ณ สนามบินนานาชาติเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
ศาสตราจารย์ครุกแมนและอัลเบิร์ทกำลังรอขึ้นเครื่องบิน และเขาทั้งสองดูเหนื่อยล้ามาก
งานประชุมคณิตศาสตร์นานาชาติเสร็จสิ้นมาแล้วหนึ่งสัปดาห์
หลังจากพิธีปิดจบลง ทั้งสองไม่ได้เดินทางออกจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในทันที
ท้ายที่สุดแล้วเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเป็น ‘เมืองแห่งคณิตศาสตร์’ ที่โด่งดังในยุโรปตะวันออก สถาบันวิจัยคณิตศาสตร์ระดับท็อปหลายแห่ง อย่างเช่น สถาบันสเตคลอฟเพื่อคณิตศาสตร์ ต่างตั้งอยู่ในเมืองนี้
ศาสตราจารย์สองคนนี้ไปเยือนสถาบันคณิตศาสตร์พวกนี้เพื่อหวังจะเชื้อเชิญนักวิชาการที่มีความคิดคล้ายคลึงกัน สองคนนี้ยังพยายามชวนเพเรลมานหลายครั้งเพื่อให้ร่วมโปรเจกต์ใหญ่
แต่หลังจากการรายงาน 60 นาทีที่งานประชุม ICM เพเรลมานได้กลายเป็นคนประหลาดยิ่งกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้เขาคงจะตอบคำถามสองคนนี้อย่างใจเย็น แต่ตอนนี้เขากลับลังเลที่จะให้พวกเขาเข้าอพาร์ทเมนท์
เวลาพักผ่อนของพวกเขาถูกใช้จนหมด พวกเขาอยู่ที่นี่ไปตลอดไม่ได้
ดังนั้นหลังจากที่ทั้งสองเชิญชวนใครไม่สำเร็จในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ทั้งสองจึงตัดสินใจกลับอเมริกาและพิจารณาขั้นตอนต่อไป
ถ้าไม่มีอะไรได้ผล พวกเขาจะลดเกณฑ์ในการหานักวิชาการเพื่อร่วมงานด้วย หรือพวกเขาอาจจะทำโปรเจกต์วิจัยมากขึ้นและชวนคนมาร่วมหลังจากที่มีความก้าวหน้าไปบ้าง
“…น่าเสียดายที่ศาสตราจารย์ลู่กลับไปก่อน ผมคิดว่าเขาน่าจะสนใจในแผนของเราอยู่นะ” ศาสตราจารย์ครุกแมนพูดขึ้นกะทันหัน เขามองดูเทอร์มินัลสนามบินและพูดว่า “ถ้าอุบัติเหตุนั้นไม่เกิดขึ้นและเราพยายามชวนเขามากกว่านี้ เขาอาจจะตอบตกลงก็ได้”
“อืม…ผมคิดเหมือนกัน” อัลเบิร์ทถอนหายใจ เขายกมือขึ้นมาดูเวลาที่นาฬิกา เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้และพูดว่า “เที่ยวบินของผมกำลังจะต้องบอร์ดแล้ว…แล้วเจอกันนะ”
“ดูแลตัวเองด้วย ไว้คุยกันผ่านอีเมล”
“อ่าฮะ”
มหาลัยสแตนฟอร์ดอยู่ที่ฝั่งตะวันตกซึ่งอัลเบิร์ททำงานเป็นศาสตราจารย์เยือนที่ศูนย์ชีววิทยามะเร็งระบบ พรินซ์ตันซึ่งเป็นที่ทำงานของครุกแมนอยู่ที่ฝั่งตะวันออกซึ่งห่างไปหลายโซนจากแคลิฟอร์เนีย
หลังจากที่เพื่อนขึ้นเครื่องไป ครุกแมนหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาเริ่มอ่าน
แต่เมื่อเขาเหลือบมองพาดหัวข่าว เขารู้สึกอึ้ง
“…การพักตัวแช่แข็ง?”
เขาหยิบหนังสือพิมพ์อีกฉบับขึ้นมา
พาดหัวข่าวนั้นเหมือนกัน!
ครุกแมนรู้สึกฉงนใจ
เขาดันแว่นตรงร่องจมูกให้เข้าที่ เขาอ่านบทความพาดหัวข่าวอย่างละเอียด เขารู้สึกช็อกและเหลือเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด เขาอดไม่ได้ที่จะพูดกระซิบออกมา
“นี่มัน…บ้าไปแล้ว”
การพักตัวแช่แข็ง!
เดินทางไปอนาคตเพื่อการรักษา!
นี่เป็นเรื่องที่บ้าที่สุดในปีนี้ที่ได้ยินมา!
ก่อนหน้านี้เขาได้ยินมาบ้างว่าลู่โจวย้ายพุลยุยไปจีน แต่เขาไม่คาดคิดว่ามันเป็นไปด้วยสาเหตุนี้
แต่…
เขาสนใจในตัวเทคโนโลยีพักตัวแช่แข็งมากกว่าสุขภาพของพุลยุย
สิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงธีสิสเรื่องทฤษฎีการแลกเปลี่ยนข้ามจักรวาลที่เขาเขียนเมื่อนานมาแล้ว ในบทวิจัยเขาอ้างอิงว่าธุรกรรมการเงินทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับมิติของเวลา
ถ้ามนุษย์สามารถเดินทางข้ามเวลาได้ ตลาดการเงินจะได้รับผลกระทบอย่างมาก ผู้คนมีแนวโน้มจะถือทรัพย์สินรายได้ที่มั่นคงและมีระยะยาว แทนที่จะลงทุนกับผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงและผลตอบแทนสูง เพราะว่าเวลาไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว ค่าการรอคอยก็ลดลง…
ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีคนฝากเงินหมื่นดอลลาร์กับกองทุน ด้วยอัตราต่อปี 4% จากการคำนวณดอกเบี้ยทบต้น เมื่อผ่านไป 50 ปี พวกเขาจะมีเงิน 7 หมื่นดอลลาร์ในบัญชี!
เงินจำนวนนี้จะเพิ่มขึ้น 7 เท่า!
ถ้าเกิดระยะเวลาเพิ่มขึ้นเป็น 100 ปี…
“สิ่งนี่เป็นระเบิดนิวเคลียร์ทางการเงิน…” ครุกแมนพูดพึมพำกับตัวเองในระหว่างที่เขาพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ เขาพูดว่า “ผมเกรงว่านาสดากวันพรุ่งนี้และตลาดหนี้โลกจะปะทุได้อย่างมาก…”
มันอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องการเงิน…
พลังของมันไม่สามารถถูกค่าได้โดยมูลค่าทางการเงิน
ความเท่าเทียมกันมีอยู่ในระหว่างผู้คนจากการหนี้ไม่พ้นจากการเกิด เจ็บ และเสียชีวิต ไม่ว่าจะรวยหรือจน คนทั่วไปหรือกษัตริย์ ไม่มีใครสามารถหนีพ้นได้จากความแน่นอนของชีวิต
แต่เทคโนโลยีการพักตัวแช่แข็งจะทำลายความเท่าเทียมนี้โดยไม่ต้องสงสัย
ดูเหมือนว่าสมดุลของความตายกำลังจะถูกทำลาย…
ถ้ามีคนสามารถอยู่ในยูโทเปียในอนาคตได้ ทำไมพวกเขาอยากอยู่ข้างหลังและสร้างยูโทเปียนี้ล่ะ?
คนที่โชคดีจำนวนหนึ่งจะเริ่มก้าวแรกสู่ความอมตะ มนุษยชาติจะค่อยๆ ก้าวสู่โลกแห่งความไม่เท่าเทียม
เทคโนโลยีที่ดูไร้เดียงสานี้จะมีผลกระทบต่อสังคมในภาพรวมมากกว่าฟิวชั่นที่ควบคุมได้ มันไม่ใช่การกล่าวเกินจริงว่ามันสามารถพลิกโฉมมนุษยชาติทั้งมวลได้
จากมุมมองด้านสังคมวิทยา มันไม่ใช่เครื่องจักรเผาไหม้หรือเครื่องจักรไอน้ำ มันเทียบเท่ากับการประดิษฐ์การตีพิมพ์
การกำเนิดของมันจะกรุยทางให้เหตุการณ์ใหญ่ที่ทรงอิทธิพลและมีพลังมากกว่า ‘ยุคเรืองปัญญา’ หรือ ‘ปฏิวัติฝรั่งเศส’ การปฏิวัติครั้งนี้จะดำเนินต่อไปจนกระทั่งมีการใช้ข้อกำหนดกับเทคโนโลยีใหม่นี้
และกระบวนการนี้มันน่าเกลียด
ความคิดนี้อาจจะดูแง่ร้ายเกินไป ยิ่งผู้คนร่ำรวยมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งระวังในการชั่งใจสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบรับ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ด้วยเหตุผล การเสี่ยงที่จะไม่ได้ตื่นขึ้นนั้นแย่กว่าการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายตอนนี้
ท้ายที่สุดแล้วถ้านักธุรกิจยุคศตวรรษที่ 19 ถูกพามาศตวรรษที่ 21 เขาคงจะสับสนกับผลิตภัณฑ์การเงินใหม่และกฎการซื้อขายระดับโลก เขาคงจะเอาตัวรอดไม่ได้
อย่างไรเสียในยุคของชายคนนั้นธุรกิจที่ได้กำไรคือการปล้นอาณานิคมและการทิ้งขยะอุตสาหกรรม สิ่งเหล่านั้นเปลี่ยนไปแล้ว
มีแต่คนที่ไม่สามารถซื้อตั๋วไปอนาคตที่จะคิดถึงการทำเรื่องเสี่ยงอย่างการเข้าสู่สภาวะพักตัว
ในอีกแง่หนึ่ง การเอาชีวิตรอดเป็นความสำคัญลำดับสูงสุดของสิ่งมีชีวิต ถึงจะไม่มีใครใช้เทคโนโลยีนี้ในตอนนี้ สักวันหนึ่งจะมีคนเปิดกล่องแพนโดร่าออกมา
มันเป็นโปรเจกต์วิจัยที่ค่อนข้างน่าสนใจ
มันน่าสนใจที่ครุกแมนเกือบอยากจะหยุดพักโปรเจกต์วิจัยตอนนี้
ศาสตราจารย์ครุกแมนกลั้นหายใจและถูมือ
มันมีสิ่งเดียวที่เขาอยากทำตอนนี้
ซึ่งคือการกลับไปออฟฟิศในตอนนี้ จัดระเบียบความคิดของเขา และเขียนพวกมันในรูปแบบของธีสิส…
อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นจากสิ่งนี้
อย่างเช่น…
เขาอาจจะได้รับขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งการเรืองปัญญาครั้งใหม่?
น่าตื่นเต้นจริงๆ
………………………………..