ณ โรงพยาบาลเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
หญิงสาวที่น่าสงสารนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลสีขาว ผมสีบลอนด์สลวยของเธอสีซีดจางลงไป
แต่เธอนอนหลับอย่างสงบสุข
ลู่โจวนั่งอยู่ข้างเตียงของเธอ เขานั่งอ่านหนังสือเล่มหนาในมืออย่างเงียบๆ
“ถึงแม้ว่าธีสิสแปดหน้าจากสมาคมวิทยาศาสตร์ปรัสเซียนในเมืองเบรสเลนซ์ได้พลิกโฉมหน้าคณิตศาสตร์ไปสำหรับหนึ่งร้อยห้าสิบปีข้างหน้า พระเจ้าที่เขาบูชาไม่ได้ความอมตะกับเขา
นักคณิตศาสตร์ยิ่งใหญ่ผู้ล่วงลับ อาเบล มีชีวิตอันสั้นเพียงแค่ 39 ปี 10 นาที เขาเสียชีวิตที่เมืองริมทะเลสาบในอิตาลีเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1866
จากคำบอกเล่าของเพื่อนสนิทของเขา เดดคิน เขานั่งสำรวจโลกแห่งคณิตศาสตร์อยู่ที่ใต้ต้นไม้ เมื่อหนึ่งวันก่อนเขาจากไป เขาเขียนสิ่งนี้ไว้ในสมุดบันทึก—
เมื่อช่วงเวลานั้นมาถึง เขาไม่ได้แสดงท่าทีทุกข์ทรมานก่อนที่เขาเสียชีวิต แต่มันดูเหมือนว่าเขากำลังมีความสุขที่รู้สึกว่ากายและวิญญาณกำลังแยกส่วนจากกัน ภรรยาของเขานำขนมปังและไวน์มาให้ และเขาบอกให้เธอจุมพิตลูกๆ สวดมนต์เผื่อเขา แต่เขาไม่สามารถพูดได้อีกต่อไป เมื่อเขาไม่สามารถพูดได้อีก เขาเงยหน้าขึ้นฟ้า และภรรยาของเขารู้สึกว่ามือของเขาเย็นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งหัวใจของเขาหยุดเดินในที่สุด…
สำหรับอัจฉริยะสุดเพี้ยนที่มองเห็นโลกในมุมมองที่แปลกออกไป จักรวาลมักทำตัวโหดร้ายใส่
เวลใช้เวลาอีกครึ่งชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน ในปี 1959 สุนทรพจน์ของแนชที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเกี่ยวกับข้อพิสูจน์ของสมมติฐานรีมันน์เป็นจุดเริ่มต้นของอาการจิตเภท ในยุคปีเจ็ดศูนย์ สมมติฐานของรีมันน์เป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้ก็อตเทนดิ๊กหนีออกจากบ้าน…
…แต่เป็นเพราะการเสียสละพวกนี้ เราจึงสามารถเห็นจักรวาลในแบบที่พิเศษได้
ไม่ว่าบุคคลนั้นจะพิสูจน์ได้ในที่สุดได้ว่ามันจะเป็นอมตะ มีเรื่องหนึ่งที่แน่นอนคือประวัติศาสตร์จะจดจำทุกคนที่ได้ส่งต่อคบเพลิงนั้น ความยิ่งใหญ่จากการที่ได้รับมงกุฎสุดท้ายไปอาจตกเป็นของคนคนเดียว แต่ความเกรียงไกรของสมองมนุษย์เป็นของทุกคน…”
ทันใดนั้น ขนตาของหญิงสาวคนนี้กระตุก
ลู่โจวสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อยนี้ เขาปิดสมุดและมองดูหน้าซีดเซียวของเธอ
ทันใดนั้นทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
ดวงตาสีไพลินค่อยๆ ลืมขึ้น และหันมาสบตากับลู่โจว
แก้มของเธอแดงขึ้น และเธอรีบเบือนหน้าหนี
ลู่โจวหลุดขำและวางหนังสือไว้ที่โต๊ะข้างเตียง
เขาถามว่า “คุณฟื้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เวร่าหน้าแดงและพูดว่า “คุณเห็นด้วยเหรอ?”
ลู่โจวตอบ “ผมสังเกตเห็นระหว่างที่ผมอ่านเรื่องของศาสตราจารย์รีมันน์”
“ขอโทษ…”
ลู่โจวมองดูเวร่าและพูดต่อ
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษเลย”
เวร่ามองดูเขาและพูดว่า
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันอยากขอโทษเรื่อง…รายงานของฉัน”
ลู่โจวยิ้มให้สาวที่จริงใจและพูดด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม
“คุณไม่ได้ทำอะไรผิด คุณทำดีแล้ว ไม่มีนักวิชาการคนไหนจะทำงานนี้ได้ดีกว่า ถ้าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์เดียวกันแม้กระทั่งตัวผมเอง”
ความอัจฉริยะเป็นสิ่งพิเศษที่เกิดขึ้นกับไม่กี่คน แต่ความกล้าหาญและความเพียรมาจากการตั้งใจทำงานหนัก
มีไม่กี่คนที่มีทั้งสองคุณสมบัติ
เธอควรภูมิใจในตัวเอง
ทันใดนั้นทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
มีเสียงเดียวในห้องคือเสียงนาฬิกาที่เดินอยู่บนกำแพงเงียบๆ
เสียงนาฬิกาเดินแผ่วเบาดูเหมือนเคาท์ดาวน์วินาทีที่หญิงสาวมีเหลืออยู่
แต่ด้วยเหตุผลบางประการลู่โจวไม่ดูเศร้าโศกหรือเจ็บปวด
เวร่ามีความสุขที่ได้เห็นสิ่งนี้
อารมณ์ความรู้สึกเป็นสิ่งที่แพร่ต่อกันได้
สิ่งที่เธอกลัวจริงๆ นั่นไม่ยมทูต แต่เป็นคนที่เป็นห่วงความทุกข์ทรมานในช่วงวันสุดท้ายของเธอ
มันไม่มีเหตุผลที่ต้องเสียใจในเรื่องที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ชีวิตของทุกคนต้องไปถึงจุดจบ มันก็แค่ว่าสำหรับเธอ วันนั้นมาถึงเร็วกว่าคนส่วนใหญ่
เธอรู้สึกซาบซึ้งใจที่คณิตศาสตร์ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ รางวัลเหรียญทอง IMO ทำให้เธอได้รับข้อเสนอจากเบิร์กลีย์ซึ่งทำให้เธอได้หลีกหนีจากครอบครัวของเธอที่ย่ำแย่ ทำให้เธอมีโอกาสได้พบกับคนดีๆ หลายคน…
รวมทั้งลู่โจว
เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นจากคณิตศาสตร์ ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจบลงด้วยคณิตศาสตร์
ทุกอย่างกำลังดำเนินไปครบวงโคจร
อย่างน้อยเธอได้มีความสุขกับบรรยากาศอบอุ่นในช่วงวันสุดท้าย
สำหรับคำสัญญาเหรียญฟิลด์ เรื่องนี้ไม่ได้มีค่าอะไร
“เอ่อ…”
ลู่โจวถาม “คุณต้องการอะไรไหม?”
เวร่าสูดหายใจเข้าลึกและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อน
“…ฉันขอโทษที่ปิดบังเรื่องนี้จากคุณ ตอนที่ฉันไปตรวจครั้งแรก ฉันรู้สึกว่า…โลกของฉันกำลังแตกสลาย”
ลู่โจวพยักหน้าและพูด
“ผมเข้าใจ แต่มันมีเรื่องที่คุณไม่ควรเก็บมันไว้คนเดียว”
เวร่าอยากจะพูดว่าเธอไม่อยากทำร้ายผู้คนรอบตัวเธอ
แต่ลู่โจวไม่ได้ปล่อยให้เธอพูด
เพราะลู่โจวรู้อยู่แล้วว่าทำไมถึงจึงปิดเรื่องนี้กับทุกคน
“โอเค เรื่องนั้นพอแล้ว แล้วก็คุณไม่ต้องขอโทษ มาคุยเรื่องที่ดีต่อใจกันดีกว่า”
“…ดีต่อใจ?”
“ใช่ครับ” ลู่โจวพยักหน้า เขาหยิบกองกระดาษออกมาราวกับว่าเล่นกลและพูดว่า “เรื่องมันยังไม่จบ ทุกจุดเชื่อมต่อกันได้เพราะหญิงสาวที่สวยงามคนนี้
สุดท้ายแล้วการสำรวจไม่มีที่สิ้นสุดได้จบลง จริงๆ แล้ว ทุกคนมาถึงเส้นชัยพร้อมกัน มีความแตกต่างเดียวคือทุกคนได้ประสบกับสิ่งที่แตกต่างกัน”
ลู่โจวยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“ผมพูดนอกเรื่อง…
พูดง่ายๆ คือว่าผมพิสูจน์สมมติฐานของรีมันน์แล้ว”
ถึงแม้ว่าชุมชนวิชาการยังไม่ได้ประเมินธีสิสของเขา ระบบได้รับรู้ถึงข้อพิสูจน์แล้ว และมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ทันทีที่เขาพูดจบ บรรยากาศในวอร์ดเงียบสนิท
เธอตาเบิกกว้างและเริ่มร้องไห้
มือเล็กของเธอกำผ้าห่มแน่น เธออยากลุกขึ้นยืน แต่เธออ่อนแอเกินไป ปากของเธอสั่นในระหว่างที่เธอพูด
“จริงเหรอ?”
พยาบาลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เขม็งตามองลู่โจวและพูดว่า “คุณคะ กรุณาอย่าพูดอะไรที่จะทำให้ผู้ป่วยตื่นตระหนก ไม่เช่นนั้นเราต้องขอให้คุณออก—”
แต่ลู่โจวไม่ได้ใส่ใจพยาบาลคนนี้เลย เธอมองดูลู่โจวอย่างตื่นเต้นและพูดว่า
“ไม่ มันโอเค เล่าให้ฟังหน่อย! คุณพิสูจน์ว่าเส้นโค้ง Re(s)=1-c/ln[|Im(s)|+2] รวมไปถึง 1 ระหว่างที่ S เข้าใกล้จำนวนอนันต์ได้อย่างไร! ฉันลองทุกอย่างที่ทำได้ แต่—”
ลู่โจวรู้ว่าเวร่าจะพูดแบบนี้ เขายกมือขึ้นบอกให้เธอใจเย็นลง
“ผมจะเล่าให้คุณฟังแต่คุณต้องใจเย็นก่อน ไม่เช่นนั้นพยาบาลใจดีคนนี้จะไล่ผมออกไป”
พยาบาลอมยิ้มอย่างภูมิใจและพยักหน้า
เวร่าใจเย็นลงและนอนนิ่งที่เตียงโรงพยาบาล ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความอยากรู้
ลู่โจวกระแอมและเหลือบมองธีสิสในมือ
“จากความช่วยเหลือของคุณผมได้ไขบางเรื่องสำเร็จในที่สุด คำตอบสำหรับคำถามของคุณสามารถอ่านได้ในบทความนี้”
เวร่าพูดกระซิบ “คุณอ่านให้ฉันฟังได้ไหม?”
ลู่โจว “ไม่ครับ”
ดวงตาสีไพลินของเธอเริ่มมีน้ำตา และเธอพูดเสียงแผ่วเบากว่าเดิม
“งั้น…ขอฉันอ่านได้ไหม?”
ลู่โจว “ไม่ครับ”
ตาของเวร่าเบิกกว้างและเธอมองดูลู่โจวอย่างไม่เชื่อสายตา
“ทำไมเหรอ?”
ลู่โจวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณต้องสัญญาสิ่งหนึ่งกับผมก่อน จากนั้นคุณสามารถอ่านมันได้มากตามที่ต้องการเลย”
เวร่ารู้สึกงง และเธอถามว่า “อะไรเหรอ…?”
ลู่โจวหักห้ามใจไม่แบ่งปันข้อพิสูจน์ของเขาและวางงานวิจัยลง
“ไปปักกิ่งกับผม
ผมจะเล่าทุกอย่างให้ฟังที่นั่น”
…………………………………….
Related