ลู่โจวยืนอยู่ในพื้นที่ระบบสีขาวบริสุทธิ์ เขามองดูช่องเก็บของและครุ่นคิดถึงบางสิ่งอยู่เงียบๆ
หลังจากที่อ่านผลตรวจของเวร่าเมื่อชั่วโมงก่อน เขาเข้าพื้นที่ระบบ ถึงเขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่านี่เป็นที่เดียวที่จะช่วยเธอได้
มะเร็งระยะที่ 4 …
จากสิ่งที่ลู่โจวสามารถบอกได้ ถ้ามันไม่ใช่การตรวจผิดพลาดก็ไม่มีหนทางรักษาสิ่งนี้
แต่เขารู้ว่าเซลล์มะเร็งไม่ใช่ปัญหาสำหรับอารยธรรมล้ำหน้าที่มีเทคโนโลยีด้านชีววิทยาที่สูงส่ง
แต่สถานการณ์ดูไม่ค่อยดีเท่าที่เขาคิดไว้
โล่ไนโตรเจน?
มันไม่มีประโยชน์
ยาเสริมพลังงาน?
เธอต้องการพักผ่อนไม่ใช่สเตียรอยด์
มันมียาความทรงจำเหลืออยู่บ้าง…
แต่ของพวกนั้นไม่มีประโยชน์เลย
ไข่อีสเตอร์?
ลู่โจวเห็นไข่อีสเตอร์สีสดใสนอนอยู่ในช่องเก็บของและแทบแค่นหัวเราะ
มันเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่สุดที่เคยได้มาจากระบบ…
โอเค หนึ่งในสิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่สุด
ลู่โจวปิดช่องเก็บของและมองดูที่แผงลักษณะเฉพาะ
โดยปกติแล้วผู้ป่วยมะเร็งระยะที่ 4 มีเวลาใช้ชีวิตเหลือแค่สามถึงสิบสองเดือน
ถ้าผู้ป่วยมีสุขภาพดีและเข้าร่วมการรักษาก็อาจจะมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น มันมีบางกรณีที่ผู้ป่วยมะเร็งขั้นสูงได้มีชีวิตรอดยาวนานกว่าเจ็ดปี
แต่มันก็เป็นแค่เจ็ดปี
ขั้นตอนการทำคีโมบำบัดตลอดเจ็ดปีนั้นทุกข์ทรมานมาก
ถ้ามันเป็นแบบนั้น พ่อของเธออาจจะพูดถูก
การหยุดความทุกข์ทรมานเป็นเรื่องที่ดีกว่า
แต่พ่อของเธอมีจุดประสงค์ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้…
ลู่โจวปิดช่องเก็บของ แล้วสติของเขากลับสู่โลกปัจจุบัน
เขาจ้องมองเพดานโรงแรมแล้วสูดหายใจเข้าลึกในขณะที่เขากำหมัดแน่น
ฉันเป็นคนรักษาคำพูด
ถึงแม้ว่าระบบจะช่วยเหลือฉันไม่ได้…
ฉันจะช่วยเธอเอง!
…
ลู่โจวเปิดประตูเดินออกจากห้อง
เขาเห็นหวังเผิงอยู่ที่ทางเดิน เขาเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล เขาพูดขึ้น
“มันร้ายแรงแค่ไหน?”
หวังเผิงถามกลับ “คุณพูดถึงเรื่องอะไร?”
ลู่โจวถามต่อ “การทะเลาะวิวาท”
หวังเผิงยิ้มและพูดตอบว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย”
ลู่โจวถาม “แล้วอีริคล่ะ?”
หวังเผิงตอบ “เขาถูกตักเตือนโดยหน่วยความมั่นคงกลางแล้วก็ออกจากโรงพยาบาลไป เขาบอกว่าเขาจะฟ้องร้องคุณ แต่ผมคิดว่าเขาคงแค่พูดข่มขู่”
ทุกอย่างดูเรียบร้อยดี
ลู่โจวพยักหน้าและยื่นมือออกไป
“ผมขอยืมมือถือหน่อย”
หวังเผิงรู้ว่าลู่โจวต้องการอะไร เขาหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเกตด้านใน มันเป็นเครื่องที่แม็กซิมให้ลู่โจวมาเมื่อลู่โจวเพิ่งเดินทางถึงรัสเซีย
ลู่โจวกดปุ่มโทรออกด่วนที่มือถือ
อีกฝ่ายรับสายอย่างรวดเร็ว
“คุณโทรมาหาผมแล้วเหรอ? มีปัญหาอะไรล่ะ?”
ลู่โจวพูดขึ้น “ผมต้องการความช่วยเหลือ”
แม็กซิมถามทันที “โรงพยาบาลไหนล่ะ?”
ลู่โจวพูดตอบ “…คุณรู้ได้อย่างไร?”
แม็กซิมตอบ “โอเค เราจัดการให้ย้ายเธอไปโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในมอสโกแล้ว เธอจะถูกย้ายไปในทันทีที่อาการของเธอคงที่”
นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาทำได้อย่างน้อยที่สุดเพื่อตอบแทนที่ลู่โจวช่วยพวกเขาเรื่องสถานีพลังงานไฟฟ้าฟิวชั่น
ดูเหมือนว่าหน่วยความมั่นคงกลางได้ตรวจสอบระบบกริดพลังงานของรัสเซีย และพบโค้ดอันตรายที่ถูกติดตั้งมานานแล้ว
อย่างไรเสีย มันดีที่แม็กซิมจะตอบแทนความช่วยเหลือ
ลู่โจวนิ่งไปชั่วครู่และพูดว่า “เนื่องจากคุณเต็มใจช่วยเหลือ คุณช่วยผมอีกสักอย่างได้ไหม?”
แม็กซิมขมวดคิ้วและพูดว่า “คุณต้องการอะไร…แม้แต่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในมอสโกก็ทำได้แค่ชะลออาการของเธอและลดความเจ็บปวด การรักษาโดยสมบูรณ์เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ว่าคุณจะพาเธอไปโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก”
ถ้ามันเป็นระดับที่ 2 มันยังพอมีความหวัง
แต่ระยะที่ 4…
สิ่งนี้เป็นปัญหาสุขภาพที่เผชิญโดยชุมชนการแพทย์ทั้งหมด มันไม่สามารถถูกแก้ไขได้ด้วยโรงพยาบาลแห่งเดียว
“ไม่ต้องเป็นห่วง ผมไม่ได้ขอให้คุณช่วยรักษาเธอ” ลู่โจวถอนหายใจและพูดว่า “หลังจากที่อาการของเธอคงที่ให้ย้ายเธอไปที่ปักกิ่ง”
แม็กซิมถาม “ปักกิ่ง?”
ลู่โจวพยักหน้า
“ใช่ครับ ผมจะหาวิธีช่วยเธอเอง”
…
การประชุมดำเนินไปตามตาราง
แต่มันมีบรรยากาศน่าเบื่อในห้องประชุม
โดยเฉพาะหลังจากรายงานของเวร่าในตอนเช้า ผู้ฟังส่วนใหญ่ไม่สามารถเพ่งสมาธิกับการรายงาน ผู้คนกำลังพูดคุยเรื่องนี้ระหว่างช่วงอาหารกลางวันที่โซนบุฟเฟ่ต์
“คุณรู้ไหมว่าเธอเป็นโรคอะไร?”
“ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นลูคีเมีย”
“ลูคีเมีย? อาเจียนเป็นเลือด? ผมได้ยินว่าเป็นมะเร็งทางเดินอาหาร…มะเร็งระยะสุดท้าย!”
“จริงเหรอ?”
“ไม่แน่ใจ มันเป็นข่าวลือ แล้วก็ดูเหมือนว่าชิเงะฟุมิ โมริ และพ่อของเธอทะเลาะกันเพราะว่าพ่อของเธออยากหยุดการรักษาและเอาเงินรางวัล 15,000 ดอลลาร์ไว้กับตัวเอง”
“พระเจ้า ทั้งหมดนี้เพื่อเงินแค่ 15,000 ดอลลาร์แคนาดา…เขาเป็นพ่อเธอจริงเหรอ? ผมแน่ใจว่าเงินเดือนของเวร่าที่พรินซ์ตันมากกว่าแสนดอลลาร์ต่อปี”
“คุณไม่สามารถประเมินค่าความโลภของชายรัสเซียขี้เมาได้หรอก บางทีเขาคิดว่าเงินเก็บของลูกสาวจะเป็นเงินของเขา”
“เฮ้ ไม่ใช่ชาวรัสเซียทุกคนที่โลภมาก”
“โทษที ผมขอโทษ…”
“…”
ลู่โจวกินอาหารอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่สนใจการพูดคุยรอบตัวเขา
ชูลทซ์นั่งอยู่ตรงข้ามเขา ชูลทซ์อยากพูดปลอบเขาเล็กน้อย แต่หลังจากที่เห็นว่าลู่โจวอยู่ในความคิดเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรและรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ
เมื่อลู่โจวกินอาหารเกือบเสร็จ ชูลทซ์พูดโพล่งขึ้นมา
“มีข่าวหนึ่งที่แมทโอเวอร์โฟลว์…ผมเห็นมีคนโพสต์รูป คุณทะเลาะกับใครบางคนที่โรงพยาบาลเหรอ?”
ลู่โจวตอบว่า “คนขับรถของผมเป็นคนชกต่อย อีกคนหนึ่งเป็นคนโจมตีก่อน”
ชูลทซ์พูดต่อ “คุณน่าจะอธิบายให้พวกนั้นทราบนะ”
“ไม่มีอะไรต้องอธิบาย” ลู่โจวปากด้วยผ้าเช็ดแล้วโยนมันลงถังขยะ เขาลุกขึ้นและพูดว่า “ผมไม่มีเวลามารับมือกับคนพวกนั้นหรอก”
มะเร็งได้กัดกร่อนอารยธรรมมนุษย์มาหลายพันปีแล้ว และมันยากกว่าการแก้ไขปัญหาคณิตศาสตร์อย่างมาก
แต่ลู่โจวมีสองตัวเลือก
ลู่โจวไม่ได้อยู่ที่โรงอาหารเป็นเวลานาน เขาเดินตรงไปที่ออฟฟิศชั่วคราวของสมาพันธ์คณิตศาสตร์นานาชาติ เลขาธิการของคณะผู้จัดงานออกไปกินอาหารกลางวัน แต่ผู้ช่วยของเขาอยู่ที่นั่น
ผู้ช่วยเห็นว่าลู่โจวกำลังเคาะประตู เขาวางช้อนส้อมลงและเช็ดปาก
“ศาสตราจารย์ลู่ที่รัก มีอะไรให้ผมช่วยเหรอ?”
“ไม่เป็นไรครับคุณกินต่อไปเถอะ ผมมานี่เพื่อถามคำถามเดียว” ลู่โจวพูดตอบ “ไวท์บอร์ดที่ห้องบรรยาย 7 ยังอยู่ที่นั่นไหม?”
ผู้ช่วยรีบตอบ
“มันอยู่ที่นั่น…แต่ห้องบรรยายถูกระงับหลังจากเกิดเหตุ”
ลู่โจวถาม “ขอผมดูได้ไหม?”
ผู้ช่วยดูมีปัญหาเล็กน้อย
“เลขาธิการอยากปิดห้องบรรยายไป รอให้การประชุมเสร็จสิ้น และติดต่อกับโรงแรมเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้น…ถ้าคุณอยากเห็นเนื้อหาบนบอร์ด การรายงานถูกบันทึก คุณสามารถ—”
ลู่โจวพูดอีกครั้ง และครั้งนี้เขาพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง
“พาผมไปดูหน่อย ไว้ผมจะอธิบายกับท่านเลขาธิการเอง”
ผู้ช่วยลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะพยักหน้า
“รับทราบครับ”
……………………………………………………………………
Related