักษณ์ภายนอกอันสง่างามมากความสามารถ เขาก็เป็นแค่หนูขาวน่ารังเกียจตัวหนึ่ง!"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset