ฆาตกรหมายเลข 04 หอฌาปนกิจ
สำนักพิมพ์โรส
04
หอฌาปนกิจ
รถสปอร์ตสีเทาเงินคันหนึ่งจอดลงตรงหน้าประตูทางเข้าหอฌาปนกิจ ในเมือง S ถึงแม้คนเดินถนนจะมีไม่มาก แต่รถสปอร์ตที่โลกต้องตะลึงคันนี้ก็ยังดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนไม่น้อย
ตอนที่ไป๋อวี้ถังในชุดเสื้อคลุมกันลมสีขาว สวมแว่นตาดำก้าวออกมาจากรถนั้น คุณอาจจะคิดว่าเขาคือดาราหรือนายแบบ…แต่ยังไงคงไม่คิดว่าเป็นตำรวจแน่
จั่นเจาลงจากรถอย่างอึดอัด “ไม่เคยมีใครร้องเรียนนายมาก่อนเลยเหรอ”
“ร้องเรียนเรื่องอะ” ไป๋อวี้ถังถอดแว่นดำออกแล้วเดินเข้าไปด้านใน
“นายขับรถสปอร์ตราคาสี่แสนกว่าดอลลาร์เข้าออกสำนักงานตำรวจ ฉันไม่เชื่อว่าไม่เคยมีใครร้องเรียนนาย”
“รถคันนี้พี่ชายฉันเป็นคนซื้อ เงินของเขาได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย!” ไป๋อวี้ถังยักไหล่ “ฉันชอบรถคันนี้! มันเร่งความเร็วได้เท่ากับความไวของเสียง ใช้ตามจับผู้ร้ายได้อย่างยอดเยี่ยม!”
“อ้อ ตำรวจที่ขับรถสปอร์ตจับผู้ร้าย เป็นการบ่งบอกว่าสถานะทางสังคมของนายไม่ชัดเจน!”
“พอเถอะเจ้าแมว ตั้งแต่นายลงจากรถจนถึงตอนนี้มีแต่พยายามหาข้อพิสูจน์ว่าฉันเป็นคนไม่ปกติให้ได้” ไป๋อวี้ถังมองพิจารณาห้องโถงของหอฌาปนกิจ แล้วพูดอย่างไม่ตั้งใจ “แต่ว่า ทฤษฎีทางจิตวิทยาอันยิ่งใหญ่ของนายมันใช้ไม่ได้ผลกับตัวฉันหรอก!”
“ฮ่า!” จั่นเจาเอามือสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง “นายไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร อันที่จริงยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ฉันได้พิสูจน์น่ะมีความผิดปกติทางบุคลิกภาพหลากหลายรูปแบบ เช่น ต่อต้านสังคม บุคลิกภาพก้ำกึ่ง เสแสร้งมารยา หลงตัวเอง และจิตวิปริต! แถมยัง อนามัยจัด ย้ำคิดย้ำทำ!”
“ถ้าหากความผิดปกติทางบุคลิกภาพของนายพวกนั้นมันเกิดขึนทั้งหมดละก็” ไป๋อวี้ถังชี้ไปยังห้องเก็บศพที่อยู่ด้านในหอฌาปนกิ “ฉันก็ควรเป็นคนตายที่ถูกบันทึกรหัสนั่น ไม่ใช่คที่สืบสวนอยู่ข้างนอกหรอก”
“โดยเฉพาะคนที่ทำงานสืบสวน มันยิ่งเป็นไปได้มากเป็นพิเศษ” คนที่เดินออกมาจากห้องเก็บศพนั้นพูดต่อให้
จั่นเจากับไป๋อวี้ถังหันไปมองทางคนที่พูดพร้อมกัน เขาเป็นผู้ชาย รูปร่างผอมบาง อายุประมาณสามสิบปี แสงสลัวในหอฌาปนกิจทำให้ ใบหน้าที่ซีดเผือดอยู่แล้วของเขายิ่งหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด
“ผมชื่อเฉินจิ่ง คุณตำรวจทั้งสองท่านคือ?” เขายื่นมือออกมาก่อน
“อ้อ…สวัสดีครับ” ไป๋อวี้ถังยื่นมือออกไปจับ อีกมือหนึ่งก็หยิบบัตรประจำตัวออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “ไป๋อวี้ถังครับ ท่านนี้คือจั่นเจา”
“กงซุนได้บอกกับผมถึงจุดประสงค์ในการมาที่นี่ของพวกคุณแล้ว” หลังจากจับมือกับจั่นเจา เฉินจิ่งก็หันหลังพาทั้งสองไปยังห้องเก็บศพ “ผมอยากให้พวกคุณได้เห็นสิ่งเหล่านี้ก่อน”
จั่นเจากับไป๋อวี้ถังมองหน้ากันแล้วตามเฉินจิ่งเข้าไปในห้องเก็บศพ
ในห้องเก็บศพมีศพถูกผ้าขาวปิดไว้นอนอยู่จำนวนหลายศพ มีเพียง
ศพเดียวที่ผ้าขาวถูกเปิดขึ้นมามุม แสดงให้เห็นว่าเฉินจิ่งกำลังแต่งหน้าให้เขาอยู่
“ศพนี้เพิ่งถูกส่งมา วันนี้พวกคุณดูตรงนี้สิ” ว่าแล้วเฉินจิ่งก็พลิกศีรษะของศพไปด้านข้าง เห็นเพียงด้านหลังใบหูของศพมีตัวเลข “39” อย่างชัดเจน
“มาอีกแล้ว” ไป๋อวี้ถังเงยหน้าขึ้นมองจั่นเจา
จั่นเจาก้มหน้าลงมองตัวเลขอย่างละเอียดถี่ถ้วน “ไม่เหมือนงานฝีมือเลย”
“หืม?” ไป๋อวี้ถังได้ยินดังนั้นก็ก้มหน้าลงดู เห็นเพียงตัวเลขสีน้ำเงิน ประณีตเรียบร้อยผิดปกติตามแบบอักษรมาตรฐาน
“ไม่ใช่การสักเหรอ” เขาลูบคางแล้วก็มองไปที่จั่นเจา “แล้วมันคืออะไร”
“อืม…ต้องชันสูตรพลิกศพก่อนถึงจะรู้ มีความรู้สึกว่าคล้ายกับ ตราประทับบางอย่างไม่เหมือนรอยสัก” จั่นเจายังคงก้มหน้ามองดูอย่างจริงจัง “คนที่สร้างตัวเลขพวกนี้ขึ้นมาเป็นบุคคลที่อันตรายมาก–ผู้นิยมความสมบูรณ์แบบ”
“ผู้นิยมความสมบูรณ์แบบ?” ไป๋อวี้ถังมองตัวเลขนั้นอีกครั้ง “ฉันมองไม่เห็นเลยว่าสัญลักษณ์หลังใบหูของผู้ตายมีตรงไหนที่สวยงาม!”
“สมบูรณ์แบบ!! ไม่ใช่สวยงาม!” จั่นเจาเน้นเสียง “ตอนที่ดูภาพถ่าย ฉันก็สังเกตเห็นแล้วว่าตำแหน่งของตัวเลขเกือบทั้งหมดล้วนแม่นยำตรงกัน” ว่าแล้วเขาก็สวมถุงมือ พลิกใบหูของศพขึ้นมาชี้ให้ไป๋อวี้ถังดู “ตัวเลขอยู่ตรงด้านหลังของช่องหูชั้นนอกพอดี รู้ไหมว่ามันหมายความว่าอย่างไร”
“คนคนนั้นโรคจิตเหรอ” ไป๋อวี้ถังตอบโดยไม่ได้คิดอะไรเลย เห็นจั่นเจาเหลือกตาใส่เขา ผายมืออย่างจนปัญญา “เรื่องนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว!”
“ตำแหน่งนี้!” จั่นเจาพูดต่อไป “เป็นตำแหน่งที่มีเพียง ‘ตำแหน่งเดียว’ เท่านั้น”
ไป๋อวี้ถังแคะหู “พูดภาษาคน ขอร้องละ!”
เขาเหลือกตาใส่อีกครั้ง “…ตัวเลขที่อยู่ในตำแหน่งนี้ ถ้าหากไม่พลิกใบหูขึ้นมาก็จะไม่มีทางสังเกตเห็นเลย!” ว่าแล้วเขาก็ปล่อยใบหูของผู้ตายให้มันกลับคืนสู่สภาพปกติดังเดิม แล้วให้ไป๋อวี้ถังดูอีกครั้ง แน่นอนว่า ตัวเลขถูกใบหูรอบนอกบดบังจนมิดชิด จะมองมุมไหนก็ไม่เห็นเลย
“แล้ว? มันหมายความว่าอย่างไร ท่านผู้เชี่ยวชาญ” ไป๋อวี้ถังมองที่จั่นเจา ยังคงมีสีหน้าไม่เข้าใจ
จั่นเจาถอดถุงมือออก “หมายความว่า คนที่บันทึกรหัสค่อนข้างมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ มีแนวโน้มจะเป็นผู้นิยมความสมบูรณ์แบบ และมีบุคลิกย้ำคิดย้ำทำอย่างแน่นอน ทั้งยังเป็นคนที่ ให้ความสำคัญกับรายละเอียดมากเป็นพิเศษ เข้มงวดในหน้าที่การงาน ในชีวิตจริงก็เป็นคนที่ระมัดระวังตัวมากเช่นกัน …”
“พูดภาษาคน!” ไป๋อวี้ถังทนไม่ไหวจึงขัดจังหวะขึ้นมา
“เขาเป็นคนโรคจิต” จั่นเจาสรุป