มีคนจำนวนหนึ่งโกรธเกรี้ยวกับการวิจัยของสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง
ซึ่งรวมทั้งสเปซเอ็กซ์และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
ในช่วงกลางปีที่แล้วนาซาได้ให้เงินกลุ่มนี้ปริมาณหนึ่งเพื่อทำการวิจัยเทคโนโลยีการพักตัวแช่แข็ง พวกเขาเพิ่งค้นพบในไม่นานมานี้ว่าแบคทีเรีย X-0172 มีความสามารถในการปกป้องเซลล์ แต่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงได้คิดค้นเทคโนโลยีการพักตัวแช่แข็งของตัวเองได้แล้ว…
สำนักงานใหญ่ซิลิคอนแวลลีย์
อีลอน มัสก์กำลังอ่านหนังสือพิมพ์และกล้ามเนื้อบนใบหน้าเขากระตุก
[ความก้าวหน้าครั้งใหม่ของเทคโนโลยีการพักตัวแช่แข็ง รักษาผู้ป่วยร้ายแรงโดยการเดินทางไปอนาคต!]
เขาคิดว่าเขาได้เปรียบในการวิจัยด้านนี้ และสามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันโดยตรงกับสตาร์สกายเทคโนโลยี ท้ายที่สุดแล้วสเปซเอ็กซ์มีประสบการณ์ด้านการวิจัยและพัฒนาสะสมมากว่าหนึ่งทศวรรษ
ใครจะไปคิดว่ามีคนใกล้ตัวลู่โจวมีมะเร็งร้ายแรง…
เวรเอ๊ย ถ้าเกิดลู่โจวเป็นคนที่มีมะเร็งนะ!
แต่ว่าถึงอีลอนจะสาปส่งมากแค่ไหน มันไม่มีประโยชน์
สตาร์สกายเทคโนโลยีได้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีการพักตัวแช่แข็ง สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ตอนนี้คือตามเศษขนมปังที่ลู่โจวทิ้งไว้…
มีเสียงเคาะดังที่ประตู
มัสก์ขานรับและเห็นเลขาเดินเข้ามา
“เดวิด ลอว์เรนซ์ อยากนัดพบคุณ”
มัสก์วางหนังสือพิมพ์ลงและมีสีหน้าแปลกใจ
“เจอผม? ลูกชายตระกูลลอว์เรนซ์เหรอ?”
เลขาของเขาพยักหน้า “รู้ไหมว่าเราพยายามขอเงินทุนสำหรับโปรเจกต์อวกาศ แต่ธนาคารพวกนี้ไม่ค่อยมีหวังในพวกเรา แต่ตอนนี้เขาอยากพบกับคุณ”
“เขาอยากพบกับผม…” มัสก์พูดในขณะที่เริ่มครุ่นคิด
เขาไม่ค่อยเชื่อว่าเดวิด ลอว์เรนซ์ สนใจในสเปซเอ็กซ์ ก็มันเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว
แต่เหมือนกับที่เลขาของเขาพูด สเปซเอ็กซ์ต้องการเงิน และเป็นเงินจำนวนมากด้วย ด้วยวัยนี้แล้วเงินเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ฝันเป็นจริงได้ ดังนั้นการนัดพบครั้งนี้หมายถึงโอกาสครั้งใหญ่…
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่จริงใจ
เขาก็คงต้องลองดู
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก อีลอนพูดขึ้นว่า
“บอกเขาว่าผมจะพบเขา…เขาอยากพบกับผมเมื่อไหร่ล่ะ?”
เลขาตอบว่า “บ่ายนี้ครับ”
ทันใดนั้น คิ้วของมัสก์นั้นกระตุก แต่เขาสูดหายใจเข้าลึกและใจเย็นลง
“…เตรียมเครื่องบินเจ็ทให้พร้อม ผมจะบินไปบอสตันบ่ายนี้”
เลขาของเขาพยักหน้า
“ครับ”
หลังจากที่บินไปถึงบอสตัน ในที่สุดอีลอนมาถึงอาคารบอสตันไฟแนนเชียลกรุ๊ป
อีลอนเดินเข้าห้องประชุมและมองดูชายที่นั่งอยู่เงียบๆ หลังโต๊ะประชุม เขากระแอมขึ้นแล้วกำลังจะเริ่มพูด แต่ชายคนนั้นพูดขึ้นก่อน
“ยินดีต้อนรับสู่บอสตัน คุณมัสก์ ผมดีใจที่คุณตอบรับคำเชิญ เชิญนั่งลงครับ”
ถึงเขาฟังดูไม่จริงใจหรือกระตือรือร้น อีลอนก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาเป็นหนึ่งในผู้นำบอสตันไฟแนนเชียลกรุ๊ป เขาเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลที่สุดในสหรัฐอเมริกา
แม้ว่าอีลอนเป็นประธานและเจ้าของสเปซเอ็กซ์และเทสลา เขาก็มีทรัพย์สินเพียงหนึ่งในสิบของบอสตันไฟแนนเชียลกรุ๊ป
มันไม่ใช่การพูดเกินจริงเลย
ในความเป็นจริง มันเป็นการประเมินเพียงคร่าวๆ
“ผมได้ยินมาว่าคุณอยากคุยกับผมเกี่ยวกับโครงการอวกาศสเปซเอ็กซ์ ผมจึงมาที่นี่” อีลอนพูดขึ้น “คนแบบคุณซึ่งกล้าหาญและเต็มไปด้วยจินตนาการหายากขึ้นเรื่อยๆ”
เดวิด ลอว์เรนซ์ยิ้มเบาๆ ให้ และพูดต่อ “ใช่ครับ ผมสนใจโครงการอวกาศของคุณ ผมเชื่อว่าอนาคตของเราอยู่ที่ดวงดาว…แต่ก่อนที่จะคุยเรื่องนั้นกัน ผมอยากถามคำถามหนึ่งที่น่าสนใจ ผมเห็นคำถามนี้ในหนังสือพิมพ์บอสตันเดลี่”
“คำถามอะไรหรือครับ?” อีลอนพูดพร้อมรอยยิ้ม เขาจ้องมองเดวิดและพูดว่า “ถ้ามันทำให้คุณสนใจ มันคงต้องเป็นคำถามที่น่าสนใจ”
เดวิด ลอว์เรนซ์และตอบว่า “ถ้าคุณเดินทางไปอนาคตได้ คุณจะไปไหม?”
อีลอนนิ่งไปชั่วครู่ เขาไม่คิดว่าคำถามจะไม่เกี่ยวกับเรื่องการบินและอวกาศ
เดวิดพบว่าเขาไม่ได้อธิบายคำถามอย่างเหมาะสม เขาจึงพูดว่า “แน่นอนว่าคุณจะยังคงเป็นประธานสเปซเอ็กซ์ และสเปซเอ็กซ์จะไม่ล้มละลายในอีกร้อยปีข้างหน้า”
อีลอนครุ่นคิดถึงมันสิบวินาทีและพูดว่า
“สิ่งของคร่ำครึในอดีตไปอนาคตจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? เราสามารถใช้ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ศตวรรษที่ 18 เพื่อแก้ไข้วิกฤตหนี้สินในศตวรรษที่ 21 ได้ด้วยเหรอ? หรือให้คนสอนวิธีไปดวงจันทร์ให้?
แล้วสิทธิ์การส่งมอบทรัพย์สินล่ะ ผมไม่เห็นข้อดีของเรื่องนี้เลย
แน่นอนว่านี่เป็นการพิจารณามันโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของสเปซเอ็กซ์”
“…เข้าใจได้”
เดวิดพยักหน้าแต่ไม่ได้ให้ความเห็นของตัวเอง
ถ้าเป็นเขา เขาคงจะไม่อยากเดินทางไปอนาคต ถึงแม้ว่ามันการันตีว่าเขาจะตื่นขึ้นมา
ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เขาจะได้เป็นผู้นำของตระกูลลอว์เรนซ์ การไปอนาคตนั่นหมายความว่าอำนาจและความร่ำรวยของเขาไม่ได้รับการันตี
วิธีการเดียวที่จะรักษาอำนาจในครอบครัวตลอดไปคือการศึกษา
แต่…
สำหรับตัวเขาเอง การเดินทางข้ามเวลาค่อนข้างน่าสนใจ
นั่นหมายความว่าเขาจะใช้ชีวิตได้นานขึ้นในอนาคต และเขาจะได้ทำสิ่งที่ยังไม่สามารถทำได้มาก่อน
แต่เขาต้องประเมินความเสี่ยง…
เดวิดถูมือกับที่พักแขนของเก้าอี้
ทันใดนั้น เขาพูดกับอีลอน
“พวกคุณจะใช้เวลานานแค่ไหนเพื่อไขเทคโนโลยีการพักตัวแช่แข็ง?”
เมื่อมัสก์เจอกับคำถามกะทันหันนี้ มัสก์ลังเลอยู่ในใจชั่วครู่ก่อนที่เขาจะตอบคำถามอย่างจริงใจ “ผมไม่รู้…อาจจะเป็นห้าปี หรืออาจจะนานกว่านั้น…เทคโนโลยีการพักตัวแช่แข็งเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่เราทำงานร่วมกับจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน มันไม่ใช่การโฟกัสของเรา การโฟกัสโมเดลธุรกิจของเราตอนนี้ยังอยู่ที่ยานอวกาศทรัสต์ขนาดใหญ่และอุปกรณ์ช่วยชีวิต—”
เดวิดพูดขัดเขาขึ้นว่า “นับตั้งแต่ตอนนี้ มันจะเป็นการโฟกัสหลักของคุณ ผมจะลงทุนกับมันพันล้านดอลลาร์”
อีลอนกลั้นหายใจ
พันล้าน!
ถึงแม้ว่าเทสล่ามีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ มันเป็นแค่มูลค่าทางการตลาด มันไม่ใช่เงินสด
“ผมมีเพียงแค่เงื่อนไขเดียว ผมไม่สนใจว่าผมจะจ่ายเงินไปเท่าไหร่ สิ่งที่สำคัญคือการรับประกันความปลอดภัยของเทคโนโลยี มันสามารถการันตีได้ไหม?”
อีลอนลังเลและตอบว่า “ในทางทฤษฎีมันสามารถทำได้…ในความเป็นจริง เรามีเทคโนโลยีที่สามารถรับประกันความปลอดภัยของปฏิบัติการพักตัวแช่แข็ง แต่เราต้องใช้เวลาเพื่อค้นคว้าและพัฒนามัน”
เดวิดยิ้มและพูดว่า “โอเคครับ…ผมไม่รีบ”
มัสก์ถามว่า “ผมขอถามอะไรได้ไหม?”
เดวิดตอบ “เชิญครับ”
มัสก์ลังเลก่อนที่จะถามว่า “คุณ…วางแผนจะเดินทางไปอนาคตไหม?”
“ไม่ใช่ตอนนี้”
เดวิดหันหลังแล้วมองออกนอกหน้าต่าง เขาหันหลังให้กับอีลอน
เขามองดูเงาตัวเองในกระจกรวมไปถึงขอบฟ้าของบอสตันก่อนที่จะพูดกระซิบกับตัวเอง “แต่ใครจะไปรู้ว่าอาจเกิดอะไรขึ้นในอนาคต?”
……………………………