ฆาตกรหมายเลข 08 หมอ
08
หมอ
กงซุนทําการชันสูตรศพเบื้องต้นเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากห้องขังตรงเข้ามาหาจั่นเจากับไป๋อวี้ถัง
“เป็นยังไงบ้าง” ไป๋อวี้ถังถาม
“เสียชีวิตจากการถูกพิษ” กงซุนถอดถุงมือออก
“ถูกพิษเหรอ” ไป๋อวี้ถังมองไปยังผู้คุมเรือนจําที่อยู่ใกล้ตัว “เขาถูกวางยาพิษได้อย่างไร”
ผู้คุมมีอาการประหม่า “เป็นไปไม่ได้! เขาใส่ชุดนักโทษอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ข้างนอก และไม่มีใครเข้าใกล้เขาเลย …”
“ใจเย็น ใจเย็น…” จั่นเจาให้คนพาผู้คุมเรือนจำที่อยู่ในอารมณ์ตื่นตระหนกออกไปก่อน แล้วหันไปมองไป๋อวี้ถัง “เอายังไงต่อดี” ไป๋อวี้ถังมองสํารวจไปรอบ ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ที่นี่เป็นห้องขังพิเศษที่ถูกปิดตายทั้งหมด แต่ฉันได้ตรวจสอบแผนผังของที่นี่แล้ว ถึงแม้ห้องขังจะถูกแยกตัวออกมา แต่ทางเดินยังคงเชื่อมต่อกันอยู่ หากใครต้องการ มายังห้องของอู๋เฮ่าก็ต้องเดินผ่านห้องขังด้านหน้าทั้งสองห้องนั้นก่ แต่ ปัญหาก็คือ…”
ไป๋อวี้ถังชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดกับจั่นเจา “ดูเหมือนว่าพี่ ๆ น้อง ๆ ที่นี่จะไม่ธรรมดาต้องให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างนายแสดงฝีมือแล้วละ”
อู๋เฮ่าถูกคุมขังอยู่ที่ห้องขังหมายเลข 3 อาคารนี้มีเพียงบันไดแห่งเดียว
ดังนั้นหากต้องการไปยังห้องขังของอู๋เฮ่า จะต้องเดินผ่านห้องขังหมายเลข 1 และ 2 มาก่อน
นักโทษในห้องขังหมายเลข 1 เป็นนักโทษที่กระทําความผิดร้ายแรง ชื่อว่าหลิวเชิน อายุ 39 ปี เขาเป็นโรคจิตเภทขั้นรุนแรง มีอาการ คลุ้มคลั่งและหลงผิด ถ้าหากจะบอกว่านักโทษในห้องหมายเลข 1 เป็น คนบ้าทางบู๊ นักโทษในห้องหมายเลข 2 ก็ต้องเป็นคนบ้าทางบุ๋น เขามีชื่อว่า ฉินเจียฉี เป็นนักเรียนแพทย์ที่มีอายุเพียง 19 ปี ความผิดที่เขากระทำคือ ทำร้ายเพื่อนร่วมห้องขณะที่กําลังนอนหลับอยู่…
ยังคงอยู่ในห้องเยี่ยมพิเศษ ไป๋อวี้ถังดูประวัติอาชญากรรมของนักโทษ ทั้งสองในมือแล้วก็ต้องตะลึงงัน
“จุ๊ ๆ …ฉันว่านะเจ้าแมว นายต้องติดต่อกับคนพวกนี้อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังครองสติได้ถึงขนาดนี้ นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ”
จั่นเจากลอกตาใส่เขา “คนส่วนใหญ่มักเลือกปฏิบัติกับผู้ป่วยจิต แต่นายควรรู้ไว้ว่า ตราบใดที่พวกเขาได้รับการรักษา ก็จะสามารถหายจาก อาการได้เหมือนคนที่เป็นหวัด และกลับมาเป็นคนที่มีสุขภาพสมบูรณ์ คนหนึ่ง!”
ขณะที่กําลังพูดคุยกันอยู่นั้น ประตูห้องเยี่ยมก็ถูกเปิดออก ชาย หัวล้านวัยกลางคนร่างกายกำยำคนหนึ่งเดินเข้ามา โซ่ตรวนและกุญแจ ที่รัดอยู่ทั่วร่างกายบ่งบอกถึงความอันตรายของเขา
เขาลากโซ่ตรวนที่หนักอึ้งอย่างเชื่องช้า แล้วนั่งลงตรงข้ามกับไป๋อวี้ถัง และจั่นเจา เงยหน้าขึ้นมองจั่นเจากับไป๋อวี้ถังด้วยดวงตาทั้งสองที่ขุ่นมัว ก่อนจะ ‘หัวเราะฮ่า ๆ’ ออกมา “คุณสองคนดูดีกว่าตํารวจเหม็นสกปรก ที่ผมเคยเจอมาก่อนมากมาย”
ไป๋อวี้ถังกลับรู้สึกว่าเขาดูปกติกว่าอู๋เฮ่าเล็กน้อย จึงพูดต่อว่า “คุณ คือหลิวเชินใช่ไหม”
หลิวเชินพยักหน้า แล้วชิงพูดขึ้นก่อนที่ไป๋อวี้ถังจะถามต่อ “พวกคุณ อยากถามเรื่องเกี่ยวกับคนในห้องขังหมายเลข 3 ที่ตายวันนี้ใช่ไหม”
จั่นเจาและไป๋อวี้ถังได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็เกิดความประหลาดใจเล็กน้อย
หลิวเชินเห็นดังนั้นก็หัวเราะร่าขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะพูดต่อว่า “ผมเห็นหมอ คนหนึ่งเดินผ่านไป”
“หมอเหรอ” ไป๋อวี้ถังรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาในทันที “หน้าตาเขาอย่างไร คุณเคยเห็นมาก่อนไหม”
“ไม่เคย!” หลิวเชินส่ายหน้าก่อนจะโน้มตัวลงมาข้างหน้า ลดเสียงเบา ลงอย่างมีเงื่อนงำว่า “ผมมองออกว่าเขาไม่ใช่หมอของที่นี่ ผมรู้จักหมอที่นี่ ทุกคน! ผมอยู่มา 8 ปีแล้ว และก็ยังต้องอยู่ต่อไป ที่นี่คือถิ่นของผม”
“คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้เพิ่งมา” จั่นเจาถามโพล่งขึ้นมา หลิวเชินหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง แล้วชี้ไปที่จมูกของตัวเอง “ไม่เหมือน
กัน! กลิ่นไม่เหมือนกัน!”
“กลิ่นเหรอ” ไป๋อวี้ถังทวนซ้ำด้วยความสนใจ
“ถูกต้อง!” หลิวเชินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ทุกคนต่างก็มีกลิ่น
ที่แตกต่างกัน!” ว่าแล้วก็ชี้ไปที่ไป๋อวี้ถัง แล้วพูดเพียงว่า “ตํารวจ” ก่อนจะ ชี้ไปที่จั่นเจา “ผู้เชี่ยวชาญ”
จั่นเจาพยักหน้า “แล้วร่างกายของหมอคนนั้นล่ะ เป็นกลิ่นอะไร” หลิวเชินยิ้มแล้วนั่งลง ก่อนจะชี้ที่ตัวเอง “กลิ่นเดียวกันกับผม…กลิ่นเลือด”
หลังจากที่หลิวเชินออกไปแล้ว ไป๋อี้ถังมองดูจั่นเจาอย่างจริงจังแล้วถามว่า
“นายมั่นใจเหรอว่าเขามีปัญหา ฉันรู้สึกว่าเขาปกติกว่าฉันเสียอีก” จั่นเจาเงียบไม่พูดจา จ้องมองไป๋อวี้ถังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า
“ในที่สุดนายก็รู้ตัวว่าไม่ปกติแล้วเหรอ”
โกรธ!
ก่อนที่เขาสองคนจะเริ่มต้นทะเลาะกันอีกยกหนึ่ง ประตูก็เปิดออกฉินเจียฉีจากห้องขังหมายเลข 2 ก็เดินเข้ามา เขาได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่า หลิวเชินมาก ไม่มีโซ่ตรวนบนร่างกาย แค่สวมชุดคนไข้ลายสีน้ำเงินขาว สลับกันเท่านั้น
เขาดูหวาดกลัว เดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง นั่งลง เงยหน้ามอง
จั่นเจาและไป๋อวี้ถังที่อยู่ตรงหน้าอย่างสั่นเทา เมื่อสบตากับไป๋อวี้ถัง เขา ดูเหมือนจะสะดุ้งตกใจแล้วก้มหน้าลงในทันที ผ่านไปครู่หนึ่งก็เงยหน้าขึ้น มองจั่นเจา คราวนี้เขาไม่ได้สะดุ้งตกใจ แต่กลับยิ้มให้จั่นเจาด้วยความ กระดากอาย
จั่นเจายิ้มกลับให้เขาอย่างเป็นมิตร ทําให้เขาที่กำลังตื่นเต้นได้ ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ไป๋อวี้ถังกําลังจะอ้าปากถาม ก็เห็นจั่นเจาขยิบตาให้ เขาพยักหน้า ปิดปากแน่น ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากสายตาของฉินเจียฉี
“ฉินเจียฉี?” จั่นเจาเริ่มต้นคําถามกับฉินเจียฉีตามลําพัง การออกไปของไป๋อวี้ถังทําให้ฉินเจียฉีผ่อนคลายลงอย่างสิ้นเชิง เขา
พยักหน้าเบา ๆ แต่ยังคงเหลือบมองไปยังไป๋อวี้ถังที่ยืนหันหลังให้ อย่างระมัดระวัง ก่อนถามจั่นเจาเสียงเบาว่า “เขา…จะโกรธไหม”
จั่นเจายิ้มตอบ “ไม่เป็นไรเจียฉี ผมแค่ต้องการถามคุณสักสองสามข้อ คุณต้องตอบคําถามอย่างตรงไปตรงมา ตกลงนะ?”
“ครับ” ฉินเจียฉีพยักหน้ารับอย่างจริงจัง
“วันนี้ตอนช่วงบ่าย คุณเห็นใครแปลก ๆ เดินผ่านห้องคุณไหม”
ฉินเจียฉีพยักหน้า
“ท่าทางของเขาเป็นอย่างไร”
ฉินเจียฉีตื่นตระหนกในทันที ตอบว่า “ซา…ซาตาน”
“ซาตาน?” ไป๋อวี้ถังที่ยืนอยู่ข้างประตูหันมาด้วยความประหลาดใจ ฉินเจียฉีขดตัวลงด้วยความหวาดกลัวในทันที จั่นเจามองไป๋อวี้ถังด้วยความโมโห ไป๋อวี้ถังจึงยกมือขึ้นเป็นการขอโทษแล้วหันหลังกลับไปทันที
“เจียฉี คุณช่วยอธิบายรูปร่างลักษณะของซาตานให้ฟังหน่อย ได้ไหม” จั่นเจาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อืม…” เจียฉีพยักหน้า “เขา…เขาสวมชุดสีขาว มือ…ในมือกําลัง ถือเข็มฉีดยา…เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เดินกลับมาอีก แล้ว เขา…ยังทําสัญลักษณ์มือบางอย่างให้ผม”
“สัญลักษณ์มือแบบไหน”
ฉินเจียฉีแตะนิ้วชี้เข้ากับริมฝีปาก ก่อนจะกระซิบบอกว่า “ชู่ว์…”
ก่อนที่ฉินเจียฉีจะเดินออกไป เขาชี้ไปยังจั่นเจาแล้วพูดว่า “ทูตสวรรค์” จากนั้นจึงชี้ไปที่ไป๋อวี้ถังที่ยืนอยู่ข้างประตู พูดเสียงเบาว่า “มือปราบ ซาตาน” แล้วเดินพึมพําจากไป
จั่นเจาเหม่อลอยอยู่ครู่ ก็เห็นไป๋อวี้ถังหันกลับมานึ่ง ชี้ไปทางประตู แล้วพูดกับเขาว่า “เขาไม่ปกติแน่ ๆ!”