เมื่อลู่โจวออกไป เขากำลังจะไปที่ออฟฟิศของเขาที่แผนกคณิตศาสตร์ แต่เขาบังเอิญไปเจอกับคนรู้จักที่บันไดชั้นล่าง
เอาจริงแล้วคนคนนี้แทบจะเรียกไม่ได้ว่าเป็นคนรู้จัก ลู่โจวเจอเด็กคนนี้มาก่อนไม่กี่ครั้ง แต่ด้วยใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ลู่โจวจำเขาได้
เมื่อเด็กคนนี้เห็นลู่โจว เขาโบกมือให้พร้อมกับทำตาเป็นประกาย
“มาสเตอร์! ผมเอง! หลี่โม่!”
เสียงดังนี้ทำให้คนรอบตัวเขาหันมาสนใจ และบางคนเริ่มแค่นหัวเราะ
จริงๆ แล้ว ลู่โจวอยากเมินเขาและเดินหนีไป
แต่เขาจำได้ว่าเด็กคนนี้ได้เหรียญทองอย่างเพอร์เฟ็คต์ในการแข่งขัน IMO และเดินทางมาที่นี่จากปักกิ่ง เขาจึงถอนหายใจและพูดว่า
“มาที่นี่ถึงมหาวิทยาลัยจินเลย?”
“แน่นอนสิ! คุณบอกว่าคุณจะรับผมเป็นศิษย์” หลี่โม่เกาหัวอย่างประหม่าและพูดว่า “ผมอยากเรียนคณิตศาสตร์กับคุณจริงๆ นะ”
ลู่โจวพยักหน้าและพูดว่า “ผมมีมาตรฐานสูง คุณแน่ใจแล้วเหรอ?”
หลี่โม่พูดอย่างจริงจัง “ผมแน่ใจครับ! ผมอยากเป็นนักคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับคุณ! ผมอยากช่วยชาติของเรา! ผมอยากชนะรางวัลเหรียญฟิลด์—”
“โอเค พอแล้ว” ลู่โจวพูดขัดอย่างใจเย็น “คุณลืมเรื่องเหรียญฟิลด์ไปได้เลย ใครก็ตามที่ชนะรางวัลเหรียญฟิลด์ไม่เคยตั้งเป้าหมายที่จะได้รางวัลนี้ พวกเราแค่กำลังศึกษาภาษาแห่งจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นเหรียญฟิลด์ หรือรางวัลคาร์ล ฟรีดริช เกาส์…รางวัลนี้มันไม่มีความหมายอะไร
ใครก็ตามที่ชนะรางวัลเหรียญฟิลด์ไม่เคยตั้งเป้าหมายที่จะได้รางวัลนี้…”
หลี่โม่ทวนประโยคนี้ในหัว แล้วเขามีสีหน้าฉงนใจ
ลึกซึ้งเสียจริง!
ไม่แปลกเลยที่เขาเป็นนักคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่!
เขาใช้คำพูดดีมาก…
ลู่โจวรู้สึกอายเล็กน้อย เขากระแอมและพูดว่า
“มีคำแนะนำอีกข้อนะ”
หลี่โม่ตอบรับ “ครับ มาสเตอร์!”
“อย่าเรียกผมว่ามาสเตอร์ แค่เรียกผมว่าศาสตราจารย์ลู่ก็พอ แล้วก็ถ้าคุณอยากศึกษาคณิตศาสตร์ได้ดี คุณต้องหยุดทำตัวเย่อหยิ่งและไร้ความอดทน คุณอาจจะต้องกำจัดนิสัยพูดโอ้อวดอย่างถ่อมตนด้วย”
ลู่โจวมองดูเด็กคนนี้แล้วพูดต่อ
“มีคำถามอะไรอีกไหม?”
หลี่โม่เกาหัวและพูดว่า “นั่นหมายถึงคำแนะนำหนึ่งหรือสองข้อนะ?”
“ไม่สำคัญหรอกน่ะ”
หลังจากนั้นลู่โจวหันหลังกลับ
“ตามผมมา ผมจะพาไปดูออฟฟิศ
ถ้าคุณไม่เข้าใจคำถามอะไร ถามผมได้เลย อย่ากวนผมด้วยคำถามไร้สาระ”
หลี่โม่เดินตามลู่โจวและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “โอเคครับ มาสเตอร์!”
…
หลังจากลู่โจวส่งใบเสนอธีสิส เขาปล่อยมันไว้
สำหรับเขาการส่งใบเสนอเป็นแค่การแจ้งให้สถาบันทราบว่าเขากำลังวิจัยเรื่องอะไร ทุนการวิจัยจะไปที่ออฟฟิศของเขาและค่าใช้จ่ายการเดินทาง
หลังจากลู่โจวพาหลี่โม่ไปที่ออฟฟิศ เขาบอกหลี่โม่ว่า “เมื่อคุณจบการศึกษา คุณจะมีโต๊ะอยู่ที่นี่”
ถึงแม้ว่าศาสตราจารย์หลายคนจะเอานักศึกษาปริญญาตรีที่คู่ควรไว้ที่ในออฟฟิศเป็นบางโอกาส ลู่โจวไม่มีแผนที่จะทำแบบนั้น
การศึกษาระดับปริญญาตรีเป็นเรื่องสำคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอัจฉริยะ การให้อิสระกับพวกเขาในการสำรวจสิ่งต่างๆ นั้นดีกว่าการไปจำกัดคนพวกนั้น
นักศึกษาปริญญาตรีจะเรียนรู้ได้มากกว่าโดยการอยู่ในห้องสมุดและวิจัยปัญหาด้วยตัวเอง
เหอฉางเหวินมองดูวัยรุ่นอายุน้อยที่เดินออกไปแล้วถามว่า “ศาสตราจารย์ นั่นลูกศิษย์ของคุณเหรอ?”
ลู่โจวตอบว่า “นักเรียนในอนาคตน่ะ”
อู๋สุยหมู่ นักศึกษาคณิตศาสตร์ประยุกต์ ถอดแว่นตาออกและพูดว่า “ศาสตราจารย์ แล้วพื้นเพของเขาเป็นอย่างไร?”
เขาไม่เคยเห็นศาสตราจารย์ลู่กระตือรือร้นขนาดนี้กับนักศึกษาปริญญาตรีมาก่อน เขาค่อนข้างอยากรู้ว่าชายอายุน้อยคนนี้เป็นใคร
ลู่โจวพูดขึ้น
“ผู้ได้รับเหรียญทอง IMO”
ผู้ได้รับเหรียญทอง IMO!
ถึงลู่โจวพูดแบบสบายๆ บรรยากาศในออฟฟิศนิ่งเงียบทันที
รางวัลเหรียญฟิลด์สำหรับนักเรียนมัธยมปลาย IMO!
และเขาได้รับเหรียญทอง!
ฉันไม่รู้เลยว่าเขาน่าประทับใจขนาดนั้น!
แต่ผู้ได้รับเหรียญทอง IMO มาทำอะไรที่นี่ ทำไมถึงไม่ไปมหาวิทยาลัยเหยียน?
“ดูพวกคุณสิ มันก็แค่เหรียญ IMO”
พวกคุณไม่ได้มีท่าทีแบบนี้ตอนฉันได้รางวัลคาร์ล ฟรีดริช เกาส์
ลู่โจวยิ้มให้นักวิจัยอ่อนหัดแล้วกระแอม เขาพูดตรงประเด็น
“ผมมีเรื่องที่ต้องพูด”
หานเมิ่งฉีและเฟิงจินวางปากกาลง
ทั้งออฟฟิศตกอยู่ในความเงียบ และทุกคนมองดูเขาอย่างจริงจัง
“ไม่ต้องตื่นตระหนกไป” ลู่โจวพูดขึ้น “ผมเพิ่งไปออฟฟิศธุรกรรมวิชาการและส่งใบเสนอธีสิสของผม งานต่อไปของเราคือการรวมพีชคณิตและเรขาคณิต งานของคุณจะอยู่ในด้านทั่วไปนี้…
ผมยังไม่ได้คิดว่าจะตั้งชื่อทฤษฎีนี้อย่างไร ผมจึงแค่อยากบอกพวกคุณไว้ก่อน
ทำงานกันต่อไปครับ”
หลังจากนั้นลู่โจวไม่ได้สนใจท่าทีงุนงงของแต่ละคน เขาหันหลังกลับอย่างสบายๆ และเดินออกจากออฟฟิศ
…
เลเวล 10 ด้านคณิตศาสตร์เป็นเรื่องใหญ่ ลู่โจวจึงต้องจัดเรื่องนี้ให้เป็นลำดับต้นในลิสต์ลำดับความสำคัญ
หลังจากนั้นเขาต้องจัดการกับเบาะแสที่ได้รับจากความทรงจำวอยด์…
หวิงเผิงขับรถพาเขาไปที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง เขาเข้าลิฟต์และไปที่ชั้นใต้ดินของเขา เขาพบกับเศษซากลูกบาศก์สีดำ
มันดูเหมือนกับลูกบาศก์เดียวกันจากความทรงจำของเขาตามที่คาดไว้!
นอกจากพื้นผิวของมันที่เป็นสีดำ รอยสลักและรูปทรงของลูกบาศก์แทบเป็นเหมือนกับลูกบาศก์ทองคำที่เขาดึงออกมาจากสระน้ำฮีเลียมเหลว
ลู่โจวมันใจมากว่าเขาคิดถูกต้อง
ท้ายที่สุดแล้วความทรงจำนี้ถูกฝังอยู่ในสมองของเขา…
“ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นอุปกรณ์เก็บประเภทหนึ่ง…”
นิ้วของลู่โจวไล่สำรวจไปตามเส้นสลัก เขาพยายามหาวิธีการเปิดสิ่งนี้ขึ้น น่าเสียดายที่เขาทำมันไม่สำเร็จ
“…มันน่าจะมีอุปกรณ์บางประเภทเพื่อเปิดสิ่งนี้ขึ้น
แต่…หรือว่าสิ่งนี้มันพังไปแล้ว?”
ลู่โจววางลูกบาศก์ลงโต๊ะทำงาน
กล่องข้อความปรากฏขึ้นบนอินเตอร์เฟสควบคุม
[เจ้านาย อยากให้ฉันแยกส่วนมันออกมาไหม?≧▽≦*]
แขนกลข้างมันเริ่มขยับ
ลู่โจว: “เธอสามารถการันตีได้ไหมว่ามันสามารถถูกประกอบขึ้นใหม่ได้?”
[อะไรนะ? สิ่งนี้ต้องถูกประกอบใหม่เหรอ? (.・∀・)]
“…ใช่สิ ไม่เช่นนั้นฉันสามารถแยกส่วนมันได้เอง”
ลู่โจวมองดูที่แขนกล จากนั้นเขาจ้องมองดูลูกบาศก์สีดำ อยู่ดีๆ เขาก็ถอนหายใจ
“ถ้าฉันสามารถเข้าถึงความทรงจำวอยด์อื่นได้อีก”
สัญชาตญาณบอกว่าคำตอบน่าจะอยู่ในวอยด์
ไม่ใช่แค่คำตอบสำหรับเศษซากนี้
แต่ก็เป็นคำตอบสำหรับต้นกำเนิดของระบบ…
……………………………………..