ฆาตกรหมายเลข 06 เรือนจำ
สำนักพิมพ์โรส
06
เรือนจำ
เรือนจำเป็นสถานที่ที่ไม่เคยให้ความรู้สึกดีกับใครไม่ว่าคุณจะเข้ามาเป็นประจำหรือนาน ๆ ครั้งก็ตาม
ไป๋อวี้ถังกับจั่นเจากำลังรอพบอยู่ที่ห้องเยี่ยมพิเศษ อู๋เฮ่าอยู่ในชุดนักโทษที่รัดตัวจนดูคล้ายกับบ๊ะจ่าง
เขาดูไม่เหมือนคนขับแท็กซี่ในวัยใกล้ห้าสิบที่กำลังตกอับ และดูไม่ใช่ผู้ป่วยทางจิตเลยสักนิด เขาสวมแว่นสายตาสั้น ดูเป็นคนสุภาพ และรักสงบ ถ้าหากเขาไม่ได้สวมชุดนักโทษแบบพิเศษอยู่ ก็ยิ่งดูเหมือนอาจารย์หรือนักวิชาการมากกว่า
เขาก้าวเข้ามาในห้องเยี่ยมอย่างเชื่องช้า แล้วมองสํารวจรอบ ๆ ก่อน จะเดินตรงไปที่หน้าโต๊ะแล้วนั่งลง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้น เริ่มมองพิจารณาจั่นเจาและไป๋อวี้ถังที่อยู่ตรงหน้า
สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ไป๋อวี้ถังก่อน นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเริ่มเอ่ยปา อย่างช้า ๆ “…คุณเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดีจริง ๆ”
ไป๋อวี้ถังประสานสายตากับเขาครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าแล้วพูด “แต่คุณไม่ใช่คนขับรถที่ดี”
อู๋เฮ่าหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันหน้าไปหาจั่นเจา สายตาของเขาหยุดอยู่ที่จั่นเจาเป็นเวลานาน สุดท้ายจึงส่ายศีรษะแล้วเอ่ยชมว่า “…ช่างเป็นงาน ศิลปะที่สมบูรณ์แบบเหลือเกิน คุณคือสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมาในชีวิตนี้เลย”
จั่นเจาคอยสังเกตเขาอย่างรอบคอบในขณะเดียวกันกับที่ถูกเขามองพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเช่นกัน พอได้ยินคำพูดของเขาจึงแย้มยิ้มแล้วพูดว่า “ขอบคุณสำหรับคำชื่นชมนะ แต่ถ้าคุณมองผมแบบคนธรรมดาผมจะยินดีกว่านี้”
อู๋เฮ่าโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อพิจารณาดวงตาของจั่นเจาอย่างละเอีย “เหมือนตาแมวชั้นดีสองดวงจริง ๆ มีสีอำพัน …”
“เฮ้ย!” ไป๋อวี้ถังที่อยู่ข้างๆ นมือออกมาดีดนิ้วตรงหน้าอู๋เฮ่าขัดจังหวะการพูดของเขา “นั่งลง!”
อู๋เฮ่าเบนสายตาไปมองเขาแทนโดยไม่ได้ขยับเขยื้อนร่างกายเลยแม้แต่น้อย “ร่างกายของคุณมีกลิ่นของสัตว์กินเนื้อ”
ไป๋อวี้ถังชี้ไปยังที่นั่งด้านหลังอู๋เฮ่า “คุณนั่งลงดีกว่า แล้วอยู่นิ่ง ๆ อย่าขยับ! ไม่อย่างนั้นผมจะแสดงให้คุณเห็นว่าสัตว์กินเนื้อมันเป็นยังไง!”
อู๋เฮ่าขยับมุมปากของเขาเล็กน้อยแล้วนั่งลงเช่นเดิม
ไป๋อวี้ถังเปิดแฟ้มเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะวางรูปภาพลงตรงหน้าอู๋เฮ่า “ลองดูนี่สิ”
อู๋เฮ่ายังคงนั่งตัวตรง ลดสายตาลงมา กวาดตามองรูปภาพเหล่านั้น ยิ้มอย่างคลุมเครือ
“ดูเหมือนคุณจะไม่ตกใจสักนิดเลยนะ” จั่นเจาโพล่งขึ้นมา
อู๋เฮ่าเลิกคิ้วอย่างไม่หยี่ “ตกใจเหรอะ ไม่นะ…มันก็แค่รอยสักธรรมดาเท่านั้น”
“ใครบอกคุณว่ามันคือรอยสัก” ไป๋อวี้ถังถามติดตลก “ทําไมคุณถึงไม่คิดว่ามันคือการใช้สีวาดล่ะ”
รอยยิ้มของอู๋เฮ่าชะงักเล็กน้อย ก่อนจะถามด้วยสีหน้างุนงงว่า “มันต่างกันเหรอ”
“แน่นอน” จั่นเจาใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะเบา ๆ “รอยสักมันล้างออก ไม่ได้ แต่สีสามารถล้างออกได้ ตัวเลขเหล่านี้อยู่ในตำแหน่งพิเศษ และยังมีรูปแบบที่เหมือนกันทุกประการ คนที่เพิ่งได้เห็นมันครั้งแรกไม่มีใครคิ เป็นรอยสักหรอก”
อู๋เฮ่าเงียบไปครู่ห ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างช้าึ่ง ๆ “ขอโทษนะ ผมมองว่าลวดลายสีน้ำเงินที่วาดบนร่างกายแบบนี้เป็นรอยสัก …”
“ลวดลายเหรอ” ไป๋อวี้ถังจ้องมองดวงตาทั้งสองของอู๋เฮ่า “ทําไมคุณถึงบอกว่ามันคือลวดลายแทนที่จะเป็นตำแหน่งของตัวเลข” ความสับสนที่ปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่งในแววตาของอู๋เฮ่าไม่อาจรอดไปจากสายตาของไป๋อวี้ถัง เขามองกลับไปที่จั่นเจา จั่นเจาเองก็มองมาที่ ไป๋อวี้ถังเช่นกัน ทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างรวดเร็ว
ไป๋อวี้ถังหันกลับไปมองอู๋เฮ่าอย่างเอาจริงเอาจังแล้วพูดว่า “ผมได้ยินมาว่าคุณเข้ารับการรักษาอาการหลายบุคลิกมาโดยตลอด อีกสองวันทางผู้พิพากษาจะมีการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตเวช หากพวกเขาวินิจฉัยว่าคุณมีความผิดปกติทางจิตจริง คุณก็ไม่ต้องรับโทษจําคุกตลอดชีวิต แต่จะต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชแทน”
อู๋เฮ่าดูเหมือนไม่ค่อยเข้าใจไป๋อวี้ถังว่าทำไมถึงเปลี่ยนหัวข้อในการพูดคุยอย่างกะทันหัน จึงยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรในตอนนี้
“ดูท่าคุณจะกลัวติดคุกนะ?” จั่นเจาถามต่อโดยไม่รีรอให้อู๋เฮ่าได ตอบโต้ใด ๆ
“…ฮ่า” อู๋เฮ่าเหมือนรู้สึกว่ามันน่าขัน “ติดคุกตลอดชีวิต ใครบ้างที่จะไม่กลัว”
“คุณมันไม่เหมือนกัน!” จั่นเจายิ้มแล้วพูดต่อ “ปล่อยให้คนที่เป็น โรคย้ำคิดย้ำทำติดคุก สู้ปล่อยให้เขาตายดีกว่าถูกไหม”
ใบหน้าของอู๋เฮ่าซีดเผือดในทันที จั่นเจาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้แล้วเอ่ยว่า “คุณเป็นคนละเอียดรอบคอบ กฎเกณฑ์และความเป็นระเบียบเรียบร้อยสำหรับคุณแล้วมันมีความสําคัญมาก แต่ในคุกมันไม่มีสิ่งเหล่านี้! ที่นั่นมีเพียงพื้นที่แคบ ๆ! อากาศทีสกปรก! ทุกที่ล้วนมีเชื้อโรค! กล้องวงจรปิด! คุณจำเป็นต้องอยู่อาศัยร่วมกับ คนจํานวนมาก…”
หลังจากได้ยินคําพูดของจั่นเจา อู๋เฮ่าเริ่มรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย เอาแต่ส่ายหน้าตลอดเวลา “พวกเขาทําไม่ได้หรอก…ผมจะไม่ยอมติดคุกจนตาย! ผมป่วย! ต้องได้รับการรักษา …”
“คุณน่ะป่วยแน่นอน!” จั่นเจากัดไม่ยอมปล่อย “คุณมีอาการของโรคย้ำคิดย้ำทำอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้มีอาการกลัวเชื้อโรค วิตกกังวล หวาดผวา…คุณได้ยินเสียงกระซิบข้างหูตลอดเวลา รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองคุณอยู่ทุกซอกทุกมุม ตลอดจนมองเห็นเชื้อโรคที่อยู่รายล้อมเริ่มกัดกินสุขภาพของคุณ …”
“ไม่จริง…ไม่…ผมติดคุกไม่ได้… ผมป่วย” อู๋เฮ่าโวยวายอย่างเสียสติจากนั้นก็เริ่มดิ้นรนที่จะยืนขึ้น ไป๋อวี้ถังเข้าไปขัดขวางเจ้าหน้าที่คุมขังที่พ เข้ามาพร้อมกับกระบองไฟฟ้า ก่อนจะยกขาถีบโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะตัวนั้น กระแทกเข้ากับหน้าอกของอู๋เฮ่า ส่งผลให้เขาหงายหลังกลับลงไปนั่งที่เก้าอี้ในทันที ความเจ็บปวดบริเวณหน้าอกทําให้เขาฟุบหน้ากับโต๊ะ ไออย่าง รุนแรง
“พูดมาสิ!” ไป๋อวี้ถังเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แค็ก แค็ก…พูดเรื่องอะไร” อู๋เฮ่ายังดิ้นรนเฮือกสุดท้าย
“คุณรู้อะไรไหม” จั่นเจาโน้มตัวลงมาอย่างกะทันหัน “ผมเป็นหนึ่งในนักจิตวิทยาที่ดีที่สุดของประเทศนี้ ถ้าหากผมยืนยันผลตรวจทางพยาธิวิทยาว่าคุณไม่ได้มีปัญหาทางจิต คุณลองเดาสิว่าท่านผู้พิพากษาจะว่าอย่างไร”
อู๋เฮ่าเงยหน้ามองจั่นเจาด้วยความหวาดกลัว ไป๋อวี้ถังผลักรูปภาพไปยังด้านหน้าของอู๋เฮ่าอีกครั้ง “คุณมีทางเลือกแค่สองทาง ยอมบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณรู้ หรือเข้าไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ ในคุก…”
ดูเหมือนว่าจะสิ้นหวังแล้ว อู๋เฮ่าส่ายศีรษะอย่างเจ็บปวด ก่อนจะเอ่ยว่า “ผมไม่สามารถ…ไม่สามารถทรยศได้…คนที่ทรยศจะต้องถูก ลงโทษ…”